xs
xsm
sm
md
lg

ผลความพอใจในรัฐบาล

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: พระบาท นามเมือง

ผลการสำรวจ หรือโพลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ ระบุว่า ประชาชนถึง 99.5% พอใจในผลงานของรัฐบาลให้คะแนนกัน 7.5 เต็ม 10 เยอะที่สุดเป็นประวัติการณ์

ตัวเลขผลความนิยมนี้ ได้รับการโจมตีจากฝ่ายที่ไม่ชอบรัฐบาล ว่า “เว่อร์” ไป ไม่น่าเชื่อถือ ซึ่งหากจะกล่าวกันตามตรง ตัวเลขที่ออกมานั้นออกจะสูงเกินไป หรือจะมองว่าสูงเกินจริงก็ไม่ผิด เพราะเท่ากับว่า ในการสำรวจนั้น 200 คน จะเจอคนไม่โอเคกับผลงานของรัฐบาลไม่เกิน 1 คน ซึ่งถ้ากล่าวกันตามเนื้อผ้า มันก็ออกจะดู “เกิน” ไปหน่อยจริงๆ เพราะก็ต้องยอมรับตามหลักโลกธรรมว่า มีสรรเสริญก็ต้องมีนินทา มีคนชอบก็ต้องมีคนชัง

และในฐานะของรัฐบาลที่ทำอะไรก็ตาม นอกจากจะมีผลดีมีคนชอบแล้ว แน่นอนว่าก็จะเกิดผลอีกด้านหนึ่ง ที่ทำให้คนไม่พอใจได้บ้างเช่นกัน

เอาง่ายๆ ว่าถ้าในการสำรวจนี้ มีพวกยี่ปั๊วขายลอตเตอรี่ที่เคยเป็นเสือนอนกิน รับมาถูกขายแพง จนทำให้คนขายรายย่อยต้องถูกบังคับให้ขายราคาแพงกว่าราคาหน้าสลาก ก็ไม่น่าจะตอบว่าพอใจกับการบริหารงานของรัฐบาลแน่ๆ

รวมถึงผู้ที่เสียประโยชน์ในเรื่องอื่นๆ ด้วย เช่น ผู้ค้าย่านคลองถม สะพานเหล็ก ที่ถูกจัดระเบียบ ย้ายแผงย้ายร้านกันออกไป

กับทั้งผู้ที่หวังการปฏิรูปด้านต่างๆ แต่ยังไม่เห็นผลชัดเจน หรือยังมองว่ารัฐบาลยังไม่จริงใจกับการปฏิรูปเท่าที่ควร เช่น เครือข่ายปฏิรูปพลังงาน เป็นต้น

และไม่ต้องพูดถึงเสื้อแดงและเครือข่าย หรือแม้แต่คนที่ไม่ใช่เสื้อแดง แต่ไม่ยอมรับรัฐบาลที่มาจากการกระทำรัฐประหาร ซึ่งจะมากจะน้อย แต่ก็ต้องยอมรับว่าเป็นกลุ่มบุคคลที่มีจริง และมีสัดส่วนที่ไม่น้อยเลยในสังคมไทย

รวมๆ แล้วจะเห็นว่ามีกลุ่มที่น่าจะไม่พอใจรัฐบาลอยู่บ้างตามสมควร แต่คนกลุ่มเหล่านั้นหายไปไหนหมด อันนี้ผู้วิจัยของสำนักงานสถิติแห่งชาติอาจจะจำเป็นต้องแจกแจงหรือแสดงระเบียบวิธีการเก็บข้อมูลเสียหน่อย

เปล่าเลย ไม่ได้จะหมายความว่า รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานี้กำลังเสื่อมความนิยมลงไป หรือมีการสร้างโฆษณาชวนเชื่อก็หาไม่

เชื่อว่าหากไปสำรวจกันอย่างจริงจัง หรือเราๆ ท่านๆ ลองซาวเสียงเล่นๆ จากการพูดคุยกับผู้คนตามวงสนทนาต่างๆ ในบ้าน ร้าน ตลาด ก็เชื่อว่าคนส่วนใหญ่ก็ยังนิยมรัฐบาลนั้นอยู่ และยังคงไว้วางใจให้บริหารประเทศไปจนกว่าจะถึงเวลาตามสมควรที่จะได้มีการเลือกตั้งตามโรดแมป

แต่ก็คงไม่ถึงกับกินขาดกันถล่มทลาย ร้อยละ 99.5 เช่นนี้

การเผยแพร่ผลโพลแบบดูไม่ค่อยน่าเชื่อถือ นอกจากจะเป็นเรื่องเสียเครดิตแก่ผู้ทำแล้ว ก็ยังอาจจะเป็นดาบสองคมถึงรัฐบาลด้วย ว่ารู้เห็นเป็นใจในการปั้นตัวเลข หรือขยิบตาให้หน่วยงานของรัฐในสังกัด ทำโพลออกมาแบบ “เชลียร์” กันหรือเปล่า

และฝ่ายที่ไม่ชอบรัฐบาลหรือเครือข่ายเสื้อแดงอาจจะยิ่งออกมาขย่มถล่มกันใหญ่ ในความไม่น่าเชื่อถือประการนี้เอง

กลายเป็นว่าความนิยมของรัฐบาลกลายเป็นเรื่องตลกที่เอาไว้ล้อไว้อำกันเสียอย่างนั้น

อย่างที่กล่าวไปแล้ว ว่า ผลงานของรัฐบาลนั้น ถือว่าทำได้ในระดับสอบผ่านแน่ๆ ซึ่งหลายสิ่งไม่อาจจะกระทำได้ในสมัยรัฐบาลจากการเลือกตั้ง เพราะติดเรื่องขัดขาผลประโยชน์ฝ่ายโน้นฝ่ายนี้เอง เช่น การจัดการเรื่องลอตเตอรี่เกินราคาที่กล่าวไว้ข้างต้น หรือการรื้อแผงลอยหรือร้านค้าที่รุกล้ำที่สาธารณะย่านต่างๆ คืนคลองและทางเท้าให้ประชาชน

หรือการจัดการปัญหาที่หมักหมมมาหลายรัฐบาล เช่นเรื่องเรือประมงผิดกฎหมาย ซึ่งอาจจะเป็นฐานเสียงของนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง จนเกิดรายการลูบหน้าปะจมูก จนเกิดเป็นปัญหา และถูกต่างชาติทั้งยุโรปและอเมริกาถือใช้เป็นข้ออ้างในการบีบขู่หรือกดดันทางการไทย

การแก้ไขและออกกฎหมายสำคัญหลายฉบับ ที่ควรจะมีมาตั้งนานแล้ว เช่น การออกกฎหมายว่าด้วยการอุ้มบุญ การปรับปรุงประมวลกฎหมายอาญา กฎหมายแพ่ง และกฎหมายวิธีพิจารณาความให้ทันสมัย เช่น การกำหนดความผิดเกี่ยวกับศพซึ่งเคยเป็นช่องว่างสำคัญทางกฎหมาย ปรับปรุงเรื่องกฎหมายค้ำประกัน และกฎหมายว่าด้วยการดำเนินคดีแบบกลุ่มบุคคล ที่มีกันตั้งนานแล้วในต่างประเทศ พวกนี้เป็นผลงานในทางนิติบัญญัติที่คนไม่ค่อยทราบ ยกเว้นคนในวงการกฎหมาย

กฎหมายพวกนี้เป็นกฎหมายสำคัญที่ต้องปรับปรุงให้ทันสมัยเพราะในต่างประเทศเขามีหมดแล้ว อย่างกฎหมายเรื่องอุ้มบุญ นี่ทำเอาประเทศไทยกลายเป็นฟาร์มเพาะเด็กหลอดแก้วแบบผิดจริยธรรมอยู่นานเพราะไม่มีกฎหมายรับรองหรือกำหนดกฎเกณฑ์

แต่ในรัฐบาลเลือกตั้งนั้นทำไม่ได้ เนื่องจากจะมุ่งผลักดันแต่กฎหมายที่เป็นประโยชน์ต่อทางการเมืองของตัวเองเท่านั้น เช่น กฎหมายเงินกู้ กฎหมายนิรโทษกรรมยกเข่งต่างๆ

ผลงานของรัฐบาลนี้มีมาก และที่ยังจะต้องรอความชัดเจนก็ยังมีอีก เช่น รถไฟความเร็วปานกลางที่เซ็นสัญญากับจีนไป หรือเรื่องการแก้ปัญหากระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งเรื่องหลังนี้ ผู้คนส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่า รัฐบาลยังแก้ปัญหาได้ไม่เห็นผลนัก และการค้าส่วนใหญ่ยังออกจะไม่ค่อยสดใสเท่าไรนัก แต่กระนั้นก็มีบางธุรกิจที่ไม่กระทบ ไปได้สวย แต่ธุรกิจระดับผู้บริโภคทั่วไปมีปัญหาแน่ๆ รวมทั้งการส่งออกที่ยังคงติดลบอยู่ ซึ่งตัวเลขพวกนี้โกหกไม่ได้

รัฐบาลคงยังต้องทำงานหนักอยู่ แต่ก็แน่ละว่า ประชาชนส่วนใหญ่ก็ยังคงยินดีให้โอกาสรัฐบาลนี้ทำงานอยู่ เสียงเรียกร้องที่จะมีการเลือกตั้งก็ไม่ค่อยปรากฏ เว้นแต่กับเครือข่ายพรรคการเมือง หรือพวกประชาธิปไตยจ๋า

การสำรวจความนิยมหรือความพึงพอใจในนโยบายของรัฐบาลนั้น หากจะมีก็ควรทำอย่างเที่ยงตรง แม้ตัวเลขอาจจะไม่ออกมาสวยหรูเกิน 90% แต่กระจกที่สะท้อนความจริงออกมาใกล้เคียงที่สุด ย่อมน่าจะดีกว่า

เพื่อประโยชน์ในการประเมินผล และเพื่อให้รัฐบาลรู้ว่าตรงไหนดีแล้ว ตรงไหนยังบกพร่อง เพื่อที่จะพยายามมากขึ้นในปีต่อไปในการแก้ปัญหา และสานต่อการปฏิรูปต่อไปให้ได้ ก่อนที่จะวางมือให้มีการเลือกตั้งหลังจากที่ทุกอย่างเข้ารูปเข้ารอยแล้ว.
ตามดูท่าทีกลุ่มการเมือง-นักวิชาการ-ธุรกิจท้องถิ่น วิพากษ์รถไฟความเร็วสูง กทม.-โคราช หลัง “บิ๊กตู่” ประกาศรัฐเตรียมลงทุนเอง
ตามดูท่าทีกลุ่มการเมือง-นักวิชาการ-ธุรกิจท้องถิ่น วิพากษ์รถไฟความเร็วสูง กทม.-โคราช หลัง “บิ๊กตู่” ประกาศรัฐเตรียมลงทุนเอง
ตามดูท่าทีกลุ่มการเมือง-นักวิชาการ-ธุรกิจท้องถิ่น วิพากษ์ หลัง “บิ๊กตู่” ประกาศรัฐเตรียมลงทุนเอง “โครงการรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา” ความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม. “ประชาธิปัตย์” เสนอ 5 ข้อ ชี้ลงทุฝ่ายเดียวความเสี่ยงสูง เน้นรถไฟทางคู่ พัฒนาระบบมอเตอร์เวย์ครอบคลุมทั่วประเทศ ชู “ปฏิรูปการรถไฟ” แนะเจรจากับผู้นำสูงสุดจีนโดยตรง ใช้ กม.ปกติแทน ม.44 ไฟเขียวอีไอเอ ด้านนักวิชาการวิศวะ จุฬาฯ ไม่เชื่อคุ้มค่า ย้ำยังมีปัญหาการจัดการ บริหาร ซ่อมบำรุง เชื่อ 580 บาทค่าโดยสารเต็มระยะสูงเกินไป ส่วน “หอการค้าโคราช” ยันคุ้มค่า อดีตหอฯ อีสานเชียร์นักลงทุนไทยร่วมลงขัน
กำลังโหลดความคิดเห็น