xs
xsm
sm
md
lg

เอาไงดีในช่วงเว้นวรรคประชาธิปไตย

เผยแพร่:   โดย: พระบาท นามเมือง

ข้อหาสำคัญที่ฝ่ายประชาธิปไตยตามรูปแบบเอาไว้ใช้กล่าวหาว่า เหตุที่ประเทศไทยไม่ไปไหน ประชาธิปไตยไม่พัฒนา เป็นเพราะมีการปฏิวัติรัฐประหารกันบ่อยๆ

ยกอันดับความถี่การก่อรัฐประหารในระดับโลกขึ้นมาเทียบ เพื่อบอกว่า ประเทศเรายังไม่เคยได้เป็นประชาธิปไตยจริงๆ เสียที เพราะมีการทำรัฐประหาร ดังนั้น จะบอกว่าที่ประเทศไม่พัฒนาเพราะนักการเมือง เพราะระบอบประชาธิปไตยนั้นโทษไม่ได้นะ

แต่พวกเขาไม่ได้ย้อนไปว่า เหตุผลของการทำรัฐประหาร ก็มาจากการทุจริตฉ้อโกงของนักการเมืองนั่นเอง

ถ้าจะมองว่าการทุจริตคอร์รัปชันเป็นข้ออ้างในการเข้าสู่อำนาจของฝ่ายทหาร ก็น่าสังเกตว่า ถ้าเช่นนั้น ทำไมการรัฐประหารในแทบทุกครั้ง เกือบไม่ปรากฏว่ามีประชาชนส่วนมากออกมาต่อต้านเลย จะมีบ้างก็คือฝ่ายประชาธิปไตยกันแต่รูปแบบที่มีนักการเมืองเป็นสรณะอย่างที่ได้กล่าวไปนั่นแหละ

อาจกล่าวได้ว่า การรัฐประหารในแต่ละครั้งนั้นได้รับฉันทานุมัติหลวมๆ จากประชาชน เนื่องจากประชาชนก็ไม่สามารถที่จะแก้ไขปัญหาเรื่องการทุจริตประพฤติมิชอบ หรือเข้ามาแสวงหาประโยชน์อันมิควรได้ของพวกนักการเมืองได้เลย

จะหวังกลไกการตรวจสอบทางรัฐสภาก็เป็นพวกกันหมด แทบไม่เคยมีครั้งไหนที่การตรวจสอบทางรัฐสภาจะเอาเปรียบคนโกงได้เลย

จะหวังกระบวนการยุติธรรม แม้จะเด็ดขาดเห็นผล แต่ก็ค่อนข้างล่าช้า เพราะกว่าจะไปถึงศาล มีด่านตั้งเท่าไร การแสวงหาพยานหลักฐานก็ต้องสู้กับนักการเมืองที่มีทั้งผลประโยชน์ หรือดีไม่ดีในบางยุคบางสมัย นักการเมืองขี้โกงส่งหนอนบ่อนไส้เข้าไปไว้ในองค์กรตรวจสอบอีกต่างหาก

หรือแม้แต่กระทั่งเป็นกลไกศาล ผ่านคำพิพากษาถึงที่สุดมาแล้ว แต่นักการเมืองสมัยนี้ก็อัพเกรดตัวเองขึ้นไปอีกชั้น คือถึงกับสามารถอ้าง “ความชอบธรรมเพราะมาจากเสียงของประชาชน” ว่าเหนือกว่าศาลที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ไม่ยอมรับผลคำพิพากษาหรือคำตัดสินก็ยังมีเลย

หลายต่อหลายครั้งที่ศาลตัดสินมาแล้ว ก็กลายเป็นว่าบังคับคดีกันจริงไม่ได้ ด้วยว่าพอถึงเวลา จำเลยที่มีฐานะและอิทธิพลก็หนีออกไปนอกประเทศ ไม่ว่าจะตัวใหญ่ระดับชาติหรือนักการเมืองท้องถิ่น ถ้าจะโชคดีจับได้ก็ต้องรอให้เขาคิดถึงบ้านจนชะล่าใจกลับมาให้ถูกจับเอง

จะหวังผลตามแบบ “ประชาธิปไตย” ว่า เอ้า ไม่เป็นไร เดี๋ยวรอคราวหน้าก็ไม่ต้องเลือกคนโกงเข้ามาในสภาฯ หรือในทำเนียบฯ พวกเขาก็ใช้วิธีการซื้อเสียงทั้งทางตรงแบบใช้เงินเป็นฟ่อนๆ ยิงกระสุนลงไป และทางอ้อมผ่านนโยบายประชานิยมลดแลกแจกแถมต่างๆ ทำให้กลับเข้ามา เมื่อกลับเข้ามาได้อีก พวกเขาก็เข้มแข็งขึ้น สร้างระบบและสะสมกำลังเงินกำลังทุนจนยิ่งใหญ่ และล้มยากขึ้นเรื่อยๆ

ด้วยเหตุนี้ การปฏิวัติรัฐประหารจึงเหมือนเป็นเครื่องมือเดียวที่แม้ไม่ชอบธรรม แต่ก็จำเป็นต้องทำเพราะไม่เหลือวิธีทางอื่นแล้ว

เหมือนการยิงหัวผีดิบซอมบี้ เพื่อช่วยชีวิตคนที่เหลือไม่ให้ตกเป็นเหยื่อ หรือกลายเป็นซอมบี้กันทั้งประเทศ

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่นักประชาธิปไตยแต่เพียงรูปแบบไม่รู้ไม่เข้าใจ ท่องแต่คาถาที่ได้ยินมาจากศาสดาหรือตำรับตำราว่า ประชาธิปไตยต้องปล่อยให้แก้ไขปัญหาได้ด้วยตัวของมันเอง ต้องลองผิดลองถูก ศึกษาและเติบโตกันไป

แต่ถ้าถามหน่อยว่า หากทดลองกันจนชาติล่ม คนรวยหอบทรัพยากรทุกอย่างกอบกุมอำนาจได้หมดแล้ว จะเหลือพื้นที่ที่ไหนให้ทบทวนหรือศึกษาแก้ไข อย่าว่าแต่โอกาสเติบโตในอนาคตเลย

เช่นนี้ ประชาชนฝ่ายที่เห็นว่า การรัฐประหารแม้เป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ แต่ในเมื่อมันเกิดขึ้นแล้วและสามารถหยุดชะงักความเสื่อมทรามของประชาธิปไตยที่ยังบกพร่องไม่ลงตัวได้ แทนที่จะกางตำราไล่ปฏิเสธแบบไม่สนใจข้อเท็จจริง ทำไมจึงไม่ใช่วิถีการปรับเปลี่ยนไปตามสภาพและความเป็นจริงเล่า

เริ่มตั้งแต่การจับจ้องมองดูผู้เข้ามาใช้อำนาจหลังการรัฐประหาร ว่าให้อยู่ในอำนาจแต่เพียงชั่วคราวจริงๆ

ทักท้วงหากเห็นว่าการใช้อำนาจนั้นไม่เป็นไปตามความประสงค์ของคนส่วนใหญ่ อันนี้ต้องเห็นว่าเป็นเรื่องของคนส่วนใหญ่จริงๆ ซึ่งเราก็จะเห็นว่า การทักท้วงหากมาจากเสียงของคนส่วนใหญ่จริงๆ รัฐบาลที่แม้มีอำนาจเต็มจากการรัฐประหาร มีทหารเป็นแผงอยู่เบื้องหลังคอยกระชับอำนาจ ก็ยังไม่กล้าหักหาญทำอะไรที่ฝืนต่อความประสงค์ของมหาชนจนเกินไปนัก ตัวอย่างที่ผ่านมา เช่นเรื่องซิงเกิล เกตเวย์

เช่นนี้ถ้าหวังดีและอยากได้ประชาธิปไตยที่แท้จริง ในระหว่างนี้เราจึงควรใช้เวลาในช่วงแห่งการเว้นวรรคประชาธิปไตยแต่เพียงรูปแบบ ในการร่วมตรวจสอบการใช้อำนาจของฝ่ายที่เข้ามาดูแลประเทศชั่วคราว ให้ดำเนินบทบาทหรือใช้อำนาจหน้าที่ไปในทางที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนส่วนใหญ่ ป้องกันไม่ให้ใช้อำนาจเกินขอบเขต

และยังต้องเฝ้าดูแลให้เขาทำการปฏิรูปประเทศและวางแม่แบบการปลูกสร้างประชาธิปไตยให้เป็นไปได้โดยสมบูรณ์ตามเจตนารมณ์ของประชาชน และตามที่เขาได้ให้สัญญาเอาไว้เมื่อครั้งที่อาสาเข้ามาแก้ไขปัญหาของประเทศ เช่นนี้จะไม่ดีกว่าหรือ

เพราะไม่ว่าจะอย่างไร เราปฏิเสธความจริงไปไม่ได้แน่นอนว่า ประเทศเราในที่สุด หากจะอยู่ในสังคมโลก จะต้องปกครองในระบอบประชาธิปไตย และมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขอันเป็นมรดกและวัฒนธรรมประจำชาติของเรา และระบอบประชาธิปไตยที่ได้รับการยอมรับ ก็จะต้องมีตัวแทนมาจากการเลือกตั้งของประชาชน

ระหว่างนี้เรามาช่วยกันออกแบบระบบที่ว่ากันก่อนดีไหม ระบบที่ให้ผู้แทนเป็นตัวแทนของประชาชนจริงๆ ใช้อำนาจโดยเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวม ไม่ใช้การเข้าสู่การเมืองเพื่อแสวงหาและสืบทอดอำนาจโดยมิชอบ

วางระบบตรวจสอบถ่วงดุลเพื่อให้ได้ระบบที่หวังผลได้จริง ที่จะป้องกันมิให้นักการเมืองกระทำการโดยไม่ชอบได้อีก

น่าจะดีกว่าการดึงดันแต่จะล้มจะคว่ำ นำประเทศย้อนกลับไปสู่ระบบเดิมๆ ที่มีปัญหามาตลอดหลายสิบปีนี้.
กำลังโหลดความคิดเห็น