xs
xsm
sm
md
lg

ประชารัฐ เพื่อราษฎร์ และ เพื่อรัฐ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


รวยด้วยรัก...รวยด้วยหุ้น …
โดย มนตรี ศรไพศาล

เมื่อวันที่ 20 กันยายนที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กล่าวย้ำในงาน “สานพลังประชารัฐเพื่อเศรษฐกิจฐานราก” ว่า ต้องการขับเคลื่อนประเทศชาติตามยุทธศาสตร์ “ประชารัฐ” ให้สอดคล้องตามเนื้อหาสาระเพลงชาติไทยที่เราขับร้องหรือได้ยินกันทุกวัน ซึ่งมีใจความว่า “ประเทศไทยรวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย เป็นประชารัฐ ไผทของไทยทุกส่วน อยู่ดำรงคงไว้ได้ทั้งมวล ด้วยไทยล้วนหมาย รักสามัคคี………..”

ยุทธศาสตร์ประชารัฐของรัฐบาลนั้นเป็นการร่วมมือกันในการสร้างสรรค์ สร้างพลังในการทำความดีให้ประเทศชาติ ไม่ใช่เพื่อตนเอง หรือข้าราชการ แต่ทำเพื่อประชาชนทุกคน คำมั่นสัญญานี้ไม่ใช่นโยบายหาเสียง แต่ถือเป็นสัญญาระหว่างรัฐกับประชาชน ที่จะร่วมมือแก้ไขปัญหา หรือแก้ไขความผิดพลาดในอดีตทั้งหมดให้ได้โดยความร่วมมือกัน แต่ไม่ใช่เป็น “ประชานิยม” เพราะประชานิยมเป็นเรื่องที่ประชาชนให้ความนิยมต่อภาครัฐ แต่รัฐบาลนี้เป็นความร่วมมือของรัฐบาลกับประชาชนในการแก้ไขปัญหา ไม่ต้องการให้เกิดบุญคุณต่อใคร แต่ต้องการทำเพื่อประเทศชาติและประชาชน

“ประชารัฐ” ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นการหยิบคำเก่ามาใช้ใหม่ให้ดูแตกต่างเท่านั้น เพราะในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 8 มีการบัญญัติศัพท์หรือเป้าหมายของประชารัฐเพื่อการลงมือปฏิบัติมาแล้ว รวมทั้งคำว่าการพัฒนาประชารัฐ ซึ่งช่วงหนึ่งเราจะชินหูชินตากับคำว่า Good Governance หรือธรรมาภิบาล

ในอดีตเรามียุทธศาสตร์การพัฒนาประชารัฐ 4 ข้อใหญ่ ได้แก่

(1) การเสริมสร้างหลักการใช้บังคับกฎหมายที่ถูกต้องตามเจตนารมณ์ และปรัชญากฎหมาย โอกาสและสภาวะแวดล้อม ให้สนับสนุนการมีส่วนร่วมของประชาชน

(2) การส่งเสริมการมีส่วนร่วมในกระบวนการพัฒนาของทุกภาคส่วน

(3) การเพิ่มพูนประสิทธิผลและประสิทธิภาพของภาครัฐ และ

(4) การสร้างความต่อเนื่องในการบริหารรัฐกิจ

นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กล่าวว่า คำว่า “ประชารัฐ” จึงไม่ใช่เรื่องใหม่ ขอยืนยันว่าประชาชนคาดหวังสูงว่าจะต้องทำตามคำสัญญาให้ได้ เพราะตอนนี้รัฐบาลทหารมีอำนาจเป็นธรรมแบบเบ็ดเสร็จแล้ว เหลือแค่ใช้ธรรมเป็นอำนาจ กระทำให้สัมฤทธิผลอย่างซื่อสัตย์เท่านั้น

ผมเห็นด้วยในทุกประเด็น ดังนี้

1. รัฐบาลพุ่งเป้าเพื่อ เศรษฐกิจ “ฐานราก”

...ตึกแข็งแรงไม่ได้ ถ้าฐานรากไม่แข็งแรง

...ตึกและฐานรากอยู่ไม่ได้ ถ้าไม่ต่อสนิทเป็นหนึ่งเดียวกัน

เราจึงต้องช่วยเหลือประชาชนระดับ “ฐานราก” ซึ่งไม่ได้แปลว่า สังคมแบ่งเป็น “ชนชั้น”

ประเทศไทยได้ “เลิกทาส” ไปแล้วกว่าร้อยปี คนไทยทุกคนมีสิทธิและเสรีภาพ

ผมชอบใจที่รัฐบาลเสนอเงื่อนไขสนับสนุนประชาชนผู้มีรายได้น้อย อันเป็นฐานรากที่สำคัญของชาติให้เติบโต ทั้งโครงการ “กองทุนหมู่บ้าน” “โครงการตำบล” หรือ โครงการเล็กๆ ของรัฐทั้งแผ่นดิน จะทำให้เงินงบประมาณแพร่สะพัดออกไปในไม่ช้า

สิ่งที่ดีคือ ท่านนายกฯ บอกว่า สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เพื่อเป็นบุญคุณส่วนตัว ต่างกับผู้มีอำนาจในอดีต ประกาศนโยบายประชานิยม เป็นต้นทุนของรัฐมากมาย แต่กลับใช้เป็น “บุญคุณส่วนตัว” เงินเหล่านั้นมาจากภาษีประชาชนทั้งประเทศ ไม่ถูกต้องที่จะไปสร้างความเข้าใจ และยอมรับกันว่าเป็น “บุญคุณส่วนตัว”

2. ทำดี ไม่ต้องมีโกง เมื่อการทำสิ่งดีๆ ไม่ได้มีควบคู่กับ “การโกง” หรือ “การทุจริต” ประชาชนก็จะได้ประโยชน์อย่างเต็มที่ เรื่องดีๆ ที่ประชาชนนิยม ไม่จำเป็นต้องควบคู่ไปกับการโกง

ประชาชนควรเลิกเชื่อว่า “ทุจริตคอร์รัปชันยอมรับได้ ถ้าประชาชนได้ประโยชน์”

โดยรับรู้ทั่วกันว่า ที่ประชาชนได้ประโยชน์ไม่ใช่เพราะมีทุจริตคอร์รัปชัน แต่ได้ประโยชน์เพราะภาษีที่ประชาชนช่วยกันเสียให้รัฐ ดังนั้นจึงควรสรุปว่า “ทุจริตคอร์รัปชันยอมรับไม่ได้ เพราะประชาชนได้ประโยชน์น้อยลง”

3. เพื่อราษฎร์ และ เพื่อรัฐ ถ้าคนยุคเราหวังเอาแต่ประโยชน์ส่วนตน แต่โครงการรัฐอาจต้องแบกภาระขาดทุนให้รุ่นลูกหลานเรามากมาย เช่นโครงการที่ผ่านมา อาจทำให้รัฐต้องขาดทุนร่วม 5 แสนล้านบาท ภาระของรัฐเหล่านั้นเป็นของใคร? ก็คือของลูกหลานเรานั่นเอง

แล้วเราจะอยู่กินกันอย่างสบายๆ บนภาระหนี้ที่เราทิ้งไว้ให้ลูกหลานเราได้อย่างไร?

จริงน่ายินดีและสนับสนุนการดำเนินนโยบาย “ประชารัฐ เพื่อเศรษฐกิจฐานราก” เพื่อราษฎร์ และ เพื่อรัฐ ครับ

มนตรี ศรไพศาล (montree4life@yahoo.com; www.oknation.net/blog/richwithlove; @montrees)


กำลังโหลดความคิดเห็น