xs
xsm
sm
md
lg

บรรพตกับพวก “เสรีชน”

เผยแพร่:   โดย: พระบาท นามเมือง

ข่าวใหญ่ของสัปดาห์นี้คงไม่มีอะไรมากกว่าการจับนักจัดรายการตัวเอ้ของพวกแก๊งหมิ่น ที่มีนามว่า “บรรพต” ผู้ผลิตคอนเทนต์ผ่าน Youtube ปล่อยข่าวเท็จเกี่ยวกับเรื่องการเมืองพาดพิงไปยังเบื้องสูง

ตัวจริงของ “บรรพต” มีชื่อนายหัสดิน อุไรไพรวัน ซึ่งยอมรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา

ประวัติของนายบรรพตที่ถูกเปิดเผยออกมาก็ไม่มีอะไรมาก นอกจากเป็นคนตกงานไม่มีใครจ้าง อาศัยเงินของครอบครัวซึ่งก็คือลูกๆ ดำรงชีวิต วันหนึ่งไปร่วมชุมนุมกับพวกเสื้อแดง ก็เลยเห็นช่องทำกิน จึงเปิด Youtube ตั้งตัวเป็นดีเจข่าวซีฟ โม้เล่าข่าวลับ ลวง พราง แบบเฉี่ยวๆ บ้าง ตรงๆ บ้าง เรียกเรตติ้ง พอเริ่มไปได้ดีมีคนติด ก็เริ่มทำเสื้อยืด หรือผลิตสินค้าออกมาขายสาวกหรือผู้ติดตาม รวมถึงเรื่อง “น้ำเลี้ยง” ที่ทางการยังต้องติดตามสืบเสาะกันต่อไป

อันที่จริงรายของนายบรรพตนี้โด่งดังมานานแล้วในหมู่เสื้อแดงสายฮาร์ดคอร์ หรือพวกชอบข่าวลือข่าวลวงหรือทฤษฎีสมรู้ร่วมคิดตั้งแต่ปี 2554 เห็นจะได้ แต่เพิ่งจะมาจนมุมถูกจับเอาในตอนนี้เอง เนื่องจากการเอาจริงเอาจังของทางฝ่ายความมั่นคงเนื่องจากกรณีมีเอกสารแถลงการณ์ปลอมระบาดเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

แม้จากการสอบสวนจะยังไม่พบว่า นายบรรพตมีส่วนเกี่ยวข้องกับ “ตัวใหญ่” ที่จัดทำและไฟเขียวให้แพร่แถลงการณ์ก็ตาม แต่ก็เท่ากับทำให้ดีเจตัวเอ้ที่มีสาวก มีเครือข่ายติดตามจำนวนมากถูกจับกุมได้ในที่สุด ปิดตำนานกันเสียทีหลังจากเผยแพร่ต่อเนื่องมาร่วม 4 ปี

อย่างไรก็ตาม ก็ต้องยอมรับนายหัสดิน หรือบรรพตอยู่บ้าง ในแง่ที่เขาออกมาเปิดอกยอมรับผิดและขอรับโทษรับกรรมตามความผิด อันนี้ใครๆ โดนจับกุมก็อาจจะพูดได้เพราะจนมุมแล้ว แต่ที่น่าสนใจคือประโยคฝากไปถึงบรรดาเครือข่ายที่ว่า

“ใครก็ตาม ทั้งเอ็นจีโอ หรือกลุ่มไหน อย่าเอาโมเดล กรอบความคิด (Paradigm) ของอากงมาใช้กับผม คนที่จะเข้าเรือนจำไปหาผม เพื่อจะพบผมแล้วแสวงหาผลประโยชน์จากผมขอให้หยุดเลย ไม่ต้องมาทำแบบนี้”

ประโยคนี้ของบรรพต เป็นการดักทางบรรดา “แนวร่วม” ที่ทำให้เรารู้ได้ว่า มีเครือข่ายเอ็นจีโอที่พยายาม “หาประโยชน์” จากการที่มีคนถูกจับกุมในคดีหมิ่น มาช่วยในการ “ตีปี๊บ” เพื่อสร้างผลงาน แสวงหาประโยชน์ ในขณะที่ปากว่าหน้าหนึ่ง ก็พยายามต่อสู้ว่า กฎหมายหมิ่นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 นั้นไม่ดีอย่างนั้นอย่างนี้ เป็นกฎหมายไม่ยุติธรรมกดขี่ผู้คน

แต่ในอีกทางหนึ่ง พวกนี้ก็ได้ประโยชน์บางประการที่มีคนถูกจับ หรือถูกดำเนินคดีตามกฎหมายมาตรานี้ และบางคนก็เป็นไปที่ระดับชาวบ้านๆ ก็ทำไปเพราะถูกคลิป หรือแม้แต่ข้อมูลที่อ้างว่าเป็นข้อมูลทางวิชาการของคนกลุ่มนี้ กล่อมเกลาจนเผลอไผลกระทำการอันถือเป็นความผิดฐานหมิ่นเบื้องสูง ในขณะที่พวกคอยยุหรือป้อนข้อมูลให้นั้นแม่นกฎหมาย และระวังตัวพอที่จะไม่ทำอะไรล้ำเส้นเสี่ยงถูกดำเนินคดีให้เป็นอันตรายต่อตัวเอง

พูดง่ายๆ คือ ยุชาวบ้านไปติดคุก เพื่อตัวเองจะได้มีผลงาน มี “เหยื่อ” ไปทำแคมเปญเรียกร้องประเด็นหมิ่นเหม่อย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ

น่าสังเกตอีกประการว่า หากใครเคยเผลอไผลไปฟังคลิปนายบรรพต หรือเข้าเว็บไซต์ เข้าเพจหลายเพจ จะพบว่า คนกลุ่มนี้มักจะนิยมเรียกตัวเองว่า เป็นพวก “เสรีชน” หรือ “ลิเบอรัล”

ลิเบอรัลที่มาจากคำว่า Liberalism ที่จริงๆ แล้วแปลว่า “เสรีนิยม” แต่ถูกเอาไปตีความว่าเป็นเรื่องของ “หัวก้าวหน้า” ได้แก่การที่พวกเขาเชื่อว่า ถ้าคุณเป็นเสรีนิยม คุณต้องไม่เชื่อในคุณค่านิยมใดๆ ที่เคยถูกปลูกฝังมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความรักชาติ การเคารพนับถือศาสนา การเทิดทูนบูชาพระมหากษัตริย์ หรือแม้แต่เรื่องทางจริยธรรม เช่น คุณความดี ความรัก ความกตัญญู

“ลิเบอรัล” พวกนี้เชื่อว่าทั้งหลายทั้งปวงนั้นคือการ “ครอบงำ” หรือการบังคับ ไม่เป็น “เสรี” หาก “เสรี” ต้องสละละทิ้ง “คุณค่า” เหล่านั้นไปให้หมด ตั้งคำถาม วิพากษ์วิจารณ์ให้ได้ทุกเรื่อง

ถ้าใครลองเข้าไปส่องในเพจเฟซบุ๊กยอดนิยมของสายนี้หลายๆ เพจ คงพอจะจับแนวทางได้ ไม่ใช่แค่เพจหมิ่นสถาบันเป็นที่นิยมในหมู่เสื้อแดงสายล้มเจ้าเท่านั้น แต่ก็ยังมีเพจประเภทลบหลู่ศาสนาและความเชื่อต่างๆ ทั้งศาสดาในศาสนาที่เป็นที่เคารพ พระสงฆ์ก็ถูกเพจพวกนี้นำมาล้อเลียนลบหลู่แบบเสียๆ หายๆ หรือลบหลู่ความเชื่อในเรื่องต่างๆ ที่สังคมนับถือกัน การล้อเลียนเหยียดหยามถูกนำไปมั่วเหมารวมกับเสรีภาพในการวิพากษ์วิจารณ์อย่างมีเหตุผล

รวมถึงการตั้งคำถามหรือหา “มุมมองใหม่” มาอธิบายค่านิยมที่ถือเป็นคุณงามความดี ว่า ความดีนั้นมีจริงหรือ หรือจริงๆ ความดีคือเรื่องที่จับต้องไม่ได้ หรือแม้แต่มองว่าความดีเป็นเพียงข้ออ้างของฝ่ายที่อยากมีอำนาจปกครองคนอื่น ความชั่วก็ไม่มีจริง เป็นเพียงข้ออ้างของ “คนดี” ที่อยากได้อำนาจ หรือความกตัญญูเป็นการฉุดรั้งให้สังคมตกอยู่ในระบบอุปถัมภ์ ความรักของพ่อแม่นั้นไม่มีจริง การเลี้ยงดูลูกเป็นเพียงสัญชาตญาณต่างตอบแทนเพื่อให้มีผู้กลับมาเลี้ยงดูในยามแก่เฒ่า

แนวคิดแบบนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ มีอยู่ในทุกยุคทุกสมัย แต่ปัจจุบันกลับมาในนามของการเป็น “เสรีชน - ลิเบอรัล”

การปลูกสร้างแนวคิดทำนองนี้ทำได้ง่ายและเห็นผลไว เพราะถูกจริตเด็กรุ่นใหม่ที่แสวงหาการยอมรับ เชื่อว่าตัวเองแปลกกว่า ดีกว่าคนอื่น เรียกว่าตัวเองเป็นคนพิเศษ เช่น คนส่วนใหญ่จงรักภักดีต่อสถาบัน เราเป็นคนพิเศษต้องไม่รักก็ได้ คนส่วนใหญ่ไหว้พระ นับถือพระ เราต้องด่าล้อเลียนพระ โดยเฉพาะถ้าด่าพระที่มีคนนับถือมากๆ ได้ยิ่งดี ฯลฯ

ทำไมฝ่าย “การเมือง” บางกลุ่มถึงชอบให้มีคนแนวนี้ นั่นก็เพราะว่า เมื่อใดก็ตามที่คนในสังคมมุ่งแต่ตั้งคำถามว่า ดีชั่วคืออะไร โกงคืออะไร ความรักชาติมีจริงหรือไม่ ทำได้เมื่อไรแล้ว ก็เท่ากับว่า คนกลุ่มนี้พร้อมจะยอมรับอะไรก็ได้ ที่ตรงกับจริตของตัวเอง แม้แต่โกงชาติก็ไม่ใช่เรื่องชั่วร้าย เพราะคำว่า “ชาติ” ก็ไม่มีจริง ความชั่วร้ายก็ไม่มีจริง ผลประโยชน์ที่สัมผัสวัดผลได้นี่สิถึงเป็นความจริง

และที่สำคัญ การที่นำเอาความเป็น “ลิเบอรัล” หรือเสรีนิยมผิดทางในลักษณะดังกล่าว ไปผูกกับประชาธิปไตย ก็ยิ่งเป็นเรื่องน่ากลัวว่า เราจะมีแต่ผู้ศรัทธาในประชาธิปไตยที่ไม่รู้ผิดถูกดีชั่ว ถือเพียงว่าผู้ใดมีอำนาจมาจากการเลือกตั้งนั้นเป็นฝ่ายถูกต้อง ทำอะไรก็ได้ไม่มีกรอบขอบเขต เพราะความชั่วความดีไม่มีจริง.
กำลังโหลดความคิดเห็น