วานนี้ (3ก.พ.) พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ในช่วงก่อนเข้าสู่วาระการประชุม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวย้ำถึงข้อสั่งการเมื่อครั้งประชุมหัวหน้าส่วนราชการระดับปลัดกระทรวง ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในเรื่องการจัดตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนระดับกระทรวง ซึ่งมีการตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนในส่วนของรัฐบาล และคสช.ไปแล้ว เพื่อติดตามเร่งรัดงานของรัฐบาล และแก้ไขข้อติดขัด
แต่ตอนนี้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาอีกชุด ซึ่งเป็นระดับกระทรวง ซึ่งอยู่ระหว่างการยกร่างคำสั่ง โดยนายกฯ กล่าวว่า คณะกรรมการต้องเป็นคนที่ไม่มีหน้าที่ประจำของแต่ละกระทรวง อาจจะเป็นผู้ตรวจราชการ ก็สุดแล้วแต่ และให้แต่ละกระทรวงตั้งคณะทำงานรองรับผู้แทนของแต่ละกระทรวง เพื่อขับเคลื่อนในระดับกระทรวง เพื่อให้คณะกรรมการทั้งของรัฐบาล คสช. และระดับกระทรวง สามารถติดต่อประสานงานกันได้ เพราะการแก้ปัญหาข้อขัดข้องในแต่ละกระทรวง บางทีก็หาจุดประสานงานไม่ถูก ฉะนั้นเมื่อมีคณะกรรมการระดับกระทรวงแล้ว จะได้หาข้อขัดข้องนั้นเจอ และสามารถติดต่อหน่วยงานได้ตรงกับปัญหาเพื่อบูรณาการทุกภาคส่วน
นอกจากนี้ นายกฯ ยังได้กำชับถึงเรื่องการจัดทำฐานข้อมูล ไม่ว่าจะกายภาพเรื่องน้ำ ทรัพยากรธรรมชาติ เศรษฐกิจ และความมั่นคง เพราะที่ผ่านมา ฐานข้อมูลแต่ละกระทรวงมีฐานไม่ตรงกัน การเชื่อมโยงเพื่อนำข้อมูลมาใช้ ล่าช้า จึงมอบหมายให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสือสาร (ไอซีที) และศูนย์ปฏิบัติของนายกฯ เป็นเจ้าภาพร่วมกันในการจัดทำฐานข้อมูลให้ทันสมัย เชื่อมโยงและดึงข้อมูลจากทุกส่วนราชการมาใช้งานได้ เพื่อให้เป็นฐานข้อมูลเดียวกัน
ในส่วนของกระทรวงวิทยาศาสตร์ ได้เน้นให้ดูเรื่องงานวิจัย ที่ออกมาเป็นนวัตกรรม และผลผลิตในประเทศ เพราะที่ผ่านเคยมีมติ ครม. เคยมีมติให้รัฐบาลสนับสนุนให้ใช้สินค้า หรือผลิตภัณฑ์ที่ผลิตภายในประเทศ แต่ผลิตภัณฑ์เหล่านั้นยังไม่ได้การรับรองคุณภาพ และมีมาตรฐาน จึงมอบหมายให้กระทรวงวิทยศาสตร์ฯ เข้าไปติดตามดูทุกเรื่องที่เป็นนวัตกรรม และผลผลิตในประเทศทั้งของรัฐ และบริษัทเอกชน เพื่อหาดัชนีและข้อกำหนดเพื่อวางมาตรฐาน ถึงจะผ่านเกณฑ์ เมื่อนำไปใช้แล้วให้ได้คุณภาพ เพื่อให้รัฐช่วยเหลือสนับสนุนนวัตกรรมและผลิตภัณฑ์ให้มาใช้ได้
นายกรัฐมนตรี ยังมอบหมายให้กระทรวงการคลัง ดูแลทหารผ่านศึก เนื่องจากวันนี้ (3ก.พ.) เป็นวันทหารผ่านศึก โดยนายกฯ กล่าวว่า ที่ผ่านมารัฐคงมีมาตรการดูแล ทหารผ่านศึกแล้ว แต่เราดูแลครบถ้วนแล้วหรือยัง เพราะที่ผ่านมามีการจัดรายการดำเนินกิจกรรมมากมาย เช่น การจัดรายการทีวี ไปขอรับการสนับสนุนจากบริษัทเอกชน ซึ่งนายกฯ ดูแล้วว่าทหารผ่านศึกเป็นคนเสียสละในปกป้องดูแลอธิปไตย และความมั่นคง จึงให้กระทรวงคลังไปดูว่า มีมาตรการทางรัฐช่วยเหลือเขาครบถ้วนแล้วหรือยัง อย่าปล่อยให้เขาดิ้นรนด้วยตัวเองเพียงลำพัง และนอกจากนี้นายกฯ ยังกล่าวถึงครู ที่ปัจจุบันมีหนี้สินจำนวนมาก ที่เคยสั่งการไปแล้ว จึงมอบหมายให้กระทรวงศึกษาธิการ ไปดูอีกครั้ง และรีบกลับมารายงานว่าจะมีมาตรการช่วยเหลือเรื่องหนี้สินของครูอย่างไร เพราะได้รับการร้องเรียนว่าเดือดร้อนมาก
พล.ต.สรรเสริญ กล่าวด้วยว่า นายกฯได้พูดถึงเรื่องการพูดคุยกับ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมมาเลเซีย ที่เดินทางมาเยือนไทย ว่า ในการพูดคุยมีประเด็นที่น่าสนใจ อาทิ นายกฯย้ำว่า ขอให้ยึดหลักการเรื่องผลประโยชน์ต่างตอบแทน หมายความว่า ในปัจจุบันรถยนต์จากฝั่งมาเลเซียข้ามมาฝั่งไทยได้ แต่รถฝั่งไทยไม่สามารถข้ามไปฝั่งมาเลเซียได้ สาเหตุเพราะรถฝั่งของไทยเป็นการดำเนินการในลักษณะของตัวบุคคล จึงทำให้เกิดปัญหาข้อขัดข้องในการติดต่อประสานงาน จึงขอให้ผู้ที่เกี่ยวข้องไปดูว่า เราจะทำได้อย่างไร เพื่อที่จะผ่านเข้าไปฝั่งมาเลเซียได้เช่นกัน รวมไปถึงเรื่องบุคคลสองสัญชาติ ซึ่งที่ผ่านมาเราเคยร้องขอให้เขาพิจารณาเรื่องนี้ ที่เป็นอุปสรรคสำคัญในการแก้ปัญหาการก่อเหตุในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่เขารับปากจะสนับสนุนซึ่งหมายความว่า จะต้องเป็นไปด้วยความสมัครใจ ว่าให้บุคคลผู้นั้นเลือกเพียงสัญชาติเดียวเท่านั้น ที่จะต้องมีการหารือในรายละเอียดต่อไป
นอกจากนี้ นายกฯ ยังกล่าวถึงเรื่องของภาษีในภาคธุรกิจ ที่นายกฯเห็นว่า บางรายการสินค้าทางมาเลเซียได้เพิ่มภาษีในการส่งออก และนำเข้าจำนวนมาก แต่เราเองกลับพยายามลดภาษีในการนำเข้าสินค้าจากมาเลเซีย ซึ่งทำให้เราเป็นฝ่ายเสียเปรียบ จึงขอให้ยึดหลักการผลประโยน์ต่างตอบแทน ก็ต้องดูรายละเอียดตรงนี้ โดยให้กระทรวงการคลัง และกระทรวงการต่างประเทศ ไปพิจารณาร่วมกันว่า ต้องลดภาษีในอัตราที่ใกล้เคียงกัน รวมถึงจำนวนชนิดของสินค้าที่ใกล้คียงกันด้วย
แต่ตอนนี้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาอีกชุด ซึ่งเป็นระดับกระทรวง ซึ่งอยู่ระหว่างการยกร่างคำสั่ง โดยนายกฯ กล่าวว่า คณะกรรมการต้องเป็นคนที่ไม่มีหน้าที่ประจำของแต่ละกระทรวง อาจจะเป็นผู้ตรวจราชการ ก็สุดแล้วแต่ และให้แต่ละกระทรวงตั้งคณะทำงานรองรับผู้แทนของแต่ละกระทรวง เพื่อขับเคลื่อนในระดับกระทรวง เพื่อให้คณะกรรมการทั้งของรัฐบาล คสช. และระดับกระทรวง สามารถติดต่อประสานงานกันได้ เพราะการแก้ปัญหาข้อขัดข้องในแต่ละกระทรวง บางทีก็หาจุดประสานงานไม่ถูก ฉะนั้นเมื่อมีคณะกรรมการระดับกระทรวงแล้ว จะได้หาข้อขัดข้องนั้นเจอ และสามารถติดต่อหน่วยงานได้ตรงกับปัญหาเพื่อบูรณาการทุกภาคส่วน
นอกจากนี้ นายกฯ ยังได้กำชับถึงเรื่องการจัดทำฐานข้อมูล ไม่ว่าจะกายภาพเรื่องน้ำ ทรัพยากรธรรมชาติ เศรษฐกิจ และความมั่นคง เพราะที่ผ่านมา ฐานข้อมูลแต่ละกระทรวงมีฐานไม่ตรงกัน การเชื่อมโยงเพื่อนำข้อมูลมาใช้ ล่าช้า จึงมอบหมายให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสือสาร (ไอซีที) และศูนย์ปฏิบัติของนายกฯ เป็นเจ้าภาพร่วมกันในการจัดทำฐานข้อมูลให้ทันสมัย เชื่อมโยงและดึงข้อมูลจากทุกส่วนราชการมาใช้งานได้ เพื่อให้เป็นฐานข้อมูลเดียวกัน
ในส่วนของกระทรวงวิทยาศาสตร์ ได้เน้นให้ดูเรื่องงานวิจัย ที่ออกมาเป็นนวัตกรรม และผลผลิตในประเทศ เพราะที่ผ่านเคยมีมติ ครม. เคยมีมติให้รัฐบาลสนับสนุนให้ใช้สินค้า หรือผลิตภัณฑ์ที่ผลิตภายในประเทศ แต่ผลิตภัณฑ์เหล่านั้นยังไม่ได้การรับรองคุณภาพ และมีมาตรฐาน จึงมอบหมายให้กระทรวงวิทยศาสตร์ฯ เข้าไปติดตามดูทุกเรื่องที่เป็นนวัตกรรม และผลผลิตในประเทศทั้งของรัฐ และบริษัทเอกชน เพื่อหาดัชนีและข้อกำหนดเพื่อวางมาตรฐาน ถึงจะผ่านเกณฑ์ เมื่อนำไปใช้แล้วให้ได้คุณภาพ เพื่อให้รัฐช่วยเหลือสนับสนุนนวัตกรรมและผลิตภัณฑ์ให้มาใช้ได้
นายกรัฐมนตรี ยังมอบหมายให้กระทรวงการคลัง ดูแลทหารผ่านศึก เนื่องจากวันนี้ (3ก.พ.) เป็นวันทหารผ่านศึก โดยนายกฯ กล่าวว่า ที่ผ่านมารัฐคงมีมาตรการดูแล ทหารผ่านศึกแล้ว แต่เราดูแลครบถ้วนแล้วหรือยัง เพราะที่ผ่านมามีการจัดรายการดำเนินกิจกรรมมากมาย เช่น การจัดรายการทีวี ไปขอรับการสนับสนุนจากบริษัทเอกชน ซึ่งนายกฯ ดูแล้วว่าทหารผ่านศึกเป็นคนเสียสละในปกป้องดูแลอธิปไตย และความมั่นคง จึงให้กระทรวงคลังไปดูว่า มีมาตรการทางรัฐช่วยเหลือเขาครบถ้วนแล้วหรือยัง อย่าปล่อยให้เขาดิ้นรนด้วยตัวเองเพียงลำพัง และนอกจากนี้นายกฯ ยังกล่าวถึงครู ที่ปัจจุบันมีหนี้สินจำนวนมาก ที่เคยสั่งการไปแล้ว จึงมอบหมายให้กระทรวงศึกษาธิการ ไปดูอีกครั้ง และรีบกลับมารายงานว่าจะมีมาตรการช่วยเหลือเรื่องหนี้สินของครูอย่างไร เพราะได้รับการร้องเรียนว่าเดือดร้อนมาก
พล.ต.สรรเสริญ กล่าวด้วยว่า นายกฯได้พูดถึงเรื่องการพูดคุยกับ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมมาเลเซีย ที่เดินทางมาเยือนไทย ว่า ในการพูดคุยมีประเด็นที่น่าสนใจ อาทิ นายกฯย้ำว่า ขอให้ยึดหลักการเรื่องผลประโยชน์ต่างตอบแทน หมายความว่า ในปัจจุบันรถยนต์จากฝั่งมาเลเซียข้ามมาฝั่งไทยได้ แต่รถฝั่งไทยไม่สามารถข้ามไปฝั่งมาเลเซียได้ สาเหตุเพราะรถฝั่งของไทยเป็นการดำเนินการในลักษณะของตัวบุคคล จึงทำให้เกิดปัญหาข้อขัดข้องในการติดต่อประสานงาน จึงขอให้ผู้ที่เกี่ยวข้องไปดูว่า เราจะทำได้อย่างไร เพื่อที่จะผ่านเข้าไปฝั่งมาเลเซียได้เช่นกัน รวมไปถึงเรื่องบุคคลสองสัญชาติ ซึ่งที่ผ่านมาเราเคยร้องขอให้เขาพิจารณาเรื่องนี้ ที่เป็นอุปสรรคสำคัญในการแก้ปัญหาการก่อเหตุในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่เขารับปากจะสนับสนุนซึ่งหมายความว่า จะต้องเป็นไปด้วยความสมัครใจ ว่าให้บุคคลผู้นั้นเลือกเพียงสัญชาติเดียวเท่านั้น ที่จะต้องมีการหารือในรายละเอียดต่อไป
นอกจากนี้ นายกฯ ยังกล่าวถึงเรื่องของภาษีในภาคธุรกิจ ที่นายกฯเห็นว่า บางรายการสินค้าทางมาเลเซียได้เพิ่มภาษีในการส่งออก และนำเข้าจำนวนมาก แต่เราเองกลับพยายามลดภาษีในการนำเข้าสินค้าจากมาเลเซีย ซึ่งทำให้เราเป็นฝ่ายเสียเปรียบ จึงขอให้ยึดหลักการผลประโยน์ต่างตอบแทน ก็ต้องดูรายละเอียดตรงนี้ โดยให้กระทรวงการคลัง และกระทรวงการต่างประเทศ ไปพิจารณาร่วมกันว่า ต้องลดภาษีในอัตราที่ใกล้เคียงกัน รวมถึงจำนวนชนิดของสินค้าที่ใกล้คียงกันด้วย