จอม เพชรประดับ พูดประสานเป็นเสียงเดียวกับ ธิดา ถาวรเศรษฐ โดยบอกว่ายิ่งลักษณ์ ชินวัตรกลายเป็นวีรสตรีเพื่อประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ไปแล้ว .....โอวว์ โน...ไม่นะจอม !!
บอกตามตรงผมแปลกใจกับตรรกะห่วยๆ ชุดนี้ของจอมมาก เพราะก่อนหน้านี้จอมพยายามแสดงจุดยืนว่าตนเป็นสื่อมวลชนอิสระที่พอมีความคิดความอ่านเป็นของตนเองอยู่พอสมควร เอิ่ม...แบบว่า..เป็นกลางไม่ได้เป็นสื่อฝ่ายทักษิณอะไรเลย เมื่อปรากฏมีข่าวสารออกมาผมจึงตรวจสอบไปที่เฟซบุ้คของจอมก็ไม่ปรากฏว่ามีโพสต์เอาไว้ มีแต่ภาพข่าวที่สื่อนำเสนอสามารถแคปภาพที่จอมโพสต์ไว้ได้ ที่สำคัญเพจ UDD ของขบวนการเสื้อแดงก็หยิบมานำเสนอต่อให้เอิกเกริกในหมู่ชาวเสื้อแดงด้วย น่าเชื่อจอมคงโพสต์ถ้อยคำเหล่านั้นไว้จริงแต่ที่ไม่พบเพราะน่าจะลบไปแล้วหรือไม่ก็ผมตาถั่วไม่เห็นเอง
ประเด็นที่ไม่เห็นด้วยกับจอมมากที่สุดก็คือ การลงมติถอดถอนยิ่งลักษณ์ มันไม่ได้เป็นเหตุเป็นผลกับการก่อกำเนิดของ วีรสตรีเพื่อประชาธิปไตย ขึ้นมาตรงไหน..แบบไหนเลย แม้แต่นิดเดียว
ตรรกะแบบนี้มันเป็นการฉวยโอกาส “อวย” แบบเนียนๆ เสียล่ะมากกว่า
ยิ่งลักษณ์ถูกถอด ดังนั้น ยิ่งลักษณ์เป็นวีรสตรี
ขุนค้อนไม่ถูกถอด ดังนั้น ขุนค้อนไม่ได้เป็นวีรบุรุษ
นิคมไม่ถูกถอด ดังนั้น นิคมก็ไม่ได้เป็นวีรบุรุษ
และถ้านายหมา นายแมวรัฐมนตรี หรืออาจจะเป็นบุญทรงถูกโหวตถอดอีกสักคน นายหมา นายแมวหรือบุญทรงคงได้เป็นวีรบุรุษเพื่อประชาธิปไตยเพิ่มอีกคนอย่างแน่นอน !
หุ หุ ตลกนะครับ ตรรกะแบบลิ้นสากๆ นี่
ไอ้เจ้าหมวก วีรบุรุษ วีรสตรี หรือหมวกนักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยนี่น่ะ มันก็แค่ภาพที่สร้างขึ้นมาสวมนั่นแหละครับ บางคนต่อให้ลิ่วล้อบริวารเอามาสวมให้คนก็ไม่เชื่อตามนั้น
พูดตอนนี้คงมีคนเถียง เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน มาพิสูจน์กันก็ได้วันนี้ในอีก 5 ปีข้างหน้า พ.ศ.2563 เรามาดูกันว่าสังคมไทยส่วนใหญ่ยังจะยกย่องเชิดชูยิ่งลักษณ์ว่าเป็นวีรสตรีผู้นำประชาธิปไตยของสังคมไทยจริงหรือไม่ตามที่จอม และ ธิดาได้ยกยอเอาไว้ ... สำหรับชาวเสื้อแดงที่เห็นด้วยกับจอม (หรือธิดา) มาพนันกันกับผมก็ได้ว่าในอีก 5 ปีข้างหน้าถ้าสังคมไทยส่วนใหญ่ยังยกยิ่งลักษณ์ขึ้นหิ้งในฐานะวีรสตรีประชาธิปไตยผมพร้อมกราบออกสื่อเลยเอ้า!!
ฉายาและนิยามกำกับบุคคลมันเป็นภาพลักษณ์ติดตัว ต้องเกิดจากปัจจัยมากมาย ที่สำคัญต้องเกิดมาจากการกระทำของคนๆ นั้นเองไม่ใช่ใครเอาทองไปแปะหน้าผากให้ ... ยิ่งลักษณ์เกิดมาเคยทำอะไรให้เห็นบ้างว่าสมควรจะได้เป็นวีรสตรีเพื่อประชาธิปไตย ปัดโธ่ คนในพรรคเพื่อไทยยกมือออกเหวออกทะเล ไปห้ามฝ่ายค้านพูดอภิปราย ห้ามแปรญัตติ แถมยกมือหนุนพรบ.นิรโทษแบบแหกหลักการที่รับวาระไปก่อนเอง ฯลฯ ยิ่งลักษณ์ไม่เคยหือเคยอือกับการกระทำแบบเผด็จการรัฐสภาของพวกตัวเองเลย เขาตั้งกระทู้ก็ไม่ไปตอบ สภาเคยเข้าไปกี่หนเผลอๆ เดินคนเดียวหลงหรือเปล่าก็ไม่รู้ หนอย..จู่ๆ กลายเป็นนักประชาธิปไตยที่ต้องยกขึ้นหิ้งซะแล่ว
จอมแสดงตนไม่เห็นด้วยกับรัฐประหารและรัฐบาลชุดนี้ ...การที่กล้าแสดงออกว่าไม่เห็นด้วยกับทหารผมก็ยกนิ้วให้นะ การไม่เห็นด้วยแล้วก็ไม่ยอมรับไม่อยู่ร่วมมันก็เป็นวิถีหนึ่ง ไม่รู้ว่าจอมได้ Asylum Visa วีซ่าผู้ลี้ภัยแล้วหรือยัง จากข่าวสารที่รับมาจอมออกทางเขมรไปโผล่แคลิฟอร์เนียเขตใกล้เคียงกับซานฟรานซิสโก (ที่ซึ่งมีเจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวชื่อดังเป็นผู้กว้างขวางละแวกนั้นตั้งถิ่นฐานอยู่) ซึ่งผมไม่เคยแปลกใจหรือตั้งคำถามเรื่องการตัดสินใจลักษณะนี้ของใคร ทุกคนมีสิทธิ์เสรีในตัวเองที่จะรู้สึกว่าปลอดภัยหรือไม่ปลอดภัย บางคนอาจต้องลี้ภัยไปจริงเพราะถูกคุกคามจริง แต่บางคนที่เขาไม่คิดทำอะไรแต่ดันมโนว่าตนเป็นคนสำคัญกระเสือกกระสนขอลี้ภัยก็มี ตัวเล็กๆ บางคนแค่อยากออกไปเพื่อให้ภาพตัวเองเป็นนักประชาธิปไตยก้าวหน้ากับเขาทั้งๆ ที่ไม่มีใครรู้จักก็มี ฯลฯ เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องส่วนบุคคล
จอมอาจจะคิดว่าอยู่เมืองไทยไม่มีสิทธิเสรีภาพ นำเสนอข่าวสารไม่ได้ ประชาธิปไตยที่แท้สื่อต้องมีเสรีภาพนำเสนอเลยลี้ภัยไปอยู่โน่น ก็ไม่ว่ากันลางเนื้อชอบลางยา ความคิดคนไม่เหมือนกัน แต่จอมก็ควรเข้าใจนะว่าสื่อที่ไม่ได้ลี้ภัยไปต่างประเทศน่ะก็สามารถสู้เพื่อประชาธิปไตยได้เพราะหน้าที่ของสื่อคือการทำให้ประชาชนได้รู้ นำเสนอเรื่องราวที่ควรรู้และการตรวจสอบแทนประชาชน ภายใต้รัฐบาลทหารแบบนี้สื่อในประเทศมีข้อจำกัดอยู่พอสมควรแต่ก็ยังมีที่กล้าตรวจสอบเรื่องที่รัฐบาลทำไม่เข้าท่าตั้งมากมาย และที่สำคัญเป็นสื่อที่ฝ่ายก้าวหน้ารักประชาธิปไตยแบบจอมทั้งหลายชี้นิ้วว่าเป็นฝ่ายตรงกันข้ามกับประชาธิปไตยแทบทั้งนั้น
วัดกันแบบข่าวต่อข่าวในเชิงปริมาณกันก็ได้ว่าค่ายใดสำนักไหนทำข่าวที่ตรวจสอบ/และสวนกับความต้องการของรัฐบาลทหารมากกว่า ไม่ต้องค่ายผู้จัดการที่คัดค้านนโยบายพลังงานหรอก อย่างสำนักข่าวอิศราที่คนเสื้อแดงกระแนะกระแหนกันก็มีเรื่องตรวจสอบลึกๆ แบบไม่เกรงใจทหารตั้งเยอะแยะ แบบที่สื่อซึ่งฝ่ายที่เรียกตัวเองว่าสื่อประชาธิปไตยไม่เคยทำด้วยซ้ำไป โลกนี้มันไม่ได้มีมาตรฐานแบบเดียวแบบที่ตัวคิด สิ่งที่ตนคิดว่าถูกต้องที่แท้อาจจะไม่ใช่ก็ได้
บางทีการที่สื่อออกไปอยู่ต่างประเทศ แล้วนึกว่าตนเองคงมีเสรีและมีโอกาสทำอะไรเพื่อสร้างสังคมเสรีภาพข่าวสารได้มากขึ้นนั้น มันก็เป็นการมโนไปเองของคนสื่อคนนั้นๆ เพราะถึงไปก็ไม่ได้ทำอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนโดยรวม อันนี้พูดเรื่องทั่วไปนะ ไม่ได้เจาะจงว่าจอม
ปัญหาที่เกิดขึ้นในประเทศไทยหลายปีมานี้คือความขัดแย้งทางการเมืองที่ลงตัวระหว่างกลุ่มพลังการเมืองกลุ่มต่างๆ จอมเขียนถึงอำมาตย์และชนชั้นนำไทย (ที่ได้บดขยี้ทำลายความยุติธรรม) ในโพสต์เดียวกับยกยิ่งลักษณ์เป็นวีรสตรี ถ้าจอมคิดว่า สังคมไทยแบ่งเป็นสองฝ่ายแบบขาวดำ เผด็จการกับประชาธิปไตย คือ อำมาตย์กับชนชั้นนำที่ทำลายความยุติธรรมฝ่ายหนึ่ง กับ ฝ่ายยิ่งลักษณ์วีรสตรีฝ่ายหนึ่ง ผมว่าจอมกลับมาเมืองไทยเหอะจะได้เห็นอะไรชัดเจนขึ้น ยิ่งอยู่เมืองนอกยิ่งมองไม่ชัดความคิดและตรรกะจะยิ่งเตลิดไปทางเทพมารสองขั้วเข้าป่าไปเรื่อย เพราะเนื้อแท้แล้วปมปัญหาการเมืองที่เกิดขึ้นหลายปีมานี้มาจากอำนาจความไม่สมดุลและบิดเบี้ยวของชนชั้นนำสองกลุ่มต่างหาก ยิ่งลักษณ์พรรคเพื่อไทยจักรภพ-จารุพงศ์ที่จอมไปสนิทสนมด้วยก็เป็นปัญหาของประชาธิปไตยและความไม่สมดุลทางการเมืองอีกฟากหนึ่ง
สื่อมวลชนที่จะมีส่วนร่วมแก้ปัญหาการเมืองไทยได้ นอกจากมีเจตจำนงในเรื่องสิทธิเสรีภาพข้อมูลข่าวสารต่างๆ แบบที่จอมพยายามเรียกร้องแล้วความรู้เท่าทันในสภาพที่แท้จริงของปัญหาการเมืองก็มีส่วนสำคัญไม่แพ้กัน ถ้าเห็นมารเป็นเทพไปตั้งแต่แรกแล้วต่อให้รัฐบาลทหารที่จอมไม่ชอบหน้าสูญหายไปจากโลกมันก็ยังแก้ปัญหาการเมืองให้เป็นประชาธิปไตยที่สมดุลเป็นธรรมกับประชาชนจริงไม่ได้อยู่ดี
คือถ้าถ้าสื่อยังเข้าใจว่ามารจำแลงเป็นเทพวีรบุรุษ/วีรสตรี สื่อเองก็เป็นตัวปัญหาของการสร้างประชาธิปไตยเช่นกัน ขอแสดงความเห็นแย้ง จอม เพชรประดับ ไว้เพียงเท่านี้.
บอกตามตรงผมแปลกใจกับตรรกะห่วยๆ ชุดนี้ของจอมมาก เพราะก่อนหน้านี้จอมพยายามแสดงจุดยืนว่าตนเป็นสื่อมวลชนอิสระที่พอมีความคิดความอ่านเป็นของตนเองอยู่พอสมควร เอิ่ม...แบบว่า..เป็นกลางไม่ได้เป็นสื่อฝ่ายทักษิณอะไรเลย เมื่อปรากฏมีข่าวสารออกมาผมจึงตรวจสอบไปที่เฟซบุ้คของจอมก็ไม่ปรากฏว่ามีโพสต์เอาไว้ มีแต่ภาพข่าวที่สื่อนำเสนอสามารถแคปภาพที่จอมโพสต์ไว้ได้ ที่สำคัญเพจ UDD ของขบวนการเสื้อแดงก็หยิบมานำเสนอต่อให้เอิกเกริกในหมู่ชาวเสื้อแดงด้วย น่าเชื่อจอมคงโพสต์ถ้อยคำเหล่านั้นไว้จริงแต่ที่ไม่พบเพราะน่าจะลบไปแล้วหรือไม่ก็ผมตาถั่วไม่เห็นเอง
ประเด็นที่ไม่เห็นด้วยกับจอมมากที่สุดก็คือ การลงมติถอดถอนยิ่งลักษณ์ มันไม่ได้เป็นเหตุเป็นผลกับการก่อกำเนิดของ วีรสตรีเพื่อประชาธิปไตย ขึ้นมาตรงไหน..แบบไหนเลย แม้แต่นิดเดียว
ตรรกะแบบนี้มันเป็นการฉวยโอกาส “อวย” แบบเนียนๆ เสียล่ะมากกว่า
ยิ่งลักษณ์ถูกถอด ดังนั้น ยิ่งลักษณ์เป็นวีรสตรี
ขุนค้อนไม่ถูกถอด ดังนั้น ขุนค้อนไม่ได้เป็นวีรบุรุษ
นิคมไม่ถูกถอด ดังนั้น นิคมก็ไม่ได้เป็นวีรบุรุษ
และถ้านายหมา นายแมวรัฐมนตรี หรืออาจจะเป็นบุญทรงถูกโหวตถอดอีกสักคน นายหมา นายแมวหรือบุญทรงคงได้เป็นวีรบุรุษเพื่อประชาธิปไตยเพิ่มอีกคนอย่างแน่นอน !
หุ หุ ตลกนะครับ ตรรกะแบบลิ้นสากๆ นี่
ไอ้เจ้าหมวก วีรบุรุษ วีรสตรี หรือหมวกนักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยนี่น่ะ มันก็แค่ภาพที่สร้างขึ้นมาสวมนั่นแหละครับ บางคนต่อให้ลิ่วล้อบริวารเอามาสวมให้คนก็ไม่เชื่อตามนั้น
พูดตอนนี้คงมีคนเถียง เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน มาพิสูจน์กันก็ได้วันนี้ในอีก 5 ปีข้างหน้า พ.ศ.2563 เรามาดูกันว่าสังคมไทยส่วนใหญ่ยังจะยกย่องเชิดชูยิ่งลักษณ์ว่าเป็นวีรสตรีผู้นำประชาธิปไตยของสังคมไทยจริงหรือไม่ตามที่จอม และ ธิดาได้ยกยอเอาไว้ ... สำหรับชาวเสื้อแดงที่เห็นด้วยกับจอม (หรือธิดา) มาพนันกันกับผมก็ได้ว่าในอีก 5 ปีข้างหน้าถ้าสังคมไทยส่วนใหญ่ยังยกยิ่งลักษณ์ขึ้นหิ้งในฐานะวีรสตรีประชาธิปไตยผมพร้อมกราบออกสื่อเลยเอ้า!!
ฉายาและนิยามกำกับบุคคลมันเป็นภาพลักษณ์ติดตัว ต้องเกิดจากปัจจัยมากมาย ที่สำคัญต้องเกิดมาจากการกระทำของคนๆ นั้นเองไม่ใช่ใครเอาทองไปแปะหน้าผากให้ ... ยิ่งลักษณ์เกิดมาเคยทำอะไรให้เห็นบ้างว่าสมควรจะได้เป็นวีรสตรีเพื่อประชาธิปไตย ปัดโธ่ คนในพรรคเพื่อไทยยกมือออกเหวออกทะเล ไปห้ามฝ่ายค้านพูดอภิปราย ห้ามแปรญัตติ แถมยกมือหนุนพรบ.นิรโทษแบบแหกหลักการที่รับวาระไปก่อนเอง ฯลฯ ยิ่งลักษณ์ไม่เคยหือเคยอือกับการกระทำแบบเผด็จการรัฐสภาของพวกตัวเองเลย เขาตั้งกระทู้ก็ไม่ไปตอบ สภาเคยเข้าไปกี่หนเผลอๆ เดินคนเดียวหลงหรือเปล่าก็ไม่รู้ หนอย..จู่ๆ กลายเป็นนักประชาธิปไตยที่ต้องยกขึ้นหิ้งซะแล่ว
จอมแสดงตนไม่เห็นด้วยกับรัฐประหารและรัฐบาลชุดนี้ ...การที่กล้าแสดงออกว่าไม่เห็นด้วยกับทหารผมก็ยกนิ้วให้นะ การไม่เห็นด้วยแล้วก็ไม่ยอมรับไม่อยู่ร่วมมันก็เป็นวิถีหนึ่ง ไม่รู้ว่าจอมได้ Asylum Visa วีซ่าผู้ลี้ภัยแล้วหรือยัง จากข่าวสารที่รับมาจอมออกทางเขมรไปโผล่แคลิฟอร์เนียเขตใกล้เคียงกับซานฟรานซิสโก (ที่ซึ่งมีเจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวชื่อดังเป็นผู้กว้างขวางละแวกนั้นตั้งถิ่นฐานอยู่) ซึ่งผมไม่เคยแปลกใจหรือตั้งคำถามเรื่องการตัดสินใจลักษณะนี้ของใคร ทุกคนมีสิทธิ์เสรีในตัวเองที่จะรู้สึกว่าปลอดภัยหรือไม่ปลอดภัย บางคนอาจต้องลี้ภัยไปจริงเพราะถูกคุกคามจริง แต่บางคนที่เขาไม่คิดทำอะไรแต่ดันมโนว่าตนเป็นคนสำคัญกระเสือกกระสนขอลี้ภัยก็มี ตัวเล็กๆ บางคนแค่อยากออกไปเพื่อให้ภาพตัวเองเป็นนักประชาธิปไตยก้าวหน้ากับเขาทั้งๆ ที่ไม่มีใครรู้จักก็มี ฯลฯ เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องส่วนบุคคล
จอมอาจจะคิดว่าอยู่เมืองไทยไม่มีสิทธิเสรีภาพ นำเสนอข่าวสารไม่ได้ ประชาธิปไตยที่แท้สื่อต้องมีเสรีภาพนำเสนอเลยลี้ภัยไปอยู่โน่น ก็ไม่ว่ากันลางเนื้อชอบลางยา ความคิดคนไม่เหมือนกัน แต่จอมก็ควรเข้าใจนะว่าสื่อที่ไม่ได้ลี้ภัยไปต่างประเทศน่ะก็สามารถสู้เพื่อประชาธิปไตยได้เพราะหน้าที่ของสื่อคือการทำให้ประชาชนได้รู้ นำเสนอเรื่องราวที่ควรรู้และการตรวจสอบแทนประชาชน ภายใต้รัฐบาลทหารแบบนี้สื่อในประเทศมีข้อจำกัดอยู่พอสมควรแต่ก็ยังมีที่กล้าตรวจสอบเรื่องที่รัฐบาลทำไม่เข้าท่าตั้งมากมาย และที่สำคัญเป็นสื่อที่ฝ่ายก้าวหน้ารักประชาธิปไตยแบบจอมทั้งหลายชี้นิ้วว่าเป็นฝ่ายตรงกันข้ามกับประชาธิปไตยแทบทั้งนั้น
วัดกันแบบข่าวต่อข่าวในเชิงปริมาณกันก็ได้ว่าค่ายใดสำนักไหนทำข่าวที่ตรวจสอบ/และสวนกับความต้องการของรัฐบาลทหารมากกว่า ไม่ต้องค่ายผู้จัดการที่คัดค้านนโยบายพลังงานหรอก อย่างสำนักข่าวอิศราที่คนเสื้อแดงกระแนะกระแหนกันก็มีเรื่องตรวจสอบลึกๆ แบบไม่เกรงใจทหารตั้งเยอะแยะ แบบที่สื่อซึ่งฝ่ายที่เรียกตัวเองว่าสื่อประชาธิปไตยไม่เคยทำด้วยซ้ำไป โลกนี้มันไม่ได้มีมาตรฐานแบบเดียวแบบที่ตัวคิด สิ่งที่ตนคิดว่าถูกต้องที่แท้อาจจะไม่ใช่ก็ได้
บางทีการที่สื่อออกไปอยู่ต่างประเทศ แล้วนึกว่าตนเองคงมีเสรีและมีโอกาสทำอะไรเพื่อสร้างสังคมเสรีภาพข่าวสารได้มากขึ้นนั้น มันก็เป็นการมโนไปเองของคนสื่อคนนั้นๆ เพราะถึงไปก็ไม่ได้ทำอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนโดยรวม อันนี้พูดเรื่องทั่วไปนะ ไม่ได้เจาะจงว่าจอม
ปัญหาที่เกิดขึ้นในประเทศไทยหลายปีมานี้คือความขัดแย้งทางการเมืองที่ลงตัวระหว่างกลุ่มพลังการเมืองกลุ่มต่างๆ จอมเขียนถึงอำมาตย์และชนชั้นนำไทย (ที่ได้บดขยี้ทำลายความยุติธรรม) ในโพสต์เดียวกับยกยิ่งลักษณ์เป็นวีรสตรี ถ้าจอมคิดว่า สังคมไทยแบ่งเป็นสองฝ่ายแบบขาวดำ เผด็จการกับประชาธิปไตย คือ อำมาตย์กับชนชั้นนำที่ทำลายความยุติธรรมฝ่ายหนึ่ง กับ ฝ่ายยิ่งลักษณ์วีรสตรีฝ่ายหนึ่ง ผมว่าจอมกลับมาเมืองไทยเหอะจะได้เห็นอะไรชัดเจนขึ้น ยิ่งอยู่เมืองนอกยิ่งมองไม่ชัดความคิดและตรรกะจะยิ่งเตลิดไปทางเทพมารสองขั้วเข้าป่าไปเรื่อย เพราะเนื้อแท้แล้วปมปัญหาการเมืองที่เกิดขึ้นหลายปีมานี้มาจากอำนาจความไม่สมดุลและบิดเบี้ยวของชนชั้นนำสองกลุ่มต่างหาก ยิ่งลักษณ์พรรคเพื่อไทยจักรภพ-จารุพงศ์ที่จอมไปสนิทสนมด้วยก็เป็นปัญหาของประชาธิปไตยและความไม่สมดุลทางการเมืองอีกฟากหนึ่ง
สื่อมวลชนที่จะมีส่วนร่วมแก้ปัญหาการเมืองไทยได้ นอกจากมีเจตจำนงในเรื่องสิทธิเสรีภาพข้อมูลข่าวสารต่างๆ แบบที่จอมพยายามเรียกร้องแล้วความรู้เท่าทันในสภาพที่แท้จริงของปัญหาการเมืองก็มีส่วนสำคัญไม่แพ้กัน ถ้าเห็นมารเป็นเทพไปตั้งแต่แรกแล้วต่อให้รัฐบาลทหารที่จอมไม่ชอบหน้าสูญหายไปจากโลกมันก็ยังแก้ปัญหาการเมืองให้เป็นประชาธิปไตยที่สมดุลเป็นธรรมกับประชาชนจริงไม่ได้อยู่ดี
คือถ้าถ้าสื่อยังเข้าใจว่ามารจำแลงเป็นเทพวีรบุรุษ/วีรสตรี สื่อเองก็เป็นตัวปัญหาของการสร้างประชาธิปไตยเช่นกัน ขอแสดงความเห็นแย้ง จอม เพชรประดับ ไว้เพียงเท่านี้.