คุณรสนา โตสิตระกูล โพสต์เฟซบุ้คหนุนให้รัฐบาลให้สนใจพัฒนารถยนต์วิ่งด้วยน้ำเปล่า แยกไฮโดรเจนจาก H2O เป็นพลังงานมาขับเคลื่อน ให้รัฐส่งเสริมเทคโนโลยีนี้โดยใช้เงินจากกองทุนอนุรักษ์พลังงานมาส่งเสริมศึกษาวิจัยเพื่อใช้ในรถยนต์แทนน้ำมันจากฟอสซิล
ผมคิดว่าเรื่องนี้ยาก ถึงยากมากหากให้เป็นจริงในเร็ววันเพราะติดขวากหนามแนวคิดอำมาตย์เทคโนแครตกุมนโยบายพลังงานไทยยังเดินตามพี่เบิ้มเจ้าพ่อน้ำมันโลก พวกปตท.เองก็เหอะคงไม่ชอบที่มีพลังงานชนิดอื่นมาแข่งซากฟอสซิลในห้วงระยะนี้ และไม่เพียงเท่านั้นเรื่องนี้ยังเป็นปัญหาระดับโลกด้วย
ที่จริงมหาอำนาจเขาพัฒนาการใช้เชื้อเพลิง H2O ไปได้ไกลโขแล้ว ปัดโธ่ ! ขนาดส่งดาวเทียมทะลุจักรวาลไปแล้วประสาอะไรกับการแยกไฮโดรเจนมาใส่หม้อแบตเซลเชื้อเพลิง คนไทยที่ทำเรื่องนี้ได้มีหลายคน ไม่ใช่แค่ที่เป็นข่าวแพร่ในโซเชี่ยลมีเดีย ผมเคยพบคนหนึ่งในม็อบพันธมิตรไล่สมัครกินนอนในม็อบคุยไปคุยมาเขาทำเชื้อเพลิง H2O เองได้ ในมหาวิทยาลัยชั้นนำก็มีคนที่สอนเรื่องนี้
ไทยทำได้ ฝรั่ง จีน แขก เขาก็ทำได้เสิร์ชดูคร่าวๆ เยอะแยะไปหมด
ผู้สังเกตการณ์วงการน้ำมันหลายคนมองว่าปัญหาก็คือเชื้อเพลิงใหม่ชนิดนี้ถูกมหาอำนาจแองโกลแซกซันแช่แข็งไว้ก่อนบอกว่ายังเพิ่งพัฒนา ยังแพง ...บลาๆๆ
ที่จริงแล้วการใช้พลังงานอื่นที่ไม่ใช่น้ำมันจากฟอสซิลมีผลต่อการจัดระเบียบโลก เพราะระบบค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ Petrodollar ผูกพันอยู่กับระบบอุตสาหกรรมน้ำมันโลก สหรัฐ+ซาอุดิอาระเบีย+โอเปค+บรรษัทยักษ์ใหญ่กลุ่มลูกหลาน seven sisters ที่ครอบงำระบบพลังงานโลกเขากำหนดให้น้ำมันเป็นเครื่องค้ำยันค่าดอลลาร์กระดาษปลอมๆ
ถ้าระบบน้ำมันแบบเดิมล้ม สหรัฐอเมริกาก็ล้มครืน ชักดาบเขาทั่วโลก !!
เพราะอย่างนี้จีนกับรัสเซียก็รู้ เลยโค้ดสกุลเงินตัวเองซื้อขายพลังงาน เยอรมันก็เริ่มไม่เล่นด้วยทวงทองคำสหรัฐกลับคืน ละตินเขาก็ไม่เอาด้วยนะถ้าเกิดแข็งข้อกันขึ้นมาจริง
สถานการณ์แบบนี้ทำให้เจ้าโลกผู้กุมระบบน้ำมันมีอำนาจต่อรองน้อยลง ต้องพยายามรักษาสภาพเดิมๆ สัดส่วนตลาดเดิมๆ การขยาย Supply แบบเดิมๆ การไปได้สัมปทานในประเทศลิ่วล้อกอกระดุมเดิมๆ ในอัตราเดิมๆ บนฐานส่วนแบ่งเดิมๆ และเงื่อนไขเดิมๆ ก็คือได้สัมปทานไปแล้วเท่ากับได้สิทธิ์ในบ่อน้ำมันนั้นจะส่งออกทั้ง 100% ก็ได้และที่สำคัญต้องโค้ดการซื้อขายด้วยสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอเมริกา
เงื่อนไขเหล่านี้ทำให้บรรษัทน้ำมันมหาอำนาจยังพอกุมอำนาจเหนือระบบตลาดโลกได้
เขียนแบบนี้หลายท่านที่ไม่ได้ติดตามต่อเนื่องอาจจะงง...บรรทัดต่อจากนี้ไปจะอธิบายลงรายละเอียด
ระบบแบบที่เป็นอยู่นั้นคือการพยายามรักษาเสถียรภาพราคาแพงๆ ตลอดถึงสภาวะที่ทำให้บรรษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่มีกำไรสูงเติบโตแข็งแรงและคงเครือข่ายที่ครอบคลุมระบบการผลิตและตลาดโลกในเชิงปริมาณ ตอนที่ยูโนแคลเจ๊งเมื่อปี 2005 บริษัทซีนุ้คของจีนขอซื้อในราคาเสนอสูงถึง 16-18 พันล้านเหรียญ เป็นไทยก็ราว 4.8-5.4 แสนล้านบาทแต่สภาผู้แทนของสหรัฐไม่ยอมเสนอเรื่องไปถึงประธานาธิบดีจอร์ช ดับเบิ้ลยู บุชให้ทบทวนอ้างว่ากระทบความมั่นคงชาติที่สุดเชฟรอนก็ซื้อไป
ยูโนแคลสำคัญตรงไหน ? สำคัญตรงที่มีสัญญาสัมปทานในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากที่สุดไงล่ะครับโดยเฉพาะในพม่าและไทย เมื่อเทียบกับปริมาณน้ำมันดิบและก๊าซจากหลุมอื่นมันก็ไม่มากหรอกแต่ความสำคัญไม่ได้อยู่ที่ปริมาณหากแต่เป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ความมั่นคงของ “ระบบและการครอบงำตลาดพลังงานโลก” ดังนั้นบรรษัทตะวันตกลูกหลาน seven sisters ที่ผูกขาดน้ำมันโลกมาตั้งแต่หลังสงครามโลกยังต้องมีเครือข่ายครอบคลุมพื้นที่นี้ไว้ (อย่าให้จีนมาแทรกแทน)
เรามักจะได้ยินว่า H2O –พลังงานจากไฮโดรเจนมีแนวโน้มจะเป็นพลังงานหลักของโลกหลังจากยุคฟอสซิลหมดไป แต่แท้จริงแล้วยังมีความหมายมากกว่านั้นเพราะจะต้องให้สหรัฐอเมริกาคิดค้นทางออกให้กับค่าเงินดอลลาร์ที่ผูกติดกับระบบน้ำมันโลก (Petrodollar) ให้ได้เสียก่อน
หลังจากปี 1971 สหรัฐอเมริกาโดยประธานาธิบดีนิกสันและเฮนรี่ คิสซิงเจอร์รมว.ต่างประเทศสองคู่หูประกาศยกเลิกระบบประกาศถอนตัวจากระบบมาตรฐานปริวรรตทองคำ (Gold Exchange Standard) ไม่เอาแล้วมีทองคำหนุนหลัง ใครก็ตามถือดอลลาร์มาเท่าไหร่จะแลกเป็นทองคำคืนให้แต่ให้ใช้ระบบลอยตัวมาแทน
ที่แท้ก็คือการพิมพ์เงินกระดาษออกมาใช้ตามใจมหาอำนาจนั่นเอง
ระบบดอลลาร์กระดาษทำไมอยู่ได้ ? ตอบว่าเพราะมันผูกอยู่กับตลาดน้ำมัน ในตอนนั้นสหรัฐร่วมกับพี่เบิ้มตะวันออกกลางซาอุดิอาระเบียบรรลุข้อตกลงให้โค้ดราคาซื้อขายน้ำมันเป็นดอลลาร์สหรัฐ และขณะนั้นในโลกนี้มีแค่ 7 บรรษัทยักษ์ใหญ่ที่เรียกว่า seven sisters เช่นเชลล์ เอสโซ่ เอ็กซอน บีพี สแตนดาร์ดออยล์ ยูโนแคล ที่ควบคุม 85% ของตลาดโลก จึงไม่เป็นปัญหาใด ๆ
แปลว่าใครอยากได้น้ำมันไปใช้ต้องมีดอลลาร์เอาไว้ในมือ !
ก็เหมือนเราไปศูนย์อาหารก็ต้องแลกคูปองกระดาษ ไม่มีคูปองไม่ได้กินข้าว !!!
จากทองคำหนุนหลัง มาเป็นทองดำ(น้ำมัน) หนุนหลัง
จากนั้นประเทศที่ซื้อขายน้ำมันโดยเฉพาะพวกที่ขายได้กำไรมีดอลลาร์ในมือมากก็ต้องกลับไปซื้อพันธบัตรจากอเมริกา ประเทศต่างๆ เป็นเจ้าหนี้ลอยๆ และอเมริกาก็เป็นลูกหนี้กลวงๆ ใครมาทวงหนี้ก็ปั๊มเงินกระดาษให้ไป
ระบบแบบนี้ทำให้สหรัฐอเมริกาครองความมั่งคั่งต่อเนื่องมากอีกหลายทศวรรษจนกระทั่งได้เกิดปัญหาภายในระบบเศรษฐกิจของตัวเองเมื่อราวทศวรรษที่ผ่านมาปลายยุคจอร์ช ดับเบิ้ลยู บุช จากซับไพรม์ มาถึง วิกฤตชัตดาวน์ และยอดหนี้สูงเกินเพดานประเด็นนี้นักเศรษฐศาสตร์ระดับนำเขียนไว้เยอะนักเศรษฐศาสตร์ไทยอย่างอาจารย์ ไสว บุญมา ก็เขียนไว้หลายตอนลองไปหาอ่านกัน และนี่ก็เป็นช่องให้รัสเซียและจีนมองเห็น
การที่รัสเซียกับจีนโค้ดการซื้อขายพลังงานที่แท้ก็คือยุทธการเซาะฐานรากของระบบ Petrodollar มีผลต่อความมั่นคงของมหาอำนาจยักษ์ใหญ่เลยทีเดียว ฝ่ายหนึ่งระดมซื้อทองคำมาเก็บ อีกฝ่ายกดดันประเทศลิ่วล้อในโอวาทเปิดสัมปทานบ่อน้ำมันตามเงื่อนไขเดิมๆ เพื่อความมั่งคั่งเดิมๆ ให้กับบรรษัทครอบโลกเดิมๆ (ฮาไม่ออก) ก็คือยังใช้น้ำมัน(และสงคราม)รักษาเสถียรภาพเงินกระดาษตัวเองไว้
หลายท่านอาจจะว่าเขียนย้อนไปไกลไม่เห็นเกี่ยวอะไรกับ H2O เลย
เกี่ยวทีเดียวครับ แม้ว่าไฮโดรเจนจะเป็นความหวังของมนุษยชาติโลกของเราคงไม่ถึงกับหยุดนิ่งมืดสนิทหรอกแต่อย่างไรก็ตามการผลักดันให้เชื้อเพลิงจาก H2O เป็นจริงได้ในเวลาอันใกล้ต้องผ่านด่านอุปสรรคมากมายตั้งแต่ระดับชาติไปจนถึงระดับโลก
สมมติมีคนผลิตเครื่องแยกไฮโดรเจนจากน้ำราคาถูกเครื่องละ 2 พันบาทได้จริงในวันพรุ่งนี้ แน่นอนบริษัทน้ำมันไทย-เทศได้รับผลกระทบเป็นลำดับแรกแต่ที่จะกระทบมากกว่าคือระบบน้ำมันโลกที่ผูกอยู่กับความมั่นคงของสหรัฐอเมริกา ประเทศล้มได้เลย
วงการน้ำมันมีพลังอำนาจมากครับ เงินเยอะ เสียงดัง แบ็คดี ขนาดมีเสียงคัดค้านให้ทบทวนการเปิดสัมปทานรอบที่ 21 ผู้มีอำนาจทั้งหน้าเก่าใหม่ก็ยังไม่ฟังเลย เพราะนี่เป็นผลประโยชน์ผูกพันระดับโลกไปแล้ว
จึงมีแต่ประชาชนคนใช้พลังงานอย่างเราท่านนี่แหละที่ต้องช่วยกันเรียกร้อง กดดันให้ผู้มีอำนาจทั้งหลายให้ความสนใจกับการศึกษาวิจัยพัฒนาพลังงานทางเลือกอื่นที่ไม่ใช่พลังงานจากฟอสซิลอย่างจริงจังและจริงใจ เช่นเริ่มให้เงินอุดหนุนวิจัยเชื้อเพลิง H2O ให้เต็มที่นับแต่บัดนี้ เป็นต้น.
ผมคิดว่าเรื่องนี้ยาก ถึงยากมากหากให้เป็นจริงในเร็ววันเพราะติดขวากหนามแนวคิดอำมาตย์เทคโนแครตกุมนโยบายพลังงานไทยยังเดินตามพี่เบิ้มเจ้าพ่อน้ำมันโลก พวกปตท.เองก็เหอะคงไม่ชอบที่มีพลังงานชนิดอื่นมาแข่งซากฟอสซิลในห้วงระยะนี้ และไม่เพียงเท่านั้นเรื่องนี้ยังเป็นปัญหาระดับโลกด้วย
ที่จริงมหาอำนาจเขาพัฒนาการใช้เชื้อเพลิง H2O ไปได้ไกลโขแล้ว ปัดโธ่ ! ขนาดส่งดาวเทียมทะลุจักรวาลไปแล้วประสาอะไรกับการแยกไฮโดรเจนมาใส่หม้อแบตเซลเชื้อเพลิง คนไทยที่ทำเรื่องนี้ได้มีหลายคน ไม่ใช่แค่ที่เป็นข่าวแพร่ในโซเชี่ยลมีเดีย ผมเคยพบคนหนึ่งในม็อบพันธมิตรไล่สมัครกินนอนในม็อบคุยไปคุยมาเขาทำเชื้อเพลิง H2O เองได้ ในมหาวิทยาลัยชั้นนำก็มีคนที่สอนเรื่องนี้
ไทยทำได้ ฝรั่ง จีน แขก เขาก็ทำได้เสิร์ชดูคร่าวๆ เยอะแยะไปหมด
ผู้สังเกตการณ์วงการน้ำมันหลายคนมองว่าปัญหาก็คือเชื้อเพลิงใหม่ชนิดนี้ถูกมหาอำนาจแองโกลแซกซันแช่แข็งไว้ก่อนบอกว่ายังเพิ่งพัฒนา ยังแพง ...บลาๆๆ
ที่จริงแล้วการใช้พลังงานอื่นที่ไม่ใช่น้ำมันจากฟอสซิลมีผลต่อการจัดระเบียบโลก เพราะระบบค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ Petrodollar ผูกพันอยู่กับระบบอุตสาหกรรมน้ำมันโลก สหรัฐ+ซาอุดิอาระเบีย+โอเปค+บรรษัทยักษ์ใหญ่กลุ่มลูกหลาน seven sisters ที่ครอบงำระบบพลังงานโลกเขากำหนดให้น้ำมันเป็นเครื่องค้ำยันค่าดอลลาร์กระดาษปลอมๆ
ถ้าระบบน้ำมันแบบเดิมล้ม สหรัฐอเมริกาก็ล้มครืน ชักดาบเขาทั่วโลก !!
เพราะอย่างนี้จีนกับรัสเซียก็รู้ เลยโค้ดสกุลเงินตัวเองซื้อขายพลังงาน เยอรมันก็เริ่มไม่เล่นด้วยทวงทองคำสหรัฐกลับคืน ละตินเขาก็ไม่เอาด้วยนะถ้าเกิดแข็งข้อกันขึ้นมาจริง
สถานการณ์แบบนี้ทำให้เจ้าโลกผู้กุมระบบน้ำมันมีอำนาจต่อรองน้อยลง ต้องพยายามรักษาสภาพเดิมๆ สัดส่วนตลาดเดิมๆ การขยาย Supply แบบเดิมๆ การไปได้สัมปทานในประเทศลิ่วล้อกอกระดุมเดิมๆ ในอัตราเดิมๆ บนฐานส่วนแบ่งเดิมๆ และเงื่อนไขเดิมๆ ก็คือได้สัมปทานไปแล้วเท่ากับได้สิทธิ์ในบ่อน้ำมันนั้นจะส่งออกทั้ง 100% ก็ได้และที่สำคัญต้องโค้ดการซื้อขายด้วยสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอเมริกา
เงื่อนไขเหล่านี้ทำให้บรรษัทน้ำมันมหาอำนาจยังพอกุมอำนาจเหนือระบบตลาดโลกได้
เขียนแบบนี้หลายท่านที่ไม่ได้ติดตามต่อเนื่องอาจจะงง...บรรทัดต่อจากนี้ไปจะอธิบายลงรายละเอียด
ระบบแบบที่เป็นอยู่นั้นคือการพยายามรักษาเสถียรภาพราคาแพงๆ ตลอดถึงสภาวะที่ทำให้บรรษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่มีกำไรสูงเติบโตแข็งแรงและคงเครือข่ายที่ครอบคลุมระบบการผลิตและตลาดโลกในเชิงปริมาณ ตอนที่ยูโนแคลเจ๊งเมื่อปี 2005 บริษัทซีนุ้คของจีนขอซื้อในราคาเสนอสูงถึง 16-18 พันล้านเหรียญ เป็นไทยก็ราว 4.8-5.4 แสนล้านบาทแต่สภาผู้แทนของสหรัฐไม่ยอมเสนอเรื่องไปถึงประธานาธิบดีจอร์ช ดับเบิ้ลยู บุชให้ทบทวนอ้างว่ากระทบความมั่นคงชาติที่สุดเชฟรอนก็ซื้อไป
ยูโนแคลสำคัญตรงไหน ? สำคัญตรงที่มีสัญญาสัมปทานในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากที่สุดไงล่ะครับโดยเฉพาะในพม่าและไทย เมื่อเทียบกับปริมาณน้ำมันดิบและก๊าซจากหลุมอื่นมันก็ไม่มากหรอกแต่ความสำคัญไม่ได้อยู่ที่ปริมาณหากแต่เป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ความมั่นคงของ “ระบบและการครอบงำตลาดพลังงานโลก” ดังนั้นบรรษัทตะวันตกลูกหลาน seven sisters ที่ผูกขาดน้ำมันโลกมาตั้งแต่หลังสงครามโลกยังต้องมีเครือข่ายครอบคลุมพื้นที่นี้ไว้ (อย่าให้จีนมาแทรกแทน)
เรามักจะได้ยินว่า H2O –พลังงานจากไฮโดรเจนมีแนวโน้มจะเป็นพลังงานหลักของโลกหลังจากยุคฟอสซิลหมดไป แต่แท้จริงแล้วยังมีความหมายมากกว่านั้นเพราะจะต้องให้สหรัฐอเมริกาคิดค้นทางออกให้กับค่าเงินดอลลาร์ที่ผูกติดกับระบบน้ำมันโลก (Petrodollar) ให้ได้เสียก่อน
หลังจากปี 1971 สหรัฐอเมริกาโดยประธานาธิบดีนิกสันและเฮนรี่ คิสซิงเจอร์รมว.ต่างประเทศสองคู่หูประกาศยกเลิกระบบประกาศถอนตัวจากระบบมาตรฐานปริวรรตทองคำ (Gold Exchange Standard) ไม่เอาแล้วมีทองคำหนุนหลัง ใครก็ตามถือดอลลาร์มาเท่าไหร่จะแลกเป็นทองคำคืนให้แต่ให้ใช้ระบบลอยตัวมาแทน
ที่แท้ก็คือการพิมพ์เงินกระดาษออกมาใช้ตามใจมหาอำนาจนั่นเอง
ระบบดอลลาร์กระดาษทำไมอยู่ได้ ? ตอบว่าเพราะมันผูกอยู่กับตลาดน้ำมัน ในตอนนั้นสหรัฐร่วมกับพี่เบิ้มตะวันออกกลางซาอุดิอาระเบียบรรลุข้อตกลงให้โค้ดราคาซื้อขายน้ำมันเป็นดอลลาร์สหรัฐ และขณะนั้นในโลกนี้มีแค่ 7 บรรษัทยักษ์ใหญ่ที่เรียกว่า seven sisters เช่นเชลล์ เอสโซ่ เอ็กซอน บีพี สแตนดาร์ดออยล์ ยูโนแคล ที่ควบคุม 85% ของตลาดโลก จึงไม่เป็นปัญหาใด ๆ
แปลว่าใครอยากได้น้ำมันไปใช้ต้องมีดอลลาร์เอาไว้ในมือ !
ก็เหมือนเราไปศูนย์อาหารก็ต้องแลกคูปองกระดาษ ไม่มีคูปองไม่ได้กินข้าว !!!
จากทองคำหนุนหลัง มาเป็นทองดำ(น้ำมัน) หนุนหลัง
จากนั้นประเทศที่ซื้อขายน้ำมันโดยเฉพาะพวกที่ขายได้กำไรมีดอลลาร์ในมือมากก็ต้องกลับไปซื้อพันธบัตรจากอเมริกา ประเทศต่างๆ เป็นเจ้าหนี้ลอยๆ และอเมริกาก็เป็นลูกหนี้กลวงๆ ใครมาทวงหนี้ก็ปั๊มเงินกระดาษให้ไป
ระบบแบบนี้ทำให้สหรัฐอเมริกาครองความมั่งคั่งต่อเนื่องมากอีกหลายทศวรรษจนกระทั่งได้เกิดปัญหาภายในระบบเศรษฐกิจของตัวเองเมื่อราวทศวรรษที่ผ่านมาปลายยุคจอร์ช ดับเบิ้ลยู บุช จากซับไพรม์ มาถึง วิกฤตชัตดาวน์ และยอดหนี้สูงเกินเพดานประเด็นนี้นักเศรษฐศาสตร์ระดับนำเขียนไว้เยอะนักเศรษฐศาสตร์ไทยอย่างอาจารย์ ไสว บุญมา ก็เขียนไว้หลายตอนลองไปหาอ่านกัน และนี่ก็เป็นช่องให้รัสเซียและจีนมองเห็น
การที่รัสเซียกับจีนโค้ดการซื้อขายพลังงานที่แท้ก็คือยุทธการเซาะฐานรากของระบบ Petrodollar มีผลต่อความมั่นคงของมหาอำนาจยักษ์ใหญ่เลยทีเดียว ฝ่ายหนึ่งระดมซื้อทองคำมาเก็บ อีกฝ่ายกดดันประเทศลิ่วล้อในโอวาทเปิดสัมปทานบ่อน้ำมันตามเงื่อนไขเดิมๆ เพื่อความมั่งคั่งเดิมๆ ให้กับบรรษัทครอบโลกเดิมๆ (ฮาไม่ออก) ก็คือยังใช้น้ำมัน(และสงคราม)รักษาเสถียรภาพเงินกระดาษตัวเองไว้
หลายท่านอาจจะว่าเขียนย้อนไปไกลไม่เห็นเกี่ยวอะไรกับ H2O เลย
เกี่ยวทีเดียวครับ แม้ว่าไฮโดรเจนจะเป็นความหวังของมนุษยชาติโลกของเราคงไม่ถึงกับหยุดนิ่งมืดสนิทหรอกแต่อย่างไรก็ตามการผลักดันให้เชื้อเพลิงจาก H2O เป็นจริงได้ในเวลาอันใกล้ต้องผ่านด่านอุปสรรคมากมายตั้งแต่ระดับชาติไปจนถึงระดับโลก
สมมติมีคนผลิตเครื่องแยกไฮโดรเจนจากน้ำราคาถูกเครื่องละ 2 พันบาทได้จริงในวันพรุ่งนี้ แน่นอนบริษัทน้ำมันไทย-เทศได้รับผลกระทบเป็นลำดับแรกแต่ที่จะกระทบมากกว่าคือระบบน้ำมันโลกที่ผูกอยู่กับความมั่นคงของสหรัฐอเมริกา ประเทศล้มได้เลย
วงการน้ำมันมีพลังอำนาจมากครับ เงินเยอะ เสียงดัง แบ็คดี ขนาดมีเสียงคัดค้านให้ทบทวนการเปิดสัมปทานรอบที่ 21 ผู้มีอำนาจทั้งหน้าเก่าใหม่ก็ยังไม่ฟังเลย เพราะนี่เป็นผลประโยชน์ผูกพันระดับโลกไปแล้ว
จึงมีแต่ประชาชนคนใช้พลังงานอย่างเราท่านนี่แหละที่ต้องช่วยกันเรียกร้อง กดดันให้ผู้มีอำนาจทั้งหลายให้ความสนใจกับการศึกษาวิจัยพัฒนาพลังงานทางเลือกอื่นที่ไม่ใช่พลังงานจากฟอสซิลอย่างจริงจังและจริงใจ เช่นเริ่มให้เงินอุดหนุนวิจัยเชื้อเพลิง H2O ให้เต็มที่นับแต่บัดนี้ เป็นต้น.