เอเจนซีส์ - เฮนรี คิสซิงเจอร์ อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ และเจ้าของรางวัลโนเบลสันติภาพ ต้องเข้ารับการผ่าตัดหัวใจที่โรงพยาบาลในนิวยอร์ก ซิตี เมื่อวานนี้ (15 ก.ค.) โดยทางโรงพยาบาลแถลงว่าหลังจากคิสซิงเจอร์เข้ารับการผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจเอออร์ติก (Aortic Valve Replacement) เขาพักผ่อนต่อหลังจากนั้น
เฮนรี คิสซิงเจอร์ อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ และเจ้าของรางวัลโนเบลสันติภาพ ในวัย 91 ปีเข้ารับการผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจเอออร์ติก (Aortic Valve Replacement) ที่โรงพยาบาลนิวยอร์ก-เพรสไบเทเรียน (New York-Presbyterian Hospital)
คิสซิงเจอร์ ที่เกิดในเยอรมนี และเป็นยิวอพยพเข้าสหรัฐฯ เข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศในสมัยรัฐบาลรีพับลิกันของประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสัน และประธานาธิบดีเจอรัลด์ ฟอร์ด ที่เป็นผู้เปิดประตูทางการทูตสู่จีน ริเริ่มการเจรจาลดอาวุธระหว่างสหรัฐฯ และอดีตสหภาพโซเวียต ขยายความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างอิสราเอลและประเทศเพื่อนบ้านอาหรับในละแวกนั้น และประสบความสำเร็จในการลงนามสันติภาพระหว่างสหรัฐฯ และเวียดนามเหนือในสนธิสัญญาสันติภาพปารีสหลังจากเจราจายืดเยื้อมากว่า 5 ปี
ในขณะที่มีหลายคนชื่นชมผลงานและความสามารถในความชาญฉลาดด้านการต่างประเทศของคิสซิงเจอร์ แต่ยังมีอีกเป็นจำนวนมาที่ประทับตราคิสซิงเจอร์ในฐานะ “อาชญากรสงคราม” ในการให้ความสนับสนุนรัฐบาลเผด็จการขวาจัด โดยเฉพาะในละตินอเมริกา โดยคิสซิงเจอร์ถูกกล่าวหาว่าอยู่เบื้องหลังปฏิบัติการลับการทำรัฐประหาร รวมไปถึงการทำให้พื้นที่เป้าหมายไม่สงบจากสงคราม
ในบันทึกภายในของกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ที่ถูกเปิดเผยสู่สาธารณะล่าสุดจากการรายงานของ RSN เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2014 พบว่า ในปี 1976 คิสซิงเจอร์ที่อยู่ในตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ “อนุญาตให้มีการลอบสังหาร จับกุม และทรมานฝ่ายตรงข้ามใน “Dirty War” ของอาร์เจนตินา” ที่เป็นส่วนหนึ่งของปฏิบัติการคอนดอร์ หรือ Operation Condor อันโด่งดัง ที่เป็นเครือข่ายหน่วยข่าวกรองของหกรัฐบาลเผด็จการในอเมริกาใต้ ซึ่งมุ่งสังหารผู้คัดค้านทางการเมือง ปฏิบัติการนี้มีซีไอเอหนุนหลัง
“Dirty War” ในอาร์เจนตินาทำให้นักเคลื่อนไหวฝ่ายตรงข้ามเสียชีวิตไป 9,000- 30,000 คน รวมถึงพวกโซเชียวลิสต์ที่ต้องสงสัย
หลังจากประสบความสำเร็จในสนธิสัญญาสันติภาพปารีสเดือนมกราคม 1973 คิสซิงเจอร์ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ซึ่งถือเป็นปีที่อื้อฉาว ร่วมกับ เลดึ๊กเถาะ (Le Duc Tho) กรรมการเมืองพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามซึ่งเป็นที่ปรึกษาของฝ่ายเวียดนามเหนือในการเจรจา แต่เลดึ๊กเถาะจากเวียดนามเหนือไม่ยอมเดินทางไปรับ โดยให้เหตุผลว่าประเทศเวียดนามของเขายังไม่มีสันติภาพ
นอกจากนี้ เมื่อสิ้นสุดการดำรงตำแหน่งทางการเมือง คิสซิงเจอร์ได้ก่อตั้งบริษัทที่ปรึกษาอันทรงอำนาจขึ้นมาในนิวยอร์ก และคิสซิงเจอร์ยังมีตำแหน่งอยู่ในบอร์ดบริหารบริษัทต่างๆ รวมไปถึงการประชุมฟอรัมด้านความมั่นคงและการต่างประเทศ และยังได้ออกหนังสือรวมถึงทำหน้าที่เป็นนักวิเคราะห์นโยบายต่างประเทศทางสื่อโทรทัศน์ในอเมริกา