xs
xsm
sm
md
lg

การบินฟรีเพื่อปฏิบัติหน้าที่

เผยแพร่:   โดย: บัณรส บัวคลี่


ผมยื่นขอข้อมูลการใช้สิทธิประโยชน์เดินทางของส.ส.ตั้งแต่พฤษภาคม 2556 แล้วก็ถูกรัฐสภายุคขุนค้อนผู้รักประชาธิปไตยและสุวิจักขณ์ นาควัชระชัยเลขาฯสภาแช่เรื่องเอาไว้ครึ่งปี ผมจึงยื่นร้องเรียนไปยังคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารที่กฎหมายกำหนดช่องไว้ให้เดือนพฤศจิกายนปีเดียวกัน กว่าจะได้คำตอบก็กุมภาพันธ์ 2557

คำตอบสวยหรูของระบบราชการก็คือ ยินดีเปิดเผยข้อมูลกฎหมายพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยสิทธิประโยชน์ของสมาชิกรัฐสภาซึ่งข้อมูลตัวนี้... ขอประทานโทษขอรับ... กูไม่ได้ขอโว้ยยย !

ขออภัยท่านผู้อ่านที่ต้องใช้ศัพท์พ่อขุนทั้งนี้เพื่อให้สมน้ำสมเนื้อกับที่ถูกเขากระทำมา แล้วคณะกรรมการรับเรื่องร้องเรียนเพื่อให้มีการใช้กฎหมายข้อมูลข่าวสารของราชการก็บอกต่อว่า สำหรับเรื่องที่ขอไปก็คือการใช้สิทธิ์เดินทางนั้น “อยู่ระหว่างดำเนินการ” ซึ่งแปลว่า จะได้เมื่อไหร่ไม่รู้รอไปเหอะ ผ่านไปหกเดือนก็ยังดำเนินการไม่เสร็จ

ผมรอ ฯพณฯ ระบบราชการที่อยู่ระหว่างดำเนินการจนเกิดม็อบนกหวีดแล้วยุบสภาเกิดความวุ่นวายทางการเมืองจนเกิดรัฐประหารก็ยังไม่เห็นแจ้งมาสักทีก็เลยเขียนเรื่องนี้ซ้ำในคอลัมน์พื้นที่นี้ คราวนี้ทางสนง.เลขาธิการสภาฯ โทรแจ้งมาว่า ข้อมูลที่ยื่นขอได้แล้วให้ไปรับ

ผมเดินทางไปรับเมื่อ 23 มิถุนายน 2557 ที่ผ่านมา คาดหวังว่าจะได้รายละเอียดการใช้สิทธิ์เดินทางตามที่ขอแต่ปรากฏว่าเขาให้กระดาษแผ่นเดียว เป็นตารางสรุปแค่ว่า ปี 2552-2555 มีการใช้ใบเบิกทางเดินทางรวมกี่บาท ไม่ลงรายละเอียด ผมจึงขอแบบฟอร์มมาเขียนด้วยลายมือสดเดี๋ยวนั้นเพื่อขอข้อมูลที่ต้องการซ้ำแล้วเจาะจงเน้นไปที่ “จำแนกรายบุคคล” เพื่อให้เป็นบรรทัดฐานการบังคับใช้กฏหมายพรบ.ข้อมูลข่าวสารของราชการ

ไม่รู้เพราะยุบสภาไม่มีบรรดาเทวดามากดดันแถมเจ้านายชื่อสุวิจักขณ์ถูกทหารเด้งไปหรือเปล่าที่สุดสำนักเลขาธิการสภาผู้แทนฯ ก็เปิดข้อมูลการใช้จ่ายเดินทางของส.ส.เป็นรายบุคคลมาให้ ไปรับเมื่อสิ้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา

ก็เป็นไปตามคาดล่ะครับ บรรดาท่านผู้ทรงเกียรติใช้สิทธิ์บินกันคนละเป็นแสนๆ 5-6-7 แสนยังไม่พอบางคนเป็นล้านก็มี รวมแล้วแต่ละปีมีค่าใช้จ่ายเดินทางของฯพณฯ ร้อยกว่าล้านบาท

ในฐานะที่เป็นประชาชนผู้เสียภาษีที่ยินดีในระบอบประชาธิปไตยผมไม่ว่าอะไรหรอกหากจะให้ ส.ส.ได้เดินทางฟรีเพื่อมาทำหน้าที่นิติบัญญัติ แต่ปัญหาก็คือไอ้ที่บินๆ กันน่ะมาทำงานปฏิบัติหน้าที่หรือว่าเยี่ยวปนฝนบินดะ อยู่กรุงเทพฯ ไม่มีงานอะไรต่างจังหวัดก็ใช้สิทธิ์บินฟรี หรือตัวอยู่เหนืออยากไปเที่ยวภูเก็ตก็ขอบินฟรี ไอ้ประเภทแบบนี้ประชาชนยอมไม่ได้ครับ

ส.ส.น่ะประชุมกันแต่สัปดาห์ละครั้งๆ ละ 1 วัน ที่เหลือประชุมกรรมาธิการวันหรือสองวัน ตีเป็นว่าสัปดาห์หนึ่งบินไป-กลับครั้งหนึ่งก็พอสมควรแก่เหตุอยู่ ในแต่ละปีมีสมัยประชุมสามัญและสมัยนิติบัญญัติรวมแล้ว 7-8 เดือนที่เหลือเป็นช่วงปิดสมัยประชุม

ไอ้ช่วงปิดสมัยประชุมนี่มีพะนะทั่นผู้ทรงเกียรติเกิดฟิตอยากปฏิบัติหน้าที่ขอบินฟรีหรือเปล่า? อันนี้ประชาชนยังไม่สามารถตรวจสอบได้ เอาแค่ที่ได้มานี้ก็ยื้อแล้วยื้ออีกต่อไปหากหมดยุคทหารบรรดาส.ส.เทวดาเข้ามาก็คงช่วยกันปกปิดกันเหมือนเดิม ต่อให้มีกฎหมายมันก็เลี่ยงกันเห็นๆ

ที่ผ่านๆ มาสังคมมักจะจับจ้องการทุจริตคอรัปชั่นไปที่รัฐบาลซึ่งเป็นฝ่ายบริหารเกี่ยวข้องกับงบประมาณแผ่นดินโดยตรงจนละเลยมองข้ามฝ่ายนิติบัญญัติที่อิ่มหนำสำราญทั้งตามน้ำทวนน้ำกันอย่างการจัดซื้อจัดจ้างโคตรนาฬิกา ซื้อเก้าอี้หลุยส์และค่าอื่นๆ จัดดอกไม้ทีเป็นแสนใช้แค่ครึ่งวันอะไรเหล่านี้ สมควรที่จะต้องสนใจฝ่ายสภาให้มากขึ้น ระหว่างที่ไม่มีรัฐสภาเขากำลังปฏิรูปกันอยู่นี่สังคมควรจะส่งเสียงดังๆ บอกให้ปรับปรุงแก้ไขอุดช่องโหว่เสีย

ต่อไปสมาชิกรัฐสภาไม่ว่าส.ส.หรือ ส.ว.ควรจะรายงานการใช้สิทธิประโยชน์ต่างๆ รวมถึงการเดินทางให้ประชาชนรับทราบเป็นช่วงๆ ไปเช่น 3เดือน/ครั้ง หรือ6เดือน/ครั้ง รายงานรายละเอียดว่าเดินทางจากไหนไปไหนเที่ยวบินอะไร เพราะประชาชนจะได้รู้ว่าแอบหนีประชุมหรือเปล่า หรือว่าไม่มีประชุมแต่แอบไปเที่ยว เรื่องแบบนี้ประเทศที่พัฒนาประชาธิปไตยจริงๆ อย่างอังกฤษเขาทำแล้ว ส่วนที่ญี่ปุ่นก็เพิ่งมีข่าวสมาชิกสภาฯ ร้องไห้ออกสื่อเพราะถูกจับติดว่าโกงค่าเดินทาง ขอเบิกแต่ไม่เดินทางจริง อับอายขายขี้หน้าไปทั้งตระกูล

ในหลายปีมานี้เป็นยุคที่นักการเมืองกำลังเฟื่อง ฮึกเหิมจนย่ามใจ พระราชกฤษฎาเงินประจำตำแหน่งฯ ที่ใช้กันมาตั้งแต่ปี 2535 รัดกุมไม่ให้เบิกเล็กเบิกน้อยพวกก็แก้ใหม่เมื่อปี 2555 เพิ่มตำแหน่งคนติดตามเพิ่มระดับเงินตอบแทน เดิมเขาไม่ให้ส.ส./ส.ว.เบิกจิปาถะ เดินทางโดยพาหนะส่วนตัวมาทำงานก็เบิกได้ ตำแหน่งส.ส.ไม่ใช่งานอาสาทางการเมืองแล้วแต่เป็นการได้ผลตอบแทนทุกๆ อิริยาบถลมหายใจ ที่พักก็เบิกได้ มาประชุมเบี้ยเลี้ยงก็ได้ 1,500 บาท ไปต่างประเทศค่าเสื้อผ้าค่าใช้จ่ายต่างๆ เหมาจ่ายให้หมด รายรับไม่ใช่แค่คนละแสนกว่าบาทหรอกครับมันมากกว่านั้นเยอะ

ที่สุดๆ จริงๆ ก็คือการออกกฎหมายใหม่ระดับพระราชบัญญัติชื่อว่า พรบ.กองทุนผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภา พ.ศ.2556

ที่ท่านว่าไว้...ชนชั้นใดออกกฎหมายก็เพื่อชนชั้นนั้น นี่เลยครับพรบ.กองทุนส.ส.นี่แหละชัดเจน ไอ้พวกเราคนทำงานกินเงินเดือนทำแทบตายถูกหักตั้งกี่สิบปีเพื่อจะได้บำนาญเล็กๆ ตอนแก่ไม่กี่พัน แต่กฎหมายกองทุนนักการเมืองเขาให้แค่ 4 ปีที่ถูกหักก็ได้สิทธิประโยชน์เป็นหมื่นๆ กินไปตลอดชาติ กองทุนเลี้ยงชีพ รักษาพยาบาล การศึกษาบุตรจนจบปริญญาตรี มันหน้าด้านแทนที่จะออกเงินสมทบกับเองก็ออกกฎหมายให้รัฐสมทบให้

เมื่อก่อนสมาชิกรัฐสภาก็มีกองทุนชื่อว่า กองทุนสงเคราะห์ผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภา พ.ศ.2543 แต่สิทธิประโยชน์น้อยไป แบบว่ากินไม่เต็มปากเต็มคำว่าแล้วก็ช่วยกันยกมือผ่านร่างพรบ.กินคำโตเสวยสุขตลอดชีพกันเลย

ที่เขียนๆ มานี่ก็เพื่อจะบอกกับประชาชนคนเดินดินที่ต้องเข้าคิวใช้สิทธิ์ประกันสังคม สิทธิรักษาพยาบาลบัตรทองทั้งหลายว่าหากต้องการให้สังคมไทยในอนาคตดีขึ้นกว่านี้ไม่ต้องเรียกร้องอะไรให้ไกลหรอกครับ แค่ทำให้ประเทศสว่างขึ้นใครทำอะไรที่ไหนใช้เงินงบประมาณเพื่อกิจการใดขอให้เปิดเผยออกมาให้หมด เปิดทั้งรายละเอียดเช่นการจัดซื้อจัดจ้างก็ต้องเปิดสเปคเลยว่าซื้ออะไรยี่ห้ออะไรกี่ชิ้นราคากี่บาทแล้วก็ให้ประชาชนเห็นได้ทั่วกัน การใช้สิทธิประโยชน์ของส.ส.นี่ก็เช่นกัน ประเทศนี้จะเป็นประชาธิปไตยไม่ได้หรอกหากว่าตัวแทนประชาชนไม่อยู่ในสายตาของประชาชนจริง ประชาธิปไตย 4 วินาทีเลือกไปแล้วให้มันกลายเป็นเทวดาเหนือกฎหมาย

ผมเชื่อของผมโดยยังไม่ได้พิสูจน์นะว่า เงินค่าเดินทางบินฟรีของส.ส.ที่เห็นอยู่ปีละร้อยกว่าล้านบาทนี่ หากร่อนตะแกรงคัดเอาภารกิจที่ใช้บินเพื่อไป “ปฏิบัติหน้าที่” จริงๆ ตามที่กฎหมายกำหนด รัฐคงจ่ายจริงสักครึ่งเดียวเท่านั้น

ถ้าอดีต ส.ส.คนไหนอยากเถียง..เชิญครับขอท้า ! แน่จริงก็เอารายละเอียดการบินว่าบินวันไหน เดินทางจากไหนไปไหนมากางวัดกันเลย ประชาชนอยากเห็นจริงๆ ว่าบินกลับบ้านหลังประชุมเสร็จหรือบินพากิ๊กไปเที่ยว.














กำลังโหลดความคิดเห็น