xs
xsm
sm
md
lg

มหากาพย์บอลโลก

เผยแพร่:   โดย: พระบาท นามเมือง

ฟุตบอลโลกถือว่าเป็นมหกรรมกีฬาที่คนทั้งโลกและคนไทยรอคอยกันทุก 4 ปี ไม่แพ้มหกรรมกีฬาโอลิมปิก และวันนี้ก็จะเป็นวันแรกเปิดสนามของการแข่งขันฟุตบอลโลก 2014 ที่ประเทศบราซิล (จริงๆ แล้วถ้าตามเวลาไทย ถือว่าเริ่มตอนตีสามของเช้าวันศุกร์ที่ 13) ซึ่งฟุตบอลโลกในปีนี้เป็นปีที่มีเรื่องให้แฟนบอลชาวไทยลุ้นกันตั้งแต่ก่อนแข่ง

คนไทยเริ่มได้ดูฟุตบอลโลกทางโทรทัศน์กันมาตั้งแต่ปี 2513 ในนัดสำคัญๆ เท่านั้นจนกระทั่งเกิดกระแสบอลโลกฟีเวอร์ขึ้นมาในปี 2529 ศึกฟุตบอลโลกที่เม็กซิโก 86 ที่คนไทยให้ความสนใจกันมาก จนบิ๊กจิ๋ว พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ผบ.ทบ. ในขณะนั้นทานกระแสไม่ไหว จนต้องสั่งการด่วนให้ทีวีพูลถ่ายทอดสดการแข่งขันในรอบ 8 ทีมสุดท้ายจนนัดชิง ทำให้คนไทยได้ดูตำนานร่วมสมัยของยอดนักเตะระดับโลก ดีเอโก้ มาราโดนา แบบสดๆ กันผ่านจอ และในอีก 4 ปีต่อมาที่อิตาลี พ.ศ. 2533 คนไทยก็ได้ดูฟุตบอลโลกกันทุกนัดทางโทรทัศน์ช่องฟรีทีวี ยกเว้นคู่ที่เตะเวลาตรงกันในนัดสุดท้ายของรอบแรก ก็จะมีคู่หนึ่งที่ได้ดูเป็นเทป จนกระทั่งบอลโลกที่อเมริกาปี 2537 เป็นต้นมานั่นแหละ ที่คนไทยได้ดูบอลโลกสดทุกคู่ ซึ่งแต่ก่อนก็มีโฆษณามากบ้างน้อยบ้าง จนกระทั่งบอลโลกช่วงหลังๆ สมัยที่ทีวีพูลยังเป็นเจ้าภาพถ่ายทอดสด ก็มีเสียงบ่นจากคนดูว่าโฆษณาบ้าเลือด ใครโตทันดูบอลสมัยนั้นคงจำได้ว่า แค่บอลออกนอกสนามไป หรือเกมหยุดสักนิด โฆษณาก็มาแล้ว แถมจัดมากันนานสามสี่ตัวติดกันก็มี นับว่าทำคนดูบอลเสียอารมณ์มาก แม้จะมีการเปิดเป็นจอเล็กๆ ก็ไม่ได้ช่วยอะไร จนกระทั่งบอลโลกปี 2545 ก็มีฮีโร่เข้ามา คือบริษัททศภาคของเบียร์ช้าง ที่เข้ามาซื้อลิขสิทธิ์บอลโลกไว้เอง และถ่ายทอดสดโดยไม่มีโฆษณาคั่นให้คนไทยได้ดูฟรีๆ จนถึงบอลโลกครั้งก่อนหน้านี้ คือที่แอฟริกาใต้ 2553

ที่เขียนมายืดยาวนี่ก็เพื่อจะแสดงให้เห็นว่า คนไทยกับการดูบอลโลกจอตู้นั้นมีความเป็นมายาวนานกว่า 20 ปี และที่ผ่านมา การดูบอลโลกเป็นมหกรรมฟุตบอลที่ดูกันฟรีไม่เสียเงินมาตลอด ถือเป็นกิจกรรมที่ชาวบ้านร้านตลาดที่ไหนที่ไฟฟ้าเข้าถึงมีโทรทัศน์ในเขตรับสัญญาณได้ ก็เปิดดูกันได้ฟรีๆ เป็นเทศกาลความสุขสนุกประจำในรอบ 4 ปี สลับกับกีฬาโอลิมปิก

จนกระทั่งบอลในปีนี้แหละ ที่คนไทยทำใจกันไว้ล่วงหน้าว่าการดูบอลโลกอาจจะไม่ใช่กิจกรรมง่ายๆ เหมือนแต่ก่อน เพราะบริษัทในเครือของ RS โปรโมชั่น ค่ายเพลงใหญ่ ได้ลิขสิทธิ์ในการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกครั้งนี้ไป และประกาศไว้ล่วงหน้าหลายปีแล้วว่า ฟุตบอลโลกในปีนี้ จะไม่ได้ดูกันฟรีทุกนัดอย่างที่คุ้นเคยกันอีก ใครอยากดูทุกนัด ต้องซื้อกล่องบอลโลกของบริษัทมาต่อกับดาวเทียม หรือถ้าดูฟรีทีวี ก็จะได้ดูเฉพาะบางนัดเพียง 22 นัด จาก 64 นัดทั้งหมด ซึ่งใครเห็นตารางถ่ายทอดสดผ่านฟรีทีวีแล้วก็คงเห็นตรงกันว่า เป็นนัดรองๆ ของแต่ละคืน เช่น คืนที่ 14 แทนที่จะได้ดูคู่ร้อนที่มีแฟนบอลชาวไทยจำนวนมาก อย่างอังกฤษพบอิตาลี ก็ต้องไปดูคู่อุรุกวัยโม่กับคอสตาริกาแทน

ซึ่งอันนี้เชื่อว่าคนส่วนใหญ่ก็คงพยายามทำความเข้าใจได้แล้วว่า ในโลกยุคนี้เป็นยุคของธุรกิจการค้า และการถ่ายทอดมหกรรมกีฬาไม่ว่าอะไรก็ตาม มีค่าลิขสิทธิ์สูงขึ้นทุกปี เนื่องจากเป็นรายการที่มีเรตติ้งสูงมากๆ ซึ่งฟุตบอลลีกที่มีคนติดตามดูมากๆ อย่างฟุตบอลยุโรปหรือฟุตบอลอังกฤษ ก็ต้องเสียเงินดูผ่านระบบเคเบิลทีวีกันมาตลอด ซึ่งเป็นเรื่องที่พอเข้าใจได้ถึงเรื่องระบบการค้า ธุรกิจ ลิขสิทธิ์

แต่ที่เหมือนจะเข้าใจแต่ทำใจยาก ก็เพราะฟุตบอลโลกไม่เหมือนฟุตบอลรายการอื่น ซึ่งใครจะติดตามดูก็ได้แก่แฟนบอลทีมนั้นๆ ซึ่งเป็นแฟนมากก็ขวนขวายจ่ายเงินดูกันไป แต่ฟุตบอลโลกนี้เป็นเหมือนกีฬาสาธารณชน เป็นมหกรรมกีฬา เพื่อชิงเจ้าว่าชาติใดจะได้เป็นทีมฟุตบอลที่เก่งที่สุดในรอบ 4 ปีนี้ และเราได้ติดตามชมการต่อสู้ในสนามหญ้าที่น่าจะเป็นธรรมที่สุด ไม่มีการซื้อตัวนักเตะ ผู้เล่นต้องเป็นสมาชิกสัญชาติของทีมนั้นๆ เราได้เห็นการแจ้งเกิดของทีมเล็กๆ ประเทศยากจนจากแอฟริกาหรือประเทศเล็กๆ ในอเมริกากลาง ที่ล้มยักษ์ประเทศร่ำรวยหรือมีลีกฟุตบอลมูลค่าสูง ด้วยพรสวรรค์และพรแสวง ดังนั้นการเปรียบฟุตบอลโลกเหมือน “รายการบันเทิงทางทีวี” ที่ใครอยากดูต้องเสียเงินนั้นก็อาจจะไม่ค่อยสนิทใจหรือถูกเรื่องนัก

ลองคิดดูว่าถ้าเอาหลักการยอมรับว่าใครมีเงินก็มีสิทธิผูกขาดเช่นนี้มาใช้ สักวันมีนายทุนที่ไหนซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดกีฬาโอลิมปิกมาได้ทั้งหมด และถ่ายทอดผ่านกล่องทีวีเสียเงินบ้าง เช่นนี้แม้แต่ลูกชาวนาหรือคนยากจนสักคนขึ้นชกมวยชิงชนะเลิศโอลิมปิก ถ้าพ่อแม่ของเขาบ้านไม่มีกล่องหรือไม่ได้เสียเงิน ก็อาจจะไม่มีสิทธิได้ดูลูกตัวเองขึ้นชิงเหรียญทองมาให้ประเทศชาติ เหมือนคนไทยอีกจำนวนมากที่ไม่มีเงินซื้อกล่อง ซึ่งที่ยกตัวอย่างมา อาจจะสุดโต่งและ “ดรามา” ไปบ้าง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้หรอกว่า ถ้าจะมองเรื่องนี้กันให้สุดทางแบบกฎหมายลิขสิทธิ์ หรือธุรกิจการโทรทัศน์ มันก็เกิดผลเช่นนี้ได้จริง

หน่วยงานของรัฐที่กำกับกิจการวิทยุโทรทัศน์และโทรคมนาคม อย่าง กสทช. จึงกำหนดกฎ Must have Rule หรือกฎที่กำหนดกีฬาสำคัญๆ ที่จะต้องมีบริการผ่านทางโทรทัศน์แบบฟรีทีวีเท่านั้น ออกมา 7 รายการ ได้แก่ ซีเกมส์ อาเซียนพาราเกมส์ เอเชียนเกมส์ เอเชียนพาราเกมส์ โอลิมปิก และพาราลิมปิกเกมส์ สุดท้ายก็คือ การแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย หรือบอลโลกนี่เอง ซึ่งหากพิจารณาดูจากรายการเหล่านี้ก็ยุติธรรมดี เพราะเป็นกีฬาระดับภูมิภาค ระดับทวีป และระดับโลกที่ควรเป็นกีฬาที่ทุกคนมีสิทธิได้ดูโดยไม่เกี่ยวกับเรื่องธุรกิจจริงๆ

แต่ปัญหาคือ กฎดังกล่าวก็เหมือนกับจะไม่เป็นธรรมกับทาง RS ผู้ประมูลลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดมาได้สักเท่าไร เพราะเป็นการประกาศย้อนหลังจากที่เขาไปประมูลลิขสิทธิ์มาได้แล้ว ซึ่งถ้าเขารู้เช่นนี้ เขาก็อาจจะไม่ไปประมูลลิขสิทธิ์มาก็ได้ ในส่วนนี้ต้องให้ความเป็นธรรมด้วย

มีการต่อสู้ประเด็นนี้ต่อศาลปกครอง ซึ่งสู้กันมาสองชั้นศาล ศาลปกครองกลางซึ่งเป็นศาลชั้นต้นให้ RS ชนะ ไม่ต้องปฏิบัติตามกฎ Must Have ที่ว่า จนหลายคนถอดใจไปซื้อกล่องบอลโลกมาเตรียมติดจานดูแล้วถ้าอยากดูครบทุกนัด

มามีลุ้นดูฟรีเอาอีกทีเมื่อวานซืน ในชั้นการต่อสู้คดีที่ศาลปกครองสูงสุด ที่ตุลาการผู้แถลงคดี ซึ่งเป็นตุลาการอิสระที่ไม่ขึ้นกับองค์คณะในการตัดสินจริง ได้อ่านความเห็นของตนว่า ให้ กสทช.ชนะ และการได้ชมฟุตบอลโลก เป็นการให้สิทธิประโยชน์แก่ประชาชน ในการรับชมรายการกีฬาที่มีความสำคัญและได้รับความสนใจ ซึ่งมีการรับชมผ่านฟรีทีวีมาอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นประโยชน์สาธารณะที่เหนือกว่าประโยชน์ทางธุรกิจ

แต่ความเห็นของผู้แถลงคดีนั้นไม่ได้ผูกพันองค์คณะที่ตัดสิน เมื่อวานนี้ (11 มิ.ย. 57) คำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดที่ถึงที่สุดแล้วในเรื่องนี้ ก็สรุปได้ว่า ศาลยอมรับว่า การกำหนดประเภทกีฬาที่ต้องถ่ายทอดสดให้คนดูฟรีนั้นทำได้ เป็นประโยชน์สาธารณะที่อยู่ในอำนาจของ กสทช. แต่การใช้บังคับกับ RS ที่ซื้อลิขสิทธิ์มาก่อนแล้ว เป็นการไม่ยุติธรรม ดังนั้นจึงพิพากษาให้ว่า ไม่เพิกถอนกฎ Must Have แต่ไม่ให้ผูกพันบังคับกับทาง RS

สรุปคือ ถ้าเป็นไปตามคำพิพากษานี้ คนไทยก็ได้ดูบอลโลกฟรีในคู่รองๆ 22 คู่ ผ่านทางฟรีทีวีช่อง 7 และช่อง 8 ของ RS เอง ในระบบทีวีดิจิตอล ใครอยากดูให้ครบก็ต้องซื้อกล่องเหมือนเดิม

แต่แล้วในช่วงเย็นวานนี้ ก็อาจจะมีข่าวดีที่ทำให้เรื่องนี้มีพลิกล็อกขึ้นมาอีกรอบ เมื่อมีข่าวแว่วมาว่า ทาง คสช.จะ “คืนความสุข” ให้ประชาชนคนดูบอล ด้วยการเจรจากับทาง RS ให้ถ่ายทอดสดคู่ที่เหลือเพิ่มทางสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 แล้วจะให้ กสทช.หาเงินมาชดเชยค่าลิขสิทธิ์ให้ เพื่อไม่ให้เดือดร้อนเสียหายเกินสมควร ทั้งฝ่ายบริษัทธุรกิจ และฝ่ายประชาชนคนดูบอลที่แต่ไหนแต่ไรมา บอลโลกนี้เคยได้ดูฟรีกันมาตลอด

ผลเป็นอย่างไร คงต้องลุ้นการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการของ คสช.ในวันนี้ อย่างช้าก็คงมีความชัดเจนก่อนบอลเริ่มเตะตอนตีสาม

ศึกมหากาพย์ถ่ายทอดสดบอลโลกในครั้งนี้ คงจะต้องเป็นบทเรียนให้ทุกฝ่าย ทั้งฝ่ายนักธุรกิจว่า การ “ทำธุรกิจ” กับสิ่งที่ก้ำกึ่งว่าเป็นการบันเทิงหรือเรื่องเป็นประโยชน์ของส่วนรวมที่ใครๆ ก็ควรมีสิทธิเข้าถึงนั้น มันล่อแหลมที่จะถูกรัฐเข้ามาแทรกแซง จนอาจจะไม่ทำให้ได้กำไรที่มุ่งหวังอย่างใจคิด

และเป็นบทเรียนให้ฝ่ายรัฐว่า ถ้าจะดูแลสิทธิหรือประโยชน์ของประชาชน ก็จะใช้วิธีทุบโต๊ะบังคับเอาง่ายๆ ไม่ได้ และก็อย่าชักช้าจนฝ่ายเอกชนผู้ประกอบการ และประชาชนผู้รับบริการเสียประโยชน์จนเกินพอดี.
กำลังโหลดความคิดเห็น