xs
xsm
sm
md
lg

เลือกตั้งเป็นโมฆะ เพราะรัฐบาลโมฆะ

เผยแพร่:   โดย: พระบาท นามเมือง

แล้วผลการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญก็ไม่ผิดไปจากที่ทุกฝ่ายคาดการณ์เท่าไร

นั่นคือการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 กุมภา ถือว่าตกเป็นโมฆะ ด้วยเหตุสำคัญคือว่า เพราะการจัดการเลือกตั้งไม่อาจจะกระทำได้พร้อมกันทั่วประเทศ ตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ มาตรา 108 ที่กำหนดให้การเลือกตั้งต้องกระทำลงพร้อมกันทั่วประเทศภายในวันเดียว

ศาลรัฐธรรมนูญให้เหตุผลว่า “การที่พระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2556กำหนดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไปในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 นั้น เมื่อได้ดำเนินการเลือกตั้งเป็นการทั่วไปในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 ไปแล้ว ปรากฏว่ายังไม่มีการจัดการเลือกตั้งสำหรับ 28 เขตเลือกตั้ง ซึ่งยังไม่เคยมีการสมัครรับเลือกตั้งมาก่อนเลยจึงถือได้ว่าในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 มิได้มีการเลือกตั้งทั่วราชอาณาจักร ส่วนการที่จะดำเนินการจัดการเลือกตั้งสำหรับ 28 เขตเลือกตั้ง หลังวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 นั้น ก็ไม่สามารถกระทำได้ เพราะจะมีผลทำให้การเลือกตั้งมิได้เป็นวันเดียวกันทั่วราชอาณาจักรเช่นเดียวกัน เป็นผลให้พระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2556 เฉพาะในส่วนที่กำหนดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไปในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญมาตรา 108 วรรคสอง”

เท่ากับว่า เป็นการเน้นย้ำอย่างที่หลายฝ่ายเคยเตือนไว้แล้วว่า การดื้อรั้นดันทุรังจัดการเลือกตั้งให้ได้ ในสภาพที่สังคมยังมีความแตกแยก ไม่ยอมรับซึ่งกันและกันนั้น ไม่มีวันจะสำเร็จไปได้

โดยเฉพาะเมื่อผู้คนในเขตจังหวัดหลายจังหวัดไม่เห็นชอบด้วยการเลือกตั้ง จนไปปิดล้อมให้ทำการสมัครรับเลือกตั้งไม่ได้ จนกระทั่งเมื่อมีการปิดสมัครรับเลือกตั้งแล้ว ในจังหวัดเหล่านั้นไม่มีผู้สมัครรับเลือกตั้งคนใดๆ เลย

บางฝ่ายอาจจะโทษว่าเป็นม็อบ กปปส. ที่ไปปิดเขตเลือกตั้ง ปิดหน่วยเลือกตั้ง จนทำให้การเลือกตั้งทำไม่สำเร็จพร้อมกันทั่วประเทศจนต้องตกเป็นโมฆะ แต่ผู้กล่าวหาก็พึงต้องพิจารณาด้วยว่า ม็อบ กปปส.นั้น ก็เกิดจากประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งเองนั่นแหละ ที่อดรนทนไม่ไหวกับพฤติการณ์ของรัฐบาล

ผู้ที่ไปปิดหน่วยเลือกตั้งในแต่จังหวัดที่มีปัญหาทำให้จัดการเลือกตั้งไม่ได้นั้น ก็เป็นคนในท้องถิ่นที่ไม่เห็นด้วยกับการจัดการเลือกตั้งทั้งนั้น

หากเรายังจำได้ การเลือกตั้งในครั้งนี้คือความพยายามฟอกความผิดของรัฐบาลในหลายๆเรื่อง ตั้งแต่การเสนอร่างกฎหมายล้างผิดคนโกง คืนเงินคืนสิทธิให้ทักษิณและบริวาร จนเกิดการต่อต้านไปทั่วประเทศ จนกระทั่งต้องถอยกรูด รวมถึงการกระทำชำเรารัฐธรรมนูญด้วยการแก้ไขเรื่องที่มาของ ส.ว. ให้มี ส.ว. จากการเลือกตั้งทั้งสภาฯ ด้วยหมายใจจะครอบงำฝ่ายนิติบัญญัติทั้งหมด ด้วยวิธีการอันไม่ชอบธรรม จนถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้เป็นโมฆะ หรือบางเรื่องก็เพิ่งจะมา “แดง” เอาภายหลัง เช่น การทุจริตโครงการจำนำข้าวมโหฬารจนทำลายระบบตลาดข้าว จนไม่มีเงินมาจ่ายชาวนา และกฎหมายกู้เงินแบบตีเช็คเปล่า อ้างว่าเพื่อนำมาสร้างระบบรถไฟฟ้าความเร็วสูง โดยนำเอาคนที่มีภาพลักษณ์ดีเป็นที่ชื่นชอบของคนรุ่นใหม่อย่างชัชชาติมาเป็นเซลส์แมนขายฝันหลอกคน ซึ่งในที่สุดศาลก็สั่งให้กฎหมายดังกล่าวเป็นโมฆะตกไปเหมือนกัน

เรียกว่าทำผิดซ้ำผิดซากจนเกินอภัย แต่แทนที่รัฐบาลจะออกไปโดยดี กลับเลือกใช้วิธีโกงความได้เปรียบ ในฐานะรัฐบาลที่ประกาศยุบสภาได้ โดยอ้างวาทกรรมสวยหรูแบบ “ประชาธิปไตยหย่อนบัตร” อ้างว่า “นี่คือการคืนอำนาจให้ประชาชนไปตัดสินใจ”

ทั้งๆ ที่ความจริงความรับผิดชอบน่าจะเป็นการถอยออกจากวงการการเมือง หรือรับโทษทัณฑ์ตามที่สมควรไป

การเลือกตั้งถูลู่ถูกังให้เกิดขึ้นนั้น จึงไม่เป็นอะไรมากไปกว่าความพยายามฟอกความผิดด้วยวาทกรรมดังกล่าว จึงเป็นที่มาของการลุกฮือไม่ยอมรับของประชาชนในทั่วประเทศ

เป็นครั้งแรกที่ประชาชนส่วนหนึ่งปฏิเสธการเลือกตั้ง ปฏิเสธเพราะต่างรู้เท่าทันหมดแล้วว่า ภายใต้ระบอบการเมืองที่ “เงิน” เป็นใหญ่ การเลือกตั้งในสภาวะแวดล้อมดังกล่าวก็ไม่อาจเป็นไปโดยบริสุทธิ์ยุติธรรมหรือแสดงความต้องการของประชาชนในชาติได้

เป็นเสียงที่เรียกร้องให้มีการปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง ที่รัฐบาลไม่ยอมนำพา อ้างกระต่ายขาเดียวว่า ต้องเลือกตั้ง ต้องเลือกตั้ง การเลือกตั้งนี่แหละ ประชาธิปไตยที่สุดแล้ว โดยได้รับการสนับสนุนจากปัญญาชน และนักวิชาการไร้เดียงสาประเภทท่องตำรามาพูด หรือไม่ก็มีวาระหรือผลประโยชน์แอบแฝงจำนวนหนึ่ง

ท่ามกลางความแตกแยกดังกล่าว หลายฝ่ายพยายามหาทางออกให้ ว่าไหนๆ ก็ประกาศยุบสภามาแล้ว ก็ลอง “เลื่อน” การเลือกตั้งออกไปดีหรือไม่ รอจนกว่าจะมีการปฏิรูป หรืออย่างน้อยๆ ก็พูดคุยกันให้ประชาชนเกิดฉันทานุมัติร่วมกันประมาณหนึ่งก่อนระดับหนึ่งก็ยังดี แล้วค่อยไปเลือกตั้งกัน

ในขณะนั้น ศาลรัฐธรรมนูญก็ได้วินิจฉัยหา “ทางออก” ให้ไว้แล้วด้วยการวินิจฉัยว่า การเลือกตั้งทั่วไปนั้น “เลื่อนได้” หากรัฐบาลกับ กกต.มีความเห็นชอบร่วมกัน ซึ่งสำหรับกรรมการนั้น เห็นชอบแล้ว แต่ท่าทีของรัฐบาลก็ยังยืนกรานกระต่ายขาเดียวจะยืนยันให้มีการเลือกตั้งในวันเดิมให้ได้ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ต้องลากต้องถูให้มีการเลือกตั้ง 2 ก.พ. ให้ได้

เพราะสำหรับรัฐบาลแล้ว การเลือกตั้งเป็น “ประตูแห่งความชอบธรรมเดียว” ที่เหลืออยู่ ที่จะเอาไว้อ้างว่า ทำไมตัวเองจึงมีสิทธิบริหารประเทศ

ความดื้อดึงของรัฐบาลสร้างประวัติศาสตร์การเลือกตั้งเลือด ที่มีการปะทะกันของประชาชนและกองกำลังไม่ทราบฝ่าย ตายเจ็บกันอย่างแทบนับศพกันไม่หวาดไม่ไหว

และในที่สุดศาลก็ตัดสินให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ

ในตอนนี้แม้การเลือกตั้งจะเป็นโมฆะไปแล้ว แต่ก็ยังมี “เสียงเชียร์” ของฝ่ายหนุนรัฐบาลว่า รัฐบาลอย่าไปสนใจคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ให้ดื้อแพ่ง อย่าไปยอมรับ

ซึ่งอาจจะหมายถึง การดื้อแพ่งไม่ยอมเสนอตราพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งฉบับใหม่ขึ้นมาแทนการเลือกตั้งที่ตกเป็นโมฆะนั้น

และคงจะมีการนำกองกำลังคนเสื้อแดงมาท้าทายศาลในทุกระบบ ทั้งศาลรัฐธรรมนูญ ศาลปกครอง และศาลยุติธรรม ซึ่งล้วนแต่มีคำพิพากษาออกมาไม่เป็นคุณต่อรัฐบาลกันทั้งนั้น

ดังได้กล่าวไปหลายครั้งแล้วว่า จุดจบของรัฐบาลคงจะอยู่ที่กระบวนการยุติธรรมเป็นหลัก เพราะเป็นหนึ่งในองคาพยพที่มีอำนาจ ฝ่ายเดียวที่รัฐบาลยังครอบงำไม่ได้ หรือได้ก็ไม่ทั้งหมด

การเถียงข้างๆ คูๆ หรือการข่มขู่ศาล ทั้งด้วยทางวาจาหรือด้วยอาวุธจึงอาจจะดำเนินกันอยู่ต่อไปเรื่อยๆ การพยายามสร้างภาพลักษณ์ว่าศาลเป็นฝ่ายอำมาตย์บ้าง จ้องเล่นงานรัฐบาลบ้าง คงเป็นไม้ตายเดิมๆ ที่ฝ่ายนี้จะใช้ และอาจจะยกระดับการโจมตีเพิ่มขึ้นไปอีกเรื่อยๆ

เพราะรัฐบาลระบอบทักษิณภายใต้ฉากหน้าของนายกฯ หญิงคนนี้รู้ตัวดีว่า ถ้าฝ่ายตัวเองจะถึงจุดจบ ก็คงจะต้องจบด้วยคำพิพากษาของศาล และอาจจะมีใครต้องไปติดคุกกันไปอีกบ้าง
กำลังโหลดความคิดเห็น