กกต.บริหารงานเลือกตั้ง วอน กปปส.-รัฐ อย่ารีบปัดข้อเสนอ 6 องค์กร รธน. 7 วันยังไม่เสนอชื่อคนกลาง พร้อมยุติการทำหน้าที่ ย้ำขัดแย้งจบที่เจรจา อย่าตั้งข้อรังเกียจ จนเกิดสงคราม รอให้ศาล-ป.ป.ช.ตัดสอนก็ไม่จบ เหตุมีอ้างไม่ฟังคำตัดสิน แนะ ปชช.กดดันให้คุยกัน แจงต้องส่งรายชื่อทั้ง 2 ฝั่งก่อนเผยให้สื่อและไปทาบทาม เผยหากศาลวินิจฉัยเลือกตั้ง 2 ก.พ.โมฆะเตรียมถกพรรคการเมือง ก่อนกำหนดวันเลือกตั้งใหม่
วันนี้ (18 มี.ค.) นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.ด้านบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลและกปปส.ออกมาแสดงท่าทีปฏิเสธที่จะเสนอรายชื่อบุคคลเข้ามาเป็นคณะคนกลางในการเจรจายุติความขัดแย้งว่า ทั้งสองฝ่ายยังไม่ควรที่จะรีบให้คำตอบ อยากให้ไปปรึกษาหารือ ไตร่ตรองให้รอบคอบก่อน เพราะ 7 วันจากนี้ไปอาจจะเกิดสถานการณ์ขึ้นอีกมากมายที่จะเป็นตัวตัดสินใจว่าทั้งสองฝ่ายควรจะดำเนินการอย่างไร อีกทั้งข้อเสนอของ 6 องค์กรตามรัฐธรรมนูญที่เสนอไปนั้นต้องการให้เกิดการเจรจา เกิดคณะคนกลางขึ้นมา 1 ชุดซึ่งเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย ดังนั้น ถ้าทั้งสองฝ่ายเห็นว่าวิธีการดังกล่าวเป็นแนวทางที่เหมาะสมในการช่วยคลี่คลายปัญหาของประเทศไทย ก็ยังมีเวลาทบทวนในการเสนอรายชื่อบุคคลที่คิดว่าเหมาะสม จึงอย่าเพิ่งรีบตอบ เพราะยังมีเวลาจนถึงวันที่ 24 มี.ค. ที่สองฝ่ายจะตัดสินใจ แต่ถ้าครบ 7 วันยังไม่มีคำตอบ ไม่มีการเสนอชื่อเราก็คงต้องขอยุติการทำหน้าที่จุดนี้ไปทันที
“โจทย์ของปัญหาความขัดแย้งท้ายที่สุดต้องจบลงด้วยการเจรจา จะทำสงครามรุนแรงมากเพียงใด ท้ายที่สุดก็ต้องเกิดการเจรจาเพื่อหาทางสงบศึก การที่บอกว่ารัฐบาลไม่สามารถเจรจากับกบฏได้ และการที่บอกว่าประชาชนไม่ต้องการเจรจากับฝ่ายรัฐบาลที่คอร์รัปชันนั้นก็ไม่จริง เพราะสิ่งที่ดีที่สุดทุกฝ่ายต้องหันหน้ามาหาทางออกร่วมกันมาพูดคุยเจรจากัน อย่ามาตั้งข้อรังเกียจแล้วไม่เจรจากัน ท้ายสุดก็ต้องทำสงคราม แล้วประเทศชาติก็จะไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้ ไม่ว่าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญกรณีปัญหาเลือกตั้งจะออกมาอย่างไร การพิจารณาคดีของ ป.ป.ช.จะออกมาอย่างไร คำตอบก็ยังไม่เป็นทางออกของประเทศไทย ความขัดแย้งก็ยังอยู่ เพราะจะเกิดการไม่ยอมรับคำตัดสิน ดังนั้นจึงขอเรียกร้องให้ประชาชนที่อยากเห็นประเทศเกิดความสงบสุข ออกมาส่งสัญญาณผลักดันและกดดันให้คู่ขัดแย้งสองฝ่ายยอมหันหน้าเจรจากัน”
นายสมชัยยังกล่าวอีกว่า หากคู่ขัดแย้งรับกระบวนการเจรจา รายชื่อบุคคลที่จะมีการเสนอมานั้น หากส่งมาเพียงฝ่ายเดียวจะยังไม่มีการเปิดจะปิดผนึกไว้ก่อน รอไว้จนกว่าทั้งสองฝ่ายจะส่งมาถึงพร้อมกัน จากนั้นจะมาเปิดต่อหน้าสื่อมวลชนว่ามีชื่อบุคคลใดบ้าง มีชื่อตรงกันกี่ชื่อ แล้ว 6 องค์กรก็จะไปทาบทามว่าบุคคลเหล่านั้นพร้อมที่จะทำหน้าที่มาเป็นคนกลางเจรจาหรือไม่ ซึ่งแนวทางดังกล่าวเป็นการสร้างความเป็นธรรม ไม่ให้เกิดการได้เปรียบเสียเปรียบ ไม่ก่อให้เกิดการเอื้อประโยชน์แก่ฝ่ายใดฝ่ายใด
นายสมชัยยังกล่าวถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญนัดรับฟังคำชี้แจงของประธาน กกต. ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน และนายกรัฐมนตรี หรือผู้แทนของบุคคลทั้ง 3 ในคำร้องของผู้ตรวจการแผ่นดินที่ขอให้วินิจฉัยให้การเลือกตั้ง 2 ก.พ.เป็นโมฆะในวันพรุ่งนี้ว่า ทาง กกต.โดยนายศุภชัย สมเจริญ ประธาน กกต.จะนำทีมคณะทำงานด้านกฎหมายของสำนักงานไปชี้แจงต่อศาลฯ ด้วยตนเอง โดยประเด็นที่จะชี้แจงคงเป็นเรื่องของบทบาทหน้าที่ของการทำงาน กกต.ว่าได้ทำงานด้วยความรอบคอบ จัดการเลือกตั้งเป็นไปตามกฎหมาย คาดว่าคำวินิจฉัยจะออกมาใน 2 แนวทาง คือ 1. ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่ากรณีปัญหา 28 เขตเลือกตั้งที่ไม่มีผู้สมัคร ส.ส.สามารถดำเนินการได้ กกต. พร้อมที่จะจัดการเลือกตั้งได้ทันที โดยคาดว่าน่าจะสามารถจัดได้พร้อมกับการเลือกตั้งทดแทนใน 6 จังหวัดในวันอาทิตย์ที่ 27 เมษายน และลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้าวันที่ 20 เมษายน
แต่ 2. หากศาลวินิจฉัยว่าการเลือกตั้ง 28 เขตเลือกตั้งไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้เพราะเป็นการจัดการเลือกตั้ง 2 วัน เท่ากับว่าการเลือกตั้งวันที่ 2 กุมภาพันธ์ทั้งหมดก็จะเสียไปเป็นโมฆะทันที ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น กกต.ก็พร้อมที่จะดำเนินการจัดการเลือกตั้งใหม่ โดยอาจจะต้องนัดปรึกษาหารือกับทางรัฐบาล หรือพรรคการเมืองต่างๆ เพื่อกำหนดวันเลือกตั้งใหม่ที่เหมาะสม ซึ่งเป็นแนวทางเดียวกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเมื่อปี 2549
อย่างไรก็ตาม ขอยืนยันว่า กกต.พร้อมที่จะปฏิบัติตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญอย่างเคร่งครัด