xs
xsm
sm
md
lg

ประชาทัณฑ์!

เผยแพร่:   โดย: พระบาท นามเมือง

แค่เพียงสัปดาห์เดียวเท่านั้นเอง สถานการณ์ของรัฐบาลที่เหมือนจะได้เปรียบไปเสียหมด ทั้งในเรื่องของเสียงข้างมากในสภาฯ ทั้งพลังมวลชนจัดตั้งที่เหมือนเป็นเกราะป้องกันชั้นนอก เข้มแข็งจนหลายคนถอดใจคิดว่าจะต้องยกประเทศให้คนพวกนี้ไปแล้ว

พลันเกมทั้งหมดก็พลิกกลับ กลายเป็นตรงกันข้าม เพราะการสะดุดขาตัวเอง เนื่องจากความเหิมเกริมจนไม่สนใจเกรงใจอะไรอีก รีบหมกเม็ด ยัดไส้ ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม แล้วก็อัดกระป๋องผ่านโรงงานผลิตกฎหมายในระบบรัฐสภา ออกมาเร่งด่วน ภายในเวลาคืนเดียว อย่างที่ทราบกัน

เท่านั้นเอง ก็เหมือนกับส่งสัญญาณให้ประชาชนที่เหมือนจะเฉยชาเสียแล้วกับการกระทำของเครือข่ายทักษิณ มวลชนที่เป็นฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาล กลับคืนชีพขึ้นมาได้ใหม่ ราวกับผุดงอกขึ้นมาจากพื้นดินเหมือนต้นหญ้าได้รับน้ำฝน

มวลชนลุกฮือขึ้นพร้อมกันทั่วประเทศ โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่คาดไม่ถึง ที่มวลชนทั้งหลายเดินออกมาเป่านกหวีดกันอย่างไม่ได้นัดหมาย ทั้งในตอนกลางวัน กลางย่านธุรกิจ อย่างสีลมและอโศก ซึ่งเป็นกลุ่มคนทำงาน คนชั้นกลางที่มีหน้าที่เสียภาษีให้รัฐบาลเอาไปทำโครงการประชานิยมหาเสียง หกเรี่ยกระจายหายตามทาง ตลอดจนอาจจะต้องกันเงินงบประมาณแผ่นดินเอาไว้คืนเงิน 46,000 ล้านให้ทักษิณ ซึ่งแน่นอนว่าไม่ได้มาจากไหน นอกจากภาษีของประชาชนเหล่านั้นเอง

นักเรียน นิสิต นักศึกษา แพทย์ พยาบาล พนักงานรัฐวิสาหกิจ ตลอดรวมไปจนถึงผู้พิพากษาตุลาการ ผู้มีความรักชาติรักแผ่นดิน ออกมาแสดงพลังกันต้านกฎหมายล้างผิดคนโกง ในฐานะของคนไทยที่ทนไม่ได้

แถลงการณ์คัดค้าน รายชื่อผู้ไม่เห็นด้วย ออกมาทั่วทุกสถาบันการศึกษา ทั่วทุกองค์กรสถาบันต่างๆ

ถ้าเรื่องนี้เปรียบเหมือนการที่ฝ่ายเครือข่ายแม้วเขี่ยบอลพลาด ฝ่ายที่ได้รับโอกาสรับโอกาสไปเต็มๆ เน้นๆ ก็คือ ฝ่ายพรรคประชาธิปัตย์ที่ออกมาเริ่มต้นจากเวทีสามเสนก่อน และเมื่อจุดกระแสติดได้ที่ ก็ย้ายมาปักหลักที่ราชดำเนิน

ซึ่งเวทีที่ราชดำเนินนี้ ก็มีผู้มีชื่อเสียงในสังคม ศิลปิน ดาราต่างๆ ก็เข้าไปร่วมขึ้นเวทีกันอย่างไม่กลัวกระแสต้าน นั่นเพราะความรู้สึกว่า “ทนไม่ไหว” แล้ว

ตอนนี้กระแสต่อต้านรัฐบาลฉ้อฉลลุกลาม “จุดติด” ไปจนไม่สามารถดับได้ง่ายๆ แล้ว แม้ว่านายกฯ ปูจะออกมากราบกรานขอโทษขอโพยหน้าจอทีวี สัญญิงสัญญาจ้าละหวั่นว่า เข็ดแล้ว ไม่เอาแล้ว ยินดีคว่ำกฎหมายอัปยศนี้ และถอนกฎหมายอื่นที่มีหลักการเดียวกันไปให้หมด แต่ประชาชนก็หมดความเชื่อถือไปแล้ว เพราะไม่รู้ว่าจะมีลูกหลอกอะไรอีก ทั้งไม่แน่ใจว่าเป็นการตีสองหน้าหรือเปล่า เพราะคนในรัฐบาล อย่างเฉลิม หรือจ่าประสิทธิ์ ก็ออกมาแพลมเอาไว้สวนทางกันว่า อาจจะมีก๊อกสอง

ประกอบกับการที่ประธานวุฒิออกมารับลูกราวกับเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายรัฐบาล ก็ยิ่งทำให้คนระแวงสงสัย เพราะประธานวุฒิคนนี้เอง ที่เคยให้สัมภาษณ์ว่ากฎหมายล้างผิดนี้ดีหนักดีหนา จะช่วยให้บ้านเมืองเดินไปได้ และตัวเขาเห็นด้วยกับร่างกฎหมายนิรโทษกรรมสุดซอยฉบับนี้แต่แล้วพอ “แม่ปู” ออกมาบอกว่า “ไม่เอาแล้วจ้า” ตอนบ่ายวันอังคาร ไม่ทันถึงเย็น บรรดาวุฒิสภาสายเลือกตั้งก็ออกมา “รับลูก” เหมือนกับเป็นคนพรรคเดียวกัน แถมยังยัดเยียดจะรีบประชุม ร่นจากวันจันทร์ที่ 11 มาเป็นวันศุกร์ที่ 8 ราวกับจะกำหนดหมายตามใบสั่ง ทำให้บรรดา 40 ส.ว.สรรหาที่รู้ทันไม่เล่นตามเกม การหักคอโหวตคว่ำจึงต้องกลับไปใช้กำหนดการเดิม

แม้ดูเหมือนจะดี ที่ร่างกฎหมายล้างผิดจะถูกเขี่ยพ้นจากสภาฯ แต่เพราะความไม่ไว้วางใจแล้วกับรัฐบาลและเครือข่าย ซึ่งเหมือนเป็นการ “แสดงตัว” ออกมาแดงแจ๋แล้วว่า ส.ว. เลือกตั้งนั้น ก็ยินดีหันซ้ายขวาได้ตามแต่รัฐบาลจะสั่งการ ก็ทำให้ประชาชนไม่เชื่อถืออีกต่อไปแล้ว

อาจกล่าวได้ว่า สัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นสัปดาห์ “ประชาทัณฑ์” โดยแท้ เป็นการรวมสหบาทาครั้งยิ่งใหญ่จากทุกทิศทุกทาง จากประชาชนผู้รักชาติทุกหมู่เหล่าที่มาจากบัตรเชิญ ใบที่ออกโดยรัฐบาลนี่เอง

จากการที่ฝ่ายเพื่อไทยนั้นประเมินสถานการณ์ผิดพลาด เพ็ดทูนคนไกลบ้านว่า “ทางสะดวก – กลับได้” และเลือกใช้วิธีการโจ๋งครึ่มแบบน่าเกลียดอย่างที่เห็น ด้วยอาจจะเพราะย่ามใจว่า ฝ่ายค้านในสภาฯ ก็ไม่มีน้ำยาแล้ว ได้แต่ตีรวนไปวันๆ ส่วนประชาชนนอกสภาฯ ถ้าไม่เป็นเสื้อแดง กองกำลังของตัวเองก็เป็นพลพรรค “ไทยเฉย” ที่ไม่หือไม่อือต่อปัญหาการเมืองมาหลายปีแล้ว

แต่พวกนี้ประเมินผิดไปว่า การยกโทษให้คนโกงตามคำพิพากษาดื้อๆ รวมทั้งจะให้คืนเงินคืนทองที่ถูกศาลสั่งยึดไปนั้น มัน “หยาบหยาม” หัวใจกันเกินไป

ถ้ากล่าวด้วยสำนวนจีน อาจจะเหมือนแตะไปโดนเกล็ดย้อนของมังกรหลับ หรือถ้าแบบไทยๆ ก็เหมือน “ปัสสาวะรดหัวใจกัน”

ทีนี้ละพอตื่นขึ้นมา ก็เห็นท่าจะไม่กลับไปหลับง่ายๆ อีกแล้ว

ประกอบกับวันที่ 11 นี้ ก็เป็นวันดีเดย์ ที่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศจะอ่านคำพิพากษาในคดีที่เขมรขอให้ตีความคำพิพากษาเรื่องเขาพระวิหารใหม่ ซึ่งถ้าปรากฏว่า ฝ่ายเขมรชนะได้หมดตามฟ้องจริงๆ นอกจากจะเสียพื้นที่ทับซ้อนบนเขาพระวิหารแล้ว อาจจะลามไปในพื้นที่ภูมิศาสตร์ทางทะเลอีก ซึ่งทางรัฐบาลก็กรุยทางการเจรจาไว้ล่วงหน้า ด้วยการเร่งแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 ที่เกี่ยวกับการลงนามทำสนธิสัญญาเป็นอิสระรัฐบาลไปตกลงกับต่างประเทศได้โดยไม่ต้องผ่านสภาฯ ได้ง่ายดายขึ้น

“บาทา” ของประชาชนที่เตรียมจะย่ำลงไปใส่รัฐบาลแล้ว ก็เลยชะงักรอฟังคำตัดสินของศาลโลกอีกสักนิด เพราะทั้งหลายทั้งหมด เรื่องมันก็เริ่มมาจากการที่เครือข่ายนี้ไปตกลงกับเขาไว้ ตั้งแต่สมัยรัฐบาลคุณสมัครผู้ล่วงลับ

เมื่อได้ฟังคำพิพากษาของศาลโลกแล้ว ประชาชนทนไม่ได้ที่รออยู่เต็มท้องถนนจะได้ตัดสินต่อว่า จะ “ประชาทัณฑ์” รัฐบาลที่ไม่ชอบธรรมนี้ด้วยความผิดฐานอะไรบ้าง และจะลงกันคนละกี่หมัดกี่เท้า ก็แล้วแต่ความร้ายแรงของผลคำพิพากษาศาลโลกในวันนี้ครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น