จากเหตุการณ์น้ำมันรั่ว คราบน้ำมันไหลไปยังทะเลมาบตาพุด อ่าวพร้าว เกาะเสม็ด จนก่อให้เกิดความเสียหายอย่างหนัก ต้องเก็บกวาดคราบน้ำมันที่เห็นชัดๆด้วยตา และยังมีผลต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นสมบัติส่วนรวมของคนไทย
แนวปะการังและสิ่งมีชีวิตในทะเลที่จะได้รับผลกระทบยาวไกลและเสียหายอีกนานนับสิบปีมากน้อยแค่ไหนยังต้องศึกษาติดตามกันอีกมาก ชาวประมงและชาวบ้านที่มีอาชีพเกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวเสียสูญเสียรายได้ทันที
นี่หละครับ บริษัทปตท.ที่อ้างเสมอว่ามีธรรมภิบาล มีการส่งเสริมโครงกาทางสังคมบังหน้าต่างๆมากมาย ด้วยงบประมาณตรงๆ และงบแอบแฝงผันเงินให้บุคคลและกลุ่มที่เป็นพรรคพวกก้อนโตๆ ตัวตนจริงๆ ของปตท.ร้ายกว่าใคร นี่แหละความเลวของทุนสามานย์ ทุนผูกขาด
บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (PTT PUBLIC COMPANY LIMITED ชื่อย่อ:PTT) เป็นบริษัทด้านพลังงานของไทยที่แปรรูปมาจาก การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย ซึ่งมาจากการรวมกิจการพลังงานของรัฐ 2 องค์กร คือองค์การเชื้อเพลิงและองค์การก๊าซธรรมชาติแห่งประเทศไทยประกอบธุรกิจก๊าซธรรมชาติและน้ำมันปิโตรเลียมครบวงจร และธุรกิจปิโตรเคมีที่เน้นการใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นหลัก
บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เริ่มแปรรูปเป็นบริษัทจดทะเบียนจัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2544 มีทุนจดทะเบียนเริ่มแรก 2 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 2 พันล้านหุ้น โดยมี กระทรวงการคลังเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ เริ่มซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2544 เป็นที่ทราบกันดีการซื้อหุ้นปตท.ในตอนนั้นแย่งกันซื้อ ส่วนใหญ่ตกอยู่ในมือนักการเมือง และพวกพ้อง ชาวบ้านทั่วไปถูกกันออกไปไม่สามารถซื้อได้
ปตท. มีรายได้จำนวนมหาศาล รายงานจากนิตยสารฟอร์จูน ปตท.ได้ถูกจัดอันดับให้เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่อันดับที่ 95 จาก 500 ของบริษัทยักษ์ใหญ่ของโลก ล่าสุดในปี พ.ศ. 2555 ปตท. เป็นวิสาหกิจที่มีรายได้สูงสุดของไทย รวมมูลค่ารายได้ 1,930,852 ล้านบาท
นับหน่วยเลขกันตาโตนะครับ ว่ากี่ล้านบาท เพราะปตท.น่าจะเป็นบริษัทไทยที่กำไรเยอะสุดแล้วละครับ ชนิดที่ว่าบริษัทอื่นๆเทียบไม่ติด
ฟันกำไรมหาศาลจากการขูดเลือดซิบๆคนไทย ที่ต้องซื้อน้ำมันราคาแพงลิตรละเกือบห้าสิบบาท ต้องซื้อก๊าซจากทรัพยากรธรรมชาติซึ่งเป็นสมบัติของคนไทยเองในราคาแพงหูฉี่ แล้วยังขึ้นราคาซ้ำเติมไม่หยุดหย่อน ฉุดลากค่าครองชีพราคาสินค้าอื่นๆขึ้นตามไป จนคนไทยแบกรับกันหลังอาน ทุกข์ยากเดือดร้อนกันไปทุกหย่อมหญ้า
นักการเมืองไทยชั่วช้าหนุนหลังร่วมมือกับปตท. นอกจากเอาเปรียบขูดเลือดเนื้อคนไทยหนักหนาสาหัสมาตลอด ยังขาดความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์น้ำมันรั่วลงทะเลอย่างน่าเกลียด บริษัทยักษ์ใหญ่กำไรมหาศาลอย่างปตท.กลับวางงบเพียง 83 ล้านบาทเพื่อเป็นค่าชดเชยให้ประชาชนผู้เสียหายและผลกระทบต่อทรัยพยากรธรรมชาติครั้งร้ายแรงนี้
ไม่พอค่าเก็บกวาดคราบน้ำมันที่ต้องใช้คนและอุปกรณ์จากหน่วยงานของรัฐหลายหน่วยงานและอาสาสมัคร ไม่พอเยียวยาชาวบ้านที่ได้รับความเสียหายในการทำมาหากินเฉพาะหน้าด้วยซ้ำไป ยิ่งไม่ต้องคิดถึงความเสียหายระยะยาวที่ยังประเมินค่าไม่ได้ มันแค่เศษเงินของปตท. ที่โยนมาให้ชาวบ้าน
ข่าวความคดโกงหลอกลวงตบตาชาวบ้านและอัปยศของปตท. ได้รับการปกป้องจากรัฐบาลนักการเมืองและหน่วยงานภาครัฐ รวมทั้งได้รับความใส่ใจวิพากษ์วิจารณ์จากสื่อทุกประเภทน้อยมาก ทั้งๆที่เป็นเรื่องใหญ่ต่อผู้คนจำนวนมาก เป็นเรื่องสำคัญมากต่อทรัพยากรธรรมชาติของประเทศในอนาคต ของแบบนี้มันมีเหตุผลของมัน มีที่มาที่ไป
สิ่งนั้นคือการที่ ปตท. ซื้อสปอนเซอร์รายการต่างๆ หรือซื้อโฆษณาในสื่อสิ่งพิมพ์แทบทุกช่องทุกฉบับ ลองเปิดทีวีซิครับ แทบทุกช่องแทบทุกรายการ มีปตท.เป็นสปอนเซอร์ ยิ่งฟรีทีวียิ่งเยอะมาก ตั้งแต่รายการข่าว รายการละคร รายการเกี่ยวกับเด็ก รายการไลฟ์สไตล์ รายการทำอาหารหรือพาชิม เรียกได้ว่าแทบไม่มีรายการไหนไม่มีปตท.เป็นสปอนเซอร์
มองไปบนแผงหนังสือ แทบไม่มีหนังสือพิมพ์ หนังสือนิตยสารเล่มใดไม่มีสปอนเซอร์ของปตท. และไม่ใช่เล็กๆ ปตท. ซื้อแอดแบบเต็มหน้าไว้มากกว่าใครๆ ไม่ว่าในหนังสือท่องเที่ยว หนังสือกีฬา หนังสือวาไรตี้ หนังสือพิมพ์ ฯลฯ
เพราะเงินของปตท.ที่หว่านลงไปซื้อสื่อทุกประเภททุกช่องทางอย่างนี้เอง ที่ทำให้สื่อต่างๆหลีกเลี่ยง ไม่แตะต้องเปิดโปงความชั่วร้ายของปตท. เงินปิดปากสื่อจำนวนมาก ทั้งรายเล็กรายใหญ่ ล้วนมีรายได้และรับเงินก้อนโตๆจากปตท.
มีสื่อไม่กี่รายหรอกครับ ที่มีศักดิ์ศรี กล้าแสดงจุดยืน กล้าเปิดโปงปตท. กล้าทำหน้าที่โดยไม่ยอมขายตัว ขายจิตวิญญาณของสื่อสารมวลชน กล้าที่จะยืนหยัดทำหน้าที่โดยไม่สนใจสปอนเซอร์ของปตท. เศษเงินของปตท.ไม่มีความหมาย ไม่มีค่า เอามาแลกกับผลประโยชน์ของประชาชนและอนาคตของประเทศชาติไม่ได้
ต้องชื่มชมนักวิชาการผู้มีศักด์ศรี เห็นความชั่วร้ายของปตท. ประกาศคืนรางวัลที่เคยได้รับจากปตท. มีสื่อไหนบ้างที่รักศักดิ์ศรีมีจรรยาบรรณความรับผิดชอบกล้าเขี่ยเงินค่าโฆษณาของปตท.ทิ้งไป ผมจะปรบมือให้ดังๆ ที่สำคัญประชาชนจะชื่นชมสรรเสริญ ผู้คนจะระลึกถึง มันมีค่ากว่าเศษเงิน เทียบกันไม่ได้เลยครับ
แนวปะการังและสิ่งมีชีวิตในทะเลที่จะได้รับผลกระทบยาวไกลและเสียหายอีกนานนับสิบปีมากน้อยแค่ไหนยังต้องศึกษาติดตามกันอีกมาก ชาวประมงและชาวบ้านที่มีอาชีพเกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวเสียสูญเสียรายได้ทันที
นี่หละครับ บริษัทปตท.ที่อ้างเสมอว่ามีธรรมภิบาล มีการส่งเสริมโครงกาทางสังคมบังหน้าต่างๆมากมาย ด้วยงบประมาณตรงๆ และงบแอบแฝงผันเงินให้บุคคลและกลุ่มที่เป็นพรรคพวกก้อนโตๆ ตัวตนจริงๆ ของปตท.ร้ายกว่าใคร นี่แหละความเลวของทุนสามานย์ ทุนผูกขาด
บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (PTT PUBLIC COMPANY LIMITED ชื่อย่อ:PTT) เป็นบริษัทด้านพลังงานของไทยที่แปรรูปมาจาก การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย ซึ่งมาจากการรวมกิจการพลังงานของรัฐ 2 องค์กร คือองค์การเชื้อเพลิงและองค์การก๊าซธรรมชาติแห่งประเทศไทยประกอบธุรกิจก๊าซธรรมชาติและน้ำมันปิโตรเลียมครบวงจร และธุรกิจปิโตรเคมีที่เน้นการใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นหลัก
บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เริ่มแปรรูปเป็นบริษัทจดทะเบียนจัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2544 มีทุนจดทะเบียนเริ่มแรก 2 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 2 พันล้านหุ้น โดยมี กระทรวงการคลังเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ เริ่มซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2544 เป็นที่ทราบกันดีการซื้อหุ้นปตท.ในตอนนั้นแย่งกันซื้อ ส่วนใหญ่ตกอยู่ในมือนักการเมือง และพวกพ้อง ชาวบ้านทั่วไปถูกกันออกไปไม่สามารถซื้อได้
ปตท. มีรายได้จำนวนมหาศาล รายงานจากนิตยสารฟอร์จูน ปตท.ได้ถูกจัดอันดับให้เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่อันดับที่ 95 จาก 500 ของบริษัทยักษ์ใหญ่ของโลก ล่าสุดในปี พ.ศ. 2555 ปตท. เป็นวิสาหกิจที่มีรายได้สูงสุดของไทย รวมมูลค่ารายได้ 1,930,852 ล้านบาท
นับหน่วยเลขกันตาโตนะครับ ว่ากี่ล้านบาท เพราะปตท.น่าจะเป็นบริษัทไทยที่กำไรเยอะสุดแล้วละครับ ชนิดที่ว่าบริษัทอื่นๆเทียบไม่ติด
ฟันกำไรมหาศาลจากการขูดเลือดซิบๆคนไทย ที่ต้องซื้อน้ำมันราคาแพงลิตรละเกือบห้าสิบบาท ต้องซื้อก๊าซจากทรัพยากรธรรมชาติซึ่งเป็นสมบัติของคนไทยเองในราคาแพงหูฉี่ แล้วยังขึ้นราคาซ้ำเติมไม่หยุดหย่อน ฉุดลากค่าครองชีพราคาสินค้าอื่นๆขึ้นตามไป จนคนไทยแบกรับกันหลังอาน ทุกข์ยากเดือดร้อนกันไปทุกหย่อมหญ้า
นักการเมืองไทยชั่วช้าหนุนหลังร่วมมือกับปตท. นอกจากเอาเปรียบขูดเลือดเนื้อคนไทยหนักหนาสาหัสมาตลอด ยังขาดความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์น้ำมันรั่วลงทะเลอย่างน่าเกลียด บริษัทยักษ์ใหญ่กำไรมหาศาลอย่างปตท.กลับวางงบเพียง 83 ล้านบาทเพื่อเป็นค่าชดเชยให้ประชาชนผู้เสียหายและผลกระทบต่อทรัยพยากรธรรมชาติครั้งร้ายแรงนี้
ไม่พอค่าเก็บกวาดคราบน้ำมันที่ต้องใช้คนและอุปกรณ์จากหน่วยงานของรัฐหลายหน่วยงานและอาสาสมัคร ไม่พอเยียวยาชาวบ้านที่ได้รับความเสียหายในการทำมาหากินเฉพาะหน้าด้วยซ้ำไป ยิ่งไม่ต้องคิดถึงความเสียหายระยะยาวที่ยังประเมินค่าไม่ได้ มันแค่เศษเงินของปตท. ที่โยนมาให้ชาวบ้าน
ข่าวความคดโกงหลอกลวงตบตาชาวบ้านและอัปยศของปตท. ได้รับการปกป้องจากรัฐบาลนักการเมืองและหน่วยงานภาครัฐ รวมทั้งได้รับความใส่ใจวิพากษ์วิจารณ์จากสื่อทุกประเภทน้อยมาก ทั้งๆที่เป็นเรื่องใหญ่ต่อผู้คนจำนวนมาก เป็นเรื่องสำคัญมากต่อทรัพยากรธรรมชาติของประเทศในอนาคต ของแบบนี้มันมีเหตุผลของมัน มีที่มาที่ไป
สิ่งนั้นคือการที่ ปตท. ซื้อสปอนเซอร์รายการต่างๆ หรือซื้อโฆษณาในสื่อสิ่งพิมพ์แทบทุกช่องทุกฉบับ ลองเปิดทีวีซิครับ แทบทุกช่องแทบทุกรายการ มีปตท.เป็นสปอนเซอร์ ยิ่งฟรีทีวียิ่งเยอะมาก ตั้งแต่รายการข่าว รายการละคร รายการเกี่ยวกับเด็ก รายการไลฟ์สไตล์ รายการทำอาหารหรือพาชิม เรียกได้ว่าแทบไม่มีรายการไหนไม่มีปตท.เป็นสปอนเซอร์
มองไปบนแผงหนังสือ แทบไม่มีหนังสือพิมพ์ หนังสือนิตยสารเล่มใดไม่มีสปอนเซอร์ของปตท. และไม่ใช่เล็กๆ ปตท. ซื้อแอดแบบเต็มหน้าไว้มากกว่าใครๆ ไม่ว่าในหนังสือท่องเที่ยว หนังสือกีฬา หนังสือวาไรตี้ หนังสือพิมพ์ ฯลฯ
เพราะเงินของปตท.ที่หว่านลงไปซื้อสื่อทุกประเภททุกช่องทางอย่างนี้เอง ที่ทำให้สื่อต่างๆหลีกเลี่ยง ไม่แตะต้องเปิดโปงความชั่วร้ายของปตท. เงินปิดปากสื่อจำนวนมาก ทั้งรายเล็กรายใหญ่ ล้วนมีรายได้และรับเงินก้อนโตๆจากปตท.
มีสื่อไม่กี่รายหรอกครับ ที่มีศักดิ์ศรี กล้าแสดงจุดยืน กล้าเปิดโปงปตท. กล้าทำหน้าที่โดยไม่ยอมขายตัว ขายจิตวิญญาณของสื่อสารมวลชน กล้าที่จะยืนหยัดทำหน้าที่โดยไม่สนใจสปอนเซอร์ของปตท. เศษเงินของปตท.ไม่มีความหมาย ไม่มีค่า เอามาแลกกับผลประโยชน์ของประชาชนและอนาคตของประเทศชาติไม่ได้
ต้องชื่มชมนักวิชาการผู้มีศักด์ศรี เห็นความชั่วร้ายของปตท. ประกาศคืนรางวัลที่เคยได้รับจากปตท. มีสื่อไหนบ้างที่รักศักดิ์ศรีมีจรรยาบรรณความรับผิดชอบกล้าเขี่ยเงินค่าโฆษณาของปตท.ทิ้งไป ผมจะปรบมือให้ดังๆ ที่สำคัญประชาชนจะชื่นชมสรรเสริญ ผู้คนจะระลึกถึง มันมีค่ากว่าเศษเงิน เทียบกันไม่ได้เลยครับ