รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา รับน้ำมันรั่วอุบัติเหตุที่คาดไม่ถึงจะรุนแรงขนาดนี้ ประสาน ททท.คุยย้ายนักเที่ยวเที่ยวแหล่งสำรอง เชื่อ ปตท.จ่ายเต็มๆ พร้อมเป็นคนกลางเคลียร์ค่าเสียหายผู้ประกอบการ หวั่นน้ำมันลามไปเรื่อย ด้าน “สาธิต” ชง กมธ.ทรัพย์ สภาฯ สอบรั่วเท่าไหร่ เชื่อมีปิดข้อมูลชัด ขอเปิดรับอาสาลุยล้างคราบ “นริศ” สุดงง รมต.หายจ้อย คาด 100 ปีถึงหมด จ่อถาม กมธ.พลังงาน สภาฯ ด้วย
วันนี้ (30 ก.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 09.20 น. นายสมศักย์ ภูรีศรีศักดิ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีท่อรับน้ำมันดิบกลางทะเลรั่วระหว่างขนถ่ายน้ำมันดิบเข้าโรงกลั่นน้ำมันของบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือพีทีที จีซี บริษัทในกลุ่ม ปตท. ส่งผลให้น้ำมันดิบรั่วไหลลงทะเลและทะลักเข้ามาบริเวณอ่าวพร้าว เกาะเสม็ด จ.ระยอง จะมีการประชาสัมพันธ์เรื่องการท่องเที่ยวอย่างไรว่า กรณีที่เกิดขึ้นเป็นอุบัติภัยที่คาดไม่ถึงว่าจะมีผลกระทบรุนแรง ซึ่งต้องให้กำลังใจกระทรวงพลังงาน และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่รับผิดชอบในเรื่องนี้ แต่ในส่วนของกระทรวงการท่องเที่ยวฯจะประสานกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และหน่วยงานในสังกัดของกระทรวง ให้ประสานกับนักท่องเที่ยวในเรื่องแหล่งท่องเที่ยวสำรองบริเวณใกล้เคียงที่ไม่ได้รับผลกระทบ รวมทั้งให้เป็นตัวกลางช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ เพราะนักท่องเที่ยวที่ไปพักนั้นจะพักหลายวัน และมีผู้ที่จองที่พักต่อเนื่อง ซึ่งขณะนี้ได้มีการแจ้งไปยังนักท่องเที่ยวที่มา แล้วจะขอคืนห้องพักหรือจะเดินทางกลับแล้ว
รมว.ท่องเที่ยวฯ กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม กรณีดังกล่าวทางบริษัท ปตท.จะรับผิดชอบเต็มที่อยู่แล้ว และเขาก็ได้ทำประกันไว้ แต่ทาง ททท.และหน่วยงานในสังกัดกระทรวงการท่องเที่ยวฯ จะเป็นคนกลางดูในเรื่องการจ่ายค่าชดเชยความเสียหาย เพราะบางอย่างอาจไม่ปรากฏในหลักฐานการจอง (บุ๊กกิ้ง) อีกทั้งบางทีบริษัทประกันก็อาจจะเคลมความเสียหายเฉพาะที่เกิดขึ้น จะไม่คำนึงถึงอนาคต แต่เราต้องเห็นใจผู้ประกอบการที่ต้องใช้ระยะเวลาในการฟื้นฟูความเสียหายจนกว่าจะกลับคืนสู่สภาพเดิม ซึ่งเป็นเรื่องของค่าเสียโอกาส ส่วนการฟื้นฟูระยะยาวนั้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ต้องหามาตรการป้องกันให้ดี ซึ่งกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ไม่สามารถไปก้าวล่วงกับหน่วยงานที่มีหน้าที่โดยตรงได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีความกังวลหรือไม่เนื่องจากน้ำมันเริ่มลามไปเรื่อยๆ นายสมศักย์กล่าวว่า ความกังวลมีแน่นอน ซึ่งเป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หากกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ไปมุ่งเฉพาะเจาะจงก็จะเกิดภาพลบที่ไม่ดี เมื่อถามว่าจะแก้ภาพลักษณ์ของประเทศอย่างไร นายสมศักย์กล่าวว่า ทางกระทรวงการท่องเที่ยวฯ จะช่วยแก้ไขปัญหาในเรื่องของผู้ประกอบการ ซึ่งน่าจะให้ความสำคัญในประเด็นนี้มากกว่า
ขณะที่รัฐสภา นายสาธิต ปิตุเตชะ ส.ส.ระยอง พรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยนายนริศ ขำนุรักษ์ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการที่ดิน ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม สภาผู้แทนราษฎร แถลงถึงสถานการณ์คราบน้ำมันดิบรั่วไหลกลางทะเลระยอง และได้ทะลักเข้าสู่บริเวณชายฝั่งของหาดใน จ.ระยอง ทั้งเกาะเสม็ด และหาดแม่รำพึง เมื่อวันเสาร์ที่ 27 ก.ค.ที่ผ่านมา
โดนายสาธิตกล่าวว่า ขณะนี้คราบน้ำมันได้กระจายไปทั่วบริเวณเกาะเสม็ด สร้างความเสียหายอย่างมาก ตนในฐานะ ส.ส.ในพื้นที่ขอยื่นหนังสือให้ กมธ.ที่ดิน ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม สภาผู้แทนราษฎรมีมติด่วนเพื่อตรวจสอบหาสาเหตุของการเกิดสถานการณ์ดังกล่าวว่าเกิดจากอะไร รวมทั้งปริมาณของน้ำมันรั่วที่แท้จริงว่ามีเท่าไหร่ เนื่องจากขณะนี้หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องได้มีการปกปิดข้อมูล และบิดเบือนข้อมูลความเสียหายต่อสาธารณชน พร้อมกันนี้ตนขอประกาศรับอาสาสมัครเก็บกู้คราบน้ำมันพิทักษ์สิ่งแวดล้อม หากผู้ใดสนใจสามารถติดต่อเข้าร่วมได้ที่เบอร์โทร. 0-3864-5485 และ 08-1002-5502
ด้านนายนริศกล่าวว่า เท่าที่ติดตามสถานการณ์มาตั้งแต่เกิดเหตุ เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ที่จะละเลยไม่ได้ อันที่จริงความเสียหายมากขนาดนี้ในหลายประเทศ อาทิ สหรัฐอเมริกา ผู้นำประเทศจะเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์เพื่อร่วมแก้ปัญหา แต่ประเทศไทยนั้นผ่านไป 3 วันแล้ว ไม่มีแม้แต่รัฐมนตรีที่รับผิดชอบเข้าไปดูแล อีกทั้งข้อมูลต่างก็ถูกปิดบัง ความเสียหายครั้งนี้คาดว่าต้องใช้เวลาร่วม 100 ปีถึงจะฟื้นฟูให้กลับมาสู่สภาพเดิมได้ เพราะพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่อาศัยของปะการัง อย่างไรก็ เป็นตนจะประสานไปยัง กมธ.พลังงาน สภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายมนตรี ปานน้อย ส.ส.ประจวบคีรีขันธ์ พรรคประชาธิปัตย์เป็นประธาน เพื่อร่วมหารือและเร่งตรวจสอบเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน