เวทีปฏิรูปการเมืองของรัฐบาลแม้จะเป็นปาหี่ ... แต่ปาหี่ก็มีส่วนดีของปาหี่ !
หนึ่ง- เบี่ยงความสนใจของสังคมออกจากเรื่องใกล้ตัวคือพรบ.นิรโทษกรรม พรบ.เงินกู้2ล้านล้าน ปัญหาค่าครองชีพ ปัญหาเศรษฐกิจ แก๊สขึ้น น้ำมันขาขึ้น (เพราะค่าเงินลดแถมใกล้จะเข้าฤดูหนาวอันเป็นจังหวะวัฏจักรพลังงานแพง) ให้มาสนใจกับเวทีปาหี่ ขอให้เปลี่ยนจังหวะการด่าการวิจารณ์มาด่าเวทีนี้ก็คุ้มแล้ว
สอง- ยึดหัวหาดชูธงปฏิรูป เพราะยุคสมัยของการเมืองแบบประชานิยมกำลังใกล้ล่มสลายเต็มที ผมเชื่อว่าการเมืองยุคต่อไปกำลังก้าวเข้าสู่ยุคแห่งการปฏิรูป ซึ่งก็ไม่ได้หมายว่าปรองดองหรอกนะ เพราะแต่ละฝ่ายจะไปทะเลาะกันในเวทีปฏิรูปกันอยู่ดี การก้าวสู่ยุคปฏิรูปเป็นผลมาจากการเมืองที่ไม่ลงตัว ระบบที่มีอยู่เริ่มไม่ตอบสนองต่อประชาชน กลุ่มการเมืองตลอดประชาชนกลุ่มต่างๆ ไม่พอใจสภาพที่เป็นอยู่แต่ก็ต่างมุมมองต่างความต้องการกันไป อันที่จริงเพื่อไทยชูธงปฏิรูปช้ากว่ากลุ่มอื่นๆ ทั้งหมดแต่ก็โมเมไม่พูดเรื่องการปฏิรูปที่ฝ่ายอื่นๆเสนอมาก่อนเลยแม้แต่ฝ่ายเดียว ซึ่งนี่ก็เป็นแท็คติกทางการเมืองเพิ่มหมากสภาปฏิรูปขึ้นมาเล่นอีกตัวหนึ่ง
การเมืองที่ชนะกันด้วยหีบเลือกตั้งแพ้ชนะอยู่ที่การทำให้คนลงคะแนนเชื่อฝ่ายตัวเองมากกว่าอีกฝ่าย ยุทธศาสตร์ที่ทักษิณ-ไทยรักไทยเอาชนะเลือกตั้งส่งต่อมาถึงพลังประชาชนและเพื่อไทยก็คือนโยบายประชานิยมซึ่งทำให้ประชาธิปัตย์ ภูมิใจไทย ต้องแห่มาเล่นตามเกมของทักษิณในการเลือกตั้งครั้งล่าสุด เกทับบลัฟแหลกกันแหลกลาญ
ด้วยเหตุนี้เองนโยบายประชานิยมของรัฐบาลยิ่งลักษณ์จึงไม่เหมือนกับต้นแบบแม้วแม้ว เพราะนึกอะไรได้ก็ว่าไปเรื่อย สัญญิงสัญญาปากเปล่า นึกฝันนโยบายโดยไม่ศึกษาข้อเท็จจริง ทำให้ปฏิบัติจริงไม่ได้เช่นยกเลิกกองทุนน้ำมัน หรือกดราคาน้ำมันให้ต่ำได้แค่ระยะเดียวแล้วก็ตาเหลือกเก็บเพิ่มเข้ากองทุนใหม่อยู่ดี นโยบายประชานิยมแบบปูปูจึงแสดงออกซึ่งด้านอัปลักษณ์ของประชานิยมออกมาให้เห็นมากขึ้นๆ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งแผลใหญ่เรื้อรังอาการหนักรักษาไม่หายระดับโรคเอดส์หรือมะเร็งของยิ่งลักษณ์ก็คือโครงการจำนำข้าว เพราะต่อให้รู้อาการรู้สาเหตุแต่ก็รักษาไม่หายเพราะโลกแห่งความเป็นจริงก็คือมันขายกองข้าวไม่ออก...กองเป็นภูเขายิ่งนานยิ่งสะสมสะสางยากขึ้นเรื่อยๆ ยกเว้นดัมพ์ราคาซึ่งก็เสี่ยงกับ WTO ทำไม่ได้
หมองูตายเพราะงู โบราณว่าไว้ไม่ผิด
ภาษิตฝรั่งก็กระไรช่างตรงกัน Who lives by the sword shall die by the sword.
น่าหัวเราะเป็นที่สุด ระบอบทักษิณจ้าวแห่งประชานิยมกำลังจะหงายท้องเค้เก้เพราะประชานิยมเป็นพิษ
ก็ไม่แน่นะ...ประชานิยมนี่เองที่เป็นผู้โค่นระบอบทักษิณ !!!
การเลือกตั้งครั้งหน้าที่ไม่แน่ว่าอาจจะมาถึงเร็วกว่าที่คาดคงไม่มีรัฐบาลพรรคไหนบ้าเสนอจำนำข้าวเกวียนละ 1.5 หมื่น-2 หมื่น ทำโครงการรถคันที่สอง บ้านหลังที่สองบ้าบอคอแตกขึ้นมาอีกแล้วเพราะคนทั้งประเทศเข็ดขยาด หรือว่าจะแจกแท็บเล็ตฟรีคนเข้าก็รู้แกวเพราะแท็ปเล็ตจีนที่วางขายทั่วไปสองพันกว่าบาทยังมีเลย
ด้วยเหตุที่บ้านเมืองมันเดินไม่ได้ขยับไม่ออก คนมองเห็นความผุพังไม่สมประกอบเกิดขึ้นในวงการต่างๆ กันตำตา ทั้งวงการเมืองที่การเมืองยังหลอกใช้ประชาชนชนอยู่เช่นเดิม ความไร้ประสิทธิภาพขาดธรรมาภิบาล ฯลฯ คนกลางๆ ซึ่งเป็นกลุ่มที่จะเป็นผู้ชี้ขาดชัยชนะเลือกตั้งระหว่าง พรรคทักษิณกับประชาธิปัตย์ กำลังมองหาทางออกจากวงจรเลวร้ายเดิมๆ
กุนซือพรรคเพื่อไทยก็มองออกเช่นกันว่าประชานิยมกำลังจะตัน มุกเดิมๆ ที่เคยใช้มาตั้งแต่ 2544 เกินทศวรรษแล้วจึงเสนอให้เกิดเวทีปฏิรูป ชูธงเวทีหาทางออก ใช้คำสวยๆ เติมฝันเติมจินตนาการเอาไว้ก่อน
เปลี่ยนโหมดจากประชานิยมที่เริ่มเดินไม่ได้แล้ว มาสู่โหมดปฏิรูปแทน !!!
แต่ด้วยที่เพื่อไทยไม่เคยคิดในเรื่องการปฏิรูปมาก่อนเลย ขนาดตอนแถลงนโยบายก็ไม่ต่ออายุให้กับคณะกรรมการปฏิรูป+สภาปฏิรูป ประเวศ-อานันท์ ใช้คำปฏิรูปการเมืองเพียงคำเดียวที่หมายถึงการรัฐธรรมนูญ ซึ่งนั่นก็ไม่ใช่การปฏิรูปจริง ดังนั้นเวทีปาหี่จึงประดักประเดิดจับเข่าผลัดกันเล่าเรื่องแบบที่สุริยะใสใช้คำว่าวงน้ำชาของผู้เฒ่าเท่านั้น
เรื่องนี้คนส่วนใหญ่ก็รู้แล้วล่ะว่าปาหี่จริงๆ ไม่ได้ปาหี่หลอกๆ แม้แต่น้อย
ซึ่งปาหี่แบบนี้แหละครับ ดี !
เพราะสังคมไทยทุกเสื้อสีจะได้เห็นภาพเปรียบเทียบระหว่างการเมืองแบบเก่า กับการเมืองแบบที่ปฏิรูปแล้วชัดเจนเพิ่มขึ้นมาหน่อย
ต้องขอบคุณคำสวยๆ หรูๆ ของยิ่งลักษณ์อ่านจากโพยที่เตรียมมา 7 ข้อ เพราะทุกข้อนั้นรัฐบาลเพื่อไทยทำไม่ได้ ไม่เคยทำ และเพิ่งจะมาตาตื่นคิดทำแบบไม่จริงใจอีกต่างหาก
1.การทำให้ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุข มีความมั่นคงแข็งแรง
2.ต้องมีความเท่าเทียม เสมอภาค ลดความเหลื่อมล้ำในสังคม ตามสิทธิที่แต่ละกลุ่มควรได้รับ
3.มีกลไกการทำงานที่โปร่งใสตรวจสอบได้ตามหลักธรรมาภิบาลที่ดี
4.สร้างกระบวนการให้เกิดความยุติธรรม ความเสมอภาคเท่าเทียมในสิทธิขั้นพื้นฐานที่แต่กลุ่มในสังคมควรได้รับ ตามหลักนิติรัฐ นิติธรรม
5.มีประชาธิปไตยที่ผ่านการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน ยึดเสียงส่วนใหญ่ รับฟังเสียงส่วนน้อย
6.สร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ และบรรยากาศที่ดีของการไว้วางใจกัน
7.ยึดผลประโยชน์ส่วนรวมบนความถูกต้อง
ยิ่งประกาศปาวๆ ออกไปคนเขายิ่งตลกขบขันเพราะเมื่อมาเทียบกับความเป็นจริงที่รัฐบาลทำข้อต่อข้อแล้วมันคนละโยชน์
อ่านดูอีกทีก็ได้ครับ มีข้อไหนบ้างที่รัฐบาลนี้เชื่อและมุ่งมั่นทำตามนั้น ในเมื่อเป็นเจ้าภาพชักชวนเขาปฏิรูปต้องแสดงเจตจำนงที่มุ่งมั่น จริงใจ แสดงความบริสุทธิ์ใจว่าต้องการทำจริงๆ แต่นี่ชวนเขาปฏิรูปว่าการเมืองที่ดีจะมีกลไกที่โปร่งใสตรวจสอบได้ ฮาๆ รายละเอียดจำนำข้าวล่าสุดก็ยังบอกชาวบ้านไม่ได้เลย น้ำมันรั่วก็ไม่ให้กรรมการอิสระเข้าไปตรวจสอบอมพะนำกันอยู่ระหว่างก.พลังงานกับปตท. ส่วนขุนค้อนทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยมมาร่วมปฏิรูปกะเขาด้วย พอเขาพูดเรื่องโปร่งใสธรรมาภิบาลพยักหน้าหงึกหงักหนอย..กลับไปดูนาฬิกา เก้าอี้หลุยส์ของตัวเองก่อนเหอะ
แบบนี้แหละครับ อย่างน้อยคนทั่วไปเขาจะได้อ๋อ ตาสว่างกันถ้วนหน้าว่า การปฏิรูปการเมืองก็คือ การอย่าทำแบบที่รัฐบาลเพื่อไทยทำ และการมุ่งไปสู่อะไรก็ตามที่ตรงกันข้ามกับการเมืองที่เป็นอยู่ตอนนี้
นี่แหละครับคือประโยชน์ของเวทีการปฏิรูปการเมืองแบบปูปู !
หนึ่ง- เบี่ยงความสนใจของสังคมออกจากเรื่องใกล้ตัวคือพรบ.นิรโทษกรรม พรบ.เงินกู้2ล้านล้าน ปัญหาค่าครองชีพ ปัญหาเศรษฐกิจ แก๊สขึ้น น้ำมันขาขึ้น (เพราะค่าเงินลดแถมใกล้จะเข้าฤดูหนาวอันเป็นจังหวะวัฏจักรพลังงานแพง) ให้มาสนใจกับเวทีปาหี่ ขอให้เปลี่ยนจังหวะการด่าการวิจารณ์มาด่าเวทีนี้ก็คุ้มแล้ว
สอง- ยึดหัวหาดชูธงปฏิรูป เพราะยุคสมัยของการเมืองแบบประชานิยมกำลังใกล้ล่มสลายเต็มที ผมเชื่อว่าการเมืองยุคต่อไปกำลังก้าวเข้าสู่ยุคแห่งการปฏิรูป ซึ่งก็ไม่ได้หมายว่าปรองดองหรอกนะ เพราะแต่ละฝ่ายจะไปทะเลาะกันในเวทีปฏิรูปกันอยู่ดี การก้าวสู่ยุคปฏิรูปเป็นผลมาจากการเมืองที่ไม่ลงตัว ระบบที่มีอยู่เริ่มไม่ตอบสนองต่อประชาชน กลุ่มการเมืองตลอดประชาชนกลุ่มต่างๆ ไม่พอใจสภาพที่เป็นอยู่แต่ก็ต่างมุมมองต่างความต้องการกันไป อันที่จริงเพื่อไทยชูธงปฏิรูปช้ากว่ากลุ่มอื่นๆ ทั้งหมดแต่ก็โมเมไม่พูดเรื่องการปฏิรูปที่ฝ่ายอื่นๆเสนอมาก่อนเลยแม้แต่ฝ่ายเดียว ซึ่งนี่ก็เป็นแท็คติกทางการเมืองเพิ่มหมากสภาปฏิรูปขึ้นมาเล่นอีกตัวหนึ่ง
การเมืองที่ชนะกันด้วยหีบเลือกตั้งแพ้ชนะอยู่ที่การทำให้คนลงคะแนนเชื่อฝ่ายตัวเองมากกว่าอีกฝ่าย ยุทธศาสตร์ที่ทักษิณ-ไทยรักไทยเอาชนะเลือกตั้งส่งต่อมาถึงพลังประชาชนและเพื่อไทยก็คือนโยบายประชานิยมซึ่งทำให้ประชาธิปัตย์ ภูมิใจไทย ต้องแห่มาเล่นตามเกมของทักษิณในการเลือกตั้งครั้งล่าสุด เกทับบลัฟแหลกกันแหลกลาญ
ด้วยเหตุนี้เองนโยบายประชานิยมของรัฐบาลยิ่งลักษณ์จึงไม่เหมือนกับต้นแบบแม้วแม้ว เพราะนึกอะไรได้ก็ว่าไปเรื่อย สัญญิงสัญญาปากเปล่า นึกฝันนโยบายโดยไม่ศึกษาข้อเท็จจริง ทำให้ปฏิบัติจริงไม่ได้เช่นยกเลิกกองทุนน้ำมัน หรือกดราคาน้ำมันให้ต่ำได้แค่ระยะเดียวแล้วก็ตาเหลือกเก็บเพิ่มเข้ากองทุนใหม่อยู่ดี นโยบายประชานิยมแบบปูปูจึงแสดงออกซึ่งด้านอัปลักษณ์ของประชานิยมออกมาให้เห็นมากขึ้นๆ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งแผลใหญ่เรื้อรังอาการหนักรักษาไม่หายระดับโรคเอดส์หรือมะเร็งของยิ่งลักษณ์ก็คือโครงการจำนำข้าว เพราะต่อให้รู้อาการรู้สาเหตุแต่ก็รักษาไม่หายเพราะโลกแห่งความเป็นจริงก็คือมันขายกองข้าวไม่ออก...กองเป็นภูเขายิ่งนานยิ่งสะสมสะสางยากขึ้นเรื่อยๆ ยกเว้นดัมพ์ราคาซึ่งก็เสี่ยงกับ WTO ทำไม่ได้
หมองูตายเพราะงู โบราณว่าไว้ไม่ผิด
ภาษิตฝรั่งก็กระไรช่างตรงกัน Who lives by the sword shall die by the sword.
น่าหัวเราะเป็นที่สุด ระบอบทักษิณจ้าวแห่งประชานิยมกำลังจะหงายท้องเค้เก้เพราะประชานิยมเป็นพิษ
ก็ไม่แน่นะ...ประชานิยมนี่เองที่เป็นผู้โค่นระบอบทักษิณ !!!
การเลือกตั้งครั้งหน้าที่ไม่แน่ว่าอาจจะมาถึงเร็วกว่าที่คาดคงไม่มีรัฐบาลพรรคไหนบ้าเสนอจำนำข้าวเกวียนละ 1.5 หมื่น-2 หมื่น ทำโครงการรถคันที่สอง บ้านหลังที่สองบ้าบอคอแตกขึ้นมาอีกแล้วเพราะคนทั้งประเทศเข็ดขยาด หรือว่าจะแจกแท็บเล็ตฟรีคนเข้าก็รู้แกวเพราะแท็ปเล็ตจีนที่วางขายทั่วไปสองพันกว่าบาทยังมีเลย
ด้วยเหตุที่บ้านเมืองมันเดินไม่ได้ขยับไม่ออก คนมองเห็นความผุพังไม่สมประกอบเกิดขึ้นในวงการต่างๆ กันตำตา ทั้งวงการเมืองที่การเมืองยังหลอกใช้ประชาชนชนอยู่เช่นเดิม ความไร้ประสิทธิภาพขาดธรรมาภิบาล ฯลฯ คนกลางๆ ซึ่งเป็นกลุ่มที่จะเป็นผู้ชี้ขาดชัยชนะเลือกตั้งระหว่าง พรรคทักษิณกับประชาธิปัตย์ กำลังมองหาทางออกจากวงจรเลวร้ายเดิมๆ
กุนซือพรรคเพื่อไทยก็มองออกเช่นกันว่าประชานิยมกำลังจะตัน มุกเดิมๆ ที่เคยใช้มาตั้งแต่ 2544 เกินทศวรรษแล้วจึงเสนอให้เกิดเวทีปฏิรูป ชูธงเวทีหาทางออก ใช้คำสวยๆ เติมฝันเติมจินตนาการเอาไว้ก่อน
เปลี่ยนโหมดจากประชานิยมที่เริ่มเดินไม่ได้แล้ว มาสู่โหมดปฏิรูปแทน !!!
แต่ด้วยที่เพื่อไทยไม่เคยคิดในเรื่องการปฏิรูปมาก่อนเลย ขนาดตอนแถลงนโยบายก็ไม่ต่ออายุให้กับคณะกรรมการปฏิรูป+สภาปฏิรูป ประเวศ-อานันท์ ใช้คำปฏิรูปการเมืองเพียงคำเดียวที่หมายถึงการรัฐธรรมนูญ ซึ่งนั่นก็ไม่ใช่การปฏิรูปจริง ดังนั้นเวทีปาหี่จึงประดักประเดิดจับเข่าผลัดกันเล่าเรื่องแบบที่สุริยะใสใช้คำว่าวงน้ำชาของผู้เฒ่าเท่านั้น
เรื่องนี้คนส่วนใหญ่ก็รู้แล้วล่ะว่าปาหี่จริงๆ ไม่ได้ปาหี่หลอกๆ แม้แต่น้อย
ซึ่งปาหี่แบบนี้แหละครับ ดี !
เพราะสังคมไทยทุกเสื้อสีจะได้เห็นภาพเปรียบเทียบระหว่างการเมืองแบบเก่า กับการเมืองแบบที่ปฏิรูปแล้วชัดเจนเพิ่มขึ้นมาหน่อย
ต้องขอบคุณคำสวยๆ หรูๆ ของยิ่งลักษณ์อ่านจากโพยที่เตรียมมา 7 ข้อ เพราะทุกข้อนั้นรัฐบาลเพื่อไทยทำไม่ได้ ไม่เคยทำ และเพิ่งจะมาตาตื่นคิดทำแบบไม่จริงใจอีกต่างหาก
1.การทำให้ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุข มีความมั่นคงแข็งแรง
2.ต้องมีความเท่าเทียม เสมอภาค ลดความเหลื่อมล้ำในสังคม ตามสิทธิที่แต่ละกลุ่มควรได้รับ
3.มีกลไกการทำงานที่โปร่งใสตรวจสอบได้ตามหลักธรรมาภิบาลที่ดี
4.สร้างกระบวนการให้เกิดความยุติธรรม ความเสมอภาคเท่าเทียมในสิทธิขั้นพื้นฐานที่แต่กลุ่มในสังคมควรได้รับ ตามหลักนิติรัฐ นิติธรรม
5.มีประชาธิปไตยที่ผ่านการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน ยึดเสียงส่วนใหญ่ รับฟังเสียงส่วนน้อย
6.สร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ และบรรยากาศที่ดีของการไว้วางใจกัน
7.ยึดผลประโยชน์ส่วนรวมบนความถูกต้อง
ยิ่งประกาศปาวๆ ออกไปคนเขายิ่งตลกขบขันเพราะเมื่อมาเทียบกับความเป็นจริงที่รัฐบาลทำข้อต่อข้อแล้วมันคนละโยชน์
อ่านดูอีกทีก็ได้ครับ มีข้อไหนบ้างที่รัฐบาลนี้เชื่อและมุ่งมั่นทำตามนั้น ในเมื่อเป็นเจ้าภาพชักชวนเขาปฏิรูปต้องแสดงเจตจำนงที่มุ่งมั่น จริงใจ แสดงความบริสุทธิ์ใจว่าต้องการทำจริงๆ แต่นี่ชวนเขาปฏิรูปว่าการเมืองที่ดีจะมีกลไกที่โปร่งใสตรวจสอบได้ ฮาๆ รายละเอียดจำนำข้าวล่าสุดก็ยังบอกชาวบ้านไม่ได้เลย น้ำมันรั่วก็ไม่ให้กรรมการอิสระเข้าไปตรวจสอบอมพะนำกันอยู่ระหว่างก.พลังงานกับปตท. ส่วนขุนค้อนทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยมมาร่วมปฏิรูปกะเขาด้วย พอเขาพูดเรื่องโปร่งใสธรรมาภิบาลพยักหน้าหงึกหงักหนอย..กลับไปดูนาฬิกา เก้าอี้หลุยส์ของตัวเองก่อนเหอะ
แบบนี้แหละครับ อย่างน้อยคนทั่วไปเขาจะได้อ๋อ ตาสว่างกันถ้วนหน้าว่า การปฏิรูปการเมืองก็คือ การอย่าทำแบบที่รัฐบาลเพื่อไทยทำ และการมุ่งไปสู่อะไรก็ตามที่ตรงกันข้ามกับการเมืองที่เป็นอยู่ตอนนี้
นี่แหละครับคือประโยชน์ของเวทีการปฏิรูปการเมืองแบบปูปู !
