ตามข่าวเณรคำมาสักพักใหญ่ๆ ทำให้ผมได้เห็นว่ามารร้ายในผ้าเหลืองคนนี้ไม่ต่างอะไรกันเลยกับอดีตนายกนักโทษชายหนีคุกอยู่แดนไกล วันนี้ลองหยิบเรื่องของชายสองคนที่มีความเหมือนกันในเรื่องความชั่วอย่างไม่น่าเชื่อ
เริ่มกันที่ชายสองคนนี้แม้จะอยู่กันคนละสถานะ คนหนึ่งเป็นพระหรือพวกอาศัยผ้าเหลืองหากินก็สุดแล้วแต่ กับอีกคนใส่สูทเท่ แต่ก็เข้ามาหากินในคราบนักการเมือง พูดง่ายๆคืออยู่ในคราบจอมปลอมใช้เปลือกนอกหลอกลวง คนหนึ่งคดโกงทางโลก อีกคนก็คดโกงทางธรรม
ต้องไม่ลืมว่าเงินทำบุญกับวัดไม่มีการเรียกเก็บภาษีหรือเสียภาษีใดๆ ประเภทคดโกงหนีภาษี มันก็เหมือนที่ขายหุ้น76,000ล้านไม่เสียภาษี มันคือการใช้ช่องโหว่ของกฎหมายในการหาประโยชน์
สองคนนี้มีข่าวการฟอกเงินจำนวนมหาศาล ส่อความเชื่อมโยงไปยังเรื่องธุรกิจผิดกฎหมายและการค้ายาเสพติด เณรคำหรือไอ้คำอาศัยความเป็นพระคอยบดบังปกปิดเรื่องนี้ไว้ ไม่ว่าจะแอบเสพ ขายเองหรือมีส่วนรู้เห็นกับลูกศิษย์ลูกหาแอบแฝงอาศัยวัดและผ้าเหลืองเป็นเกราะอำพราง
คนหนึ่งตอนเป็นนายกเกือบซื้อเครื่องบินประจำตำแหน่ง แต่น่าเสียดายเขาได้ซื้อเจ็ทส่วนตัวก็ตอนที่ตัวเองต้องหนีออกนอกประเทศ ขณะที่เณรคำก็ไม่น้อยหน้ามีเจ็ทส่วนตัวคอยรับส่งเวลาเดินทางไปไหนมาไหนในคราบพระ แม้จะบอกว่าลูกศิษย์เป็นคนจัดหาให้ก็ตาม นั้นเหมือนกันอีกแล้ว
มีอะไรที่เหมือนกันอีกละเยอะเลยครับหากคิดดูดีๆ เณรคำติดหรูใช้แบรนด์เนม ถือกระเป๋าหลุยส์ ใส่แว่นเรย์แบน อดีตนายกที่ตอนนี้เป็นนักโทษหนีคดีก็เป็นเศรษฐีติดหรูบริโภควัตถุราคาแพงบอกฐานะเหมือนกัน
เมื่อพูดถึงของหรูๆก็ต้องพูดถึงรถยนต์ เณรคำนั่งโรลล์สรอยซ์ พี่เหลี่ยมมีเฟอรารี่ไม่นับรถหรูอื่นๆ แถมเป็นพระวัดต่างจังหวัดแท้ๆ มีรถเฉียดครึ่งร้อย แถมราคาแพงคันละล้านอัพถึงหลายล้านอีก ซื้อรถหรูราคาแพงฟอกเงินและแจกกันอย่างสนุกมือ
ชายสองคนนี้ชอบแจกครับ แจกเงินถุงขนมตามศาล กับแจกรถให้พระผู้ใหญ่สำหรับเณรคำ การให้ของแบบหวังผลประโยชน์แบบนี้ในเมืองไทยมีเยอะครับ สองคนนี้เห็นกันชัดๆเลยว่าแจกเพื่ออะไร
สองคนนี้ยังมีนิสัยชอบเด็ก เณรคำมีหลักฐานพยานโต้งๆมีอะไรกับเด็กสาวตั้งแต่อายุ 14เป็นผู้เยาว์จนมีลูกชายอายุ 11 ขวบ แถมมีรูปหลุดกับสีกา อีกคนก็ไม่เบา มีรูปขี่คอที่มัลดีฟส์หลุดออกมา
สองคนนี้มีสาวกเหมือนกันอีก คนหนึ่งมีลูกศิษย์คอยปกป้องแก้ตัวให้แม้จะแก้ตัวแบบข้างๆคูๆแถไปเรื่อยก็ตาม เช่นขอให้พิสูจน์รูปที่นอนกับสีกาสาว เพราะว่าคิดว่าเป็นรูปตัดต่อ พอผลตรวจสอบบอกเป็นรูปจริงก็อ้างต่อว่าเณรคำมีแฝดแถกันเข้าไป ขณะที่อีกคนมีนักการเมืองและกลุ่มเสื้อแดงคอยเป็นกองกำลังพิทักษ์นาย เวลาใครพูดอะไรที่เป็นด้านลบ คนพวกนี้ก็จะออกมาปกป้องกันเต็มที่ แบบสุดลิ่มทิ่มประตู เพื่อทำคะแนนเอาใจคอยรับแจกตำแหน่งและผลประโยชน์
สองคนนี้หนีออกนอกประเทศเหมือนกันอีก คนหนึ่งอ้างไปพิธีเปิดโอลิมปิกที่ปักกิ่ง ที่สนามกีฬารังนก จนเขาจัดโอลิมปิกที่อื่นแล้ว ก็ยังเป็นสัมภเวสีไม่ยอมกลับมา ส่วนเณรคำอ้างกิจนิมนต์ญาติโยม เลยอยู่ฝรั่งเศสต่อจนได้ข่าวว่าตอนนี้หนีไปอเมริกาแล้ว จริงไม่จริงไม่รู้ตามข่าวกันต่อไป
ชายสองคนนี้ยังอ้างประโยคเดียวกันในการไม่ยอมกลับไทยคือ ประเทศเราไม่มีความยุติธรรม เขาเลยไม่ยอมกลับ ประโยคนี้นักโทษหนีคุกพูดและทำก่อน ส่วนเณรคำก็อปปี้และทำตามแบบไม่มียางอาย
สองคนนี้ยังมีความเหมือนกันอีกอย่างหนึ่งก็คือการพูด การพูดสร้างภาพ คนหนึ่งก็อ้างตนเป็นพระที่มาเกิดชาตินี้ชาติสุดท้าย อีกคนก็สร้างภาพว่าตัวเองรวยแล้วเป็นนายกไม่โกงหรอก พูดทุกอย่างสาวกเชื่อหมด เณรคำมีคนหลงเชื่อมากราบมาไหว้มาบริจาคทำบุญ อีกคนพูดหลอกลวงหลอกล่อเจ๋งสุดดีสุดด้วยนโยบายประชานิยม หลอกให้ชาวบ้านหลงหวังคะแนนเสียง
เปรียบเทียบให้ดูว่าชายสองคนนี้เหมือนกันขนาดไหนก็คงพอจะเห็นภาพกันนะครับ คนสองคนที่เป็นแฝดคนละฝาหน้าตาอาจจะต่างกัน แต่สันดานดันเหมือนกัน เหมือนมากอย่างไม่น่าเชื่อ
เณรคำไปไหนมีขบวนตำรวจนำ มีข่าวว่าขนาดตำรวจที่โบกรถให้เณรคำจอดเพราะเห็นว่าพระขับรถ ยังได้ทิปไปสองล้านเลย ไม่ต่างกับอีกคนหนึ่ง มีตำรวจเป็นลูกน้องสมุนรับใช้ มีอำนาจมีเงินซื้อได้หมด ซื้อตำรวจชั่วๆไว้รับใช้ได้ไม่ยาก
มีข่าวจากศิษย์เอกอย่างนายสุขุม ดอกบัวคู่ บอกว่าเณรคำจะกลับไทยสิ้นเดือนนี้ ส่วนอีกคน สมุนลิ่วล้อก็พยายามออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้เขากลับบ้าน ผมว่าทั้งสองคนนั่นแหละ รีบกลับมาไวๆ มารับโทษติดคุกตามความผิดที่ทำไว้
ตามกันต่อยาวๆครับกับเณรคำกับนายกหนีคุกจะลงเอยอย่างไร แต่ที่แน่ๆสองคนนี้คงนอนเอาตีนกายหน้าผากกันยกใหญ่ เพราะสิ่งที่ตัวเองทำแท้ๆ
เริ่มกันที่ชายสองคนนี้แม้จะอยู่กันคนละสถานะ คนหนึ่งเป็นพระหรือพวกอาศัยผ้าเหลืองหากินก็สุดแล้วแต่ กับอีกคนใส่สูทเท่ แต่ก็เข้ามาหากินในคราบนักการเมือง พูดง่ายๆคืออยู่ในคราบจอมปลอมใช้เปลือกนอกหลอกลวง คนหนึ่งคดโกงทางโลก อีกคนก็คดโกงทางธรรม
ต้องไม่ลืมว่าเงินทำบุญกับวัดไม่มีการเรียกเก็บภาษีหรือเสียภาษีใดๆ ประเภทคดโกงหนีภาษี มันก็เหมือนที่ขายหุ้น76,000ล้านไม่เสียภาษี มันคือการใช้ช่องโหว่ของกฎหมายในการหาประโยชน์
สองคนนี้มีข่าวการฟอกเงินจำนวนมหาศาล ส่อความเชื่อมโยงไปยังเรื่องธุรกิจผิดกฎหมายและการค้ายาเสพติด เณรคำหรือไอ้คำอาศัยความเป็นพระคอยบดบังปกปิดเรื่องนี้ไว้ ไม่ว่าจะแอบเสพ ขายเองหรือมีส่วนรู้เห็นกับลูกศิษย์ลูกหาแอบแฝงอาศัยวัดและผ้าเหลืองเป็นเกราะอำพราง
คนหนึ่งตอนเป็นนายกเกือบซื้อเครื่องบินประจำตำแหน่ง แต่น่าเสียดายเขาได้ซื้อเจ็ทส่วนตัวก็ตอนที่ตัวเองต้องหนีออกนอกประเทศ ขณะที่เณรคำก็ไม่น้อยหน้ามีเจ็ทส่วนตัวคอยรับส่งเวลาเดินทางไปไหนมาไหนในคราบพระ แม้จะบอกว่าลูกศิษย์เป็นคนจัดหาให้ก็ตาม นั้นเหมือนกันอีกแล้ว
มีอะไรที่เหมือนกันอีกละเยอะเลยครับหากคิดดูดีๆ เณรคำติดหรูใช้แบรนด์เนม ถือกระเป๋าหลุยส์ ใส่แว่นเรย์แบน อดีตนายกที่ตอนนี้เป็นนักโทษหนีคดีก็เป็นเศรษฐีติดหรูบริโภควัตถุราคาแพงบอกฐานะเหมือนกัน
เมื่อพูดถึงของหรูๆก็ต้องพูดถึงรถยนต์ เณรคำนั่งโรลล์สรอยซ์ พี่เหลี่ยมมีเฟอรารี่ไม่นับรถหรูอื่นๆ แถมเป็นพระวัดต่างจังหวัดแท้ๆ มีรถเฉียดครึ่งร้อย แถมราคาแพงคันละล้านอัพถึงหลายล้านอีก ซื้อรถหรูราคาแพงฟอกเงินและแจกกันอย่างสนุกมือ
ชายสองคนนี้ชอบแจกครับ แจกเงินถุงขนมตามศาล กับแจกรถให้พระผู้ใหญ่สำหรับเณรคำ การให้ของแบบหวังผลประโยชน์แบบนี้ในเมืองไทยมีเยอะครับ สองคนนี้เห็นกันชัดๆเลยว่าแจกเพื่ออะไร
สองคนนี้ยังมีนิสัยชอบเด็ก เณรคำมีหลักฐานพยานโต้งๆมีอะไรกับเด็กสาวตั้งแต่อายุ 14เป็นผู้เยาว์จนมีลูกชายอายุ 11 ขวบ แถมมีรูปหลุดกับสีกา อีกคนก็ไม่เบา มีรูปขี่คอที่มัลดีฟส์หลุดออกมา
สองคนนี้มีสาวกเหมือนกันอีก คนหนึ่งมีลูกศิษย์คอยปกป้องแก้ตัวให้แม้จะแก้ตัวแบบข้างๆคูๆแถไปเรื่อยก็ตาม เช่นขอให้พิสูจน์รูปที่นอนกับสีกาสาว เพราะว่าคิดว่าเป็นรูปตัดต่อ พอผลตรวจสอบบอกเป็นรูปจริงก็อ้างต่อว่าเณรคำมีแฝดแถกันเข้าไป ขณะที่อีกคนมีนักการเมืองและกลุ่มเสื้อแดงคอยเป็นกองกำลังพิทักษ์นาย เวลาใครพูดอะไรที่เป็นด้านลบ คนพวกนี้ก็จะออกมาปกป้องกันเต็มที่ แบบสุดลิ่มทิ่มประตู เพื่อทำคะแนนเอาใจคอยรับแจกตำแหน่งและผลประโยชน์
สองคนนี้หนีออกนอกประเทศเหมือนกันอีก คนหนึ่งอ้างไปพิธีเปิดโอลิมปิกที่ปักกิ่ง ที่สนามกีฬารังนก จนเขาจัดโอลิมปิกที่อื่นแล้ว ก็ยังเป็นสัมภเวสีไม่ยอมกลับมา ส่วนเณรคำอ้างกิจนิมนต์ญาติโยม เลยอยู่ฝรั่งเศสต่อจนได้ข่าวว่าตอนนี้หนีไปอเมริกาแล้ว จริงไม่จริงไม่รู้ตามข่าวกันต่อไป
ชายสองคนนี้ยังอ้างประโยคเดียวกันในการไม่ยอมกลับไทยคือ ประเทศเราไม่มีความยุติธรรม เขาเลยไม่ยอมกลับ ประโยคนี้นักโทษหนีคุกพูดและทำก่อน ส่วนเณรคำก็อปปี้และทำตามแบบไม่มียางอาย
สองคนนี้ยังมีความเหมือนกันอีกอย่างหนึ่งก็คือการพูด การพูดสร้างภาพ คนหนึ่งก็อ้างตนเป็นพระที่มาเกิดชาตินี้ชาติสุดท้าย อีกคนก็สร้างภาพว่าตัวเองรวยแล้วเป็นนายกไม่โกงหรอก พูดทุกอย่างสาวกเชื่อหมด เณรคำมีคนหลงเชื่อมากราบมาไหว้มาบริจาคทำบุญ อีกคนพูดหลอกลวงหลอกล่อเจ๋งสุดดีสุดด้วยนโยบายประชานิยม หลอกให้ชาวบ้านหลงหวังคะแนนเสียง
เปรียบเทียบให้ดูว่าชายสองคนนี้เหมือนกันขนาดไหนก็คงพอจะเห็นภาพกันนะครับ คนสองคนที่เป็นแฝดคนละฝาหน้าตาอาจจะต่างกัน แต่สันดานดันเหมือนกัน เหมือนมากอย่างไม่น่าเชื่อ
เณรคำไปไหนมีขบวนตำรวจนำ มีข่าวว่าขนาดตำรวจที่โบกรถให้เณรคำจอดเพราะเห็นว่าพระขับรถ ยังได้ทิปไปสองล้านเลย ไม่ต่างกับอีกคนหนึ่ง มีตำรวจเป็นลูกน้องสมุนรับใช้ มีอำนาจมีเงินซื้อได้หมด ซื้อตำรวจชั่วๆไว้รับใช้ได้ไม่ยาก
มีข่าวจากศิษย์เอกอย่างนายสุขุม ดอกบัวคู่ บอกว่าเณรคำจะกลับไทยสิ้นเดือนนี้ ส่วนอีกคน สมุนลิ่วล้อก็พยายามออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้เขากลับบ้าน ผมว่าทั้งสองคนนั่นแหละ รีบกลับมาไวๆ มารับโทษติดคุกตามความผิดที่ทำไว้
ตามกันต่อยาวๆครับกับเณรคำกับนายกหนีคุกจะลงเอยอย่างไร แต่ที่แน่ๆสองคนนี้คงนอนเอาตีนกายหน้าผากกันยกใหญ่ เพราะสิ่งที่ตัวเองทำแท้ๆ
