xs
xsm
sm
md
lg

ปีหน้า สุกงอม

เผยแพร่:   โดย: บัณรส บัวคลี่

ดูคลิปช่อง 11 ถ่ายทอดสดทักษิณ ชินวัตรใช้งานชกมวย “เทิดไท้องค์ราชันเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” เพื่อแถลงการณ์ทางการเมืองแก้ต่างให้กับตัวเองแล้วคิดในใจงานนี้ทักษิณนั่นเองที่เป็นหัวรถจักรช่วยลากสถานการณ์ให้ใกล้สุกงอมเร็วขึ้นอีก

จับกระแสจากโซเชี่ยลมีเดียร้อนฉ่าขึ้นมาทันควัน อารมณ์คนน่ะเก็บกดมาแต่ครั้งตำรวจกรณีทำเกินเหตุกับม็อบเสธ.อ้ายมาก่อนแล้วยังมาเจอช่อง 11 ซ้ำเข้าไปอีก คนเขาไม่โง่หรอกครับที่จะเชื่อคำแก้ตัวน้ำขุ่นๆ ว่าเจ้าหน้าที่ไม่รู้ รมต.ศันศนีย์ดูแลกรมกร๊วกก็ออกมาโบ้ยไม่รู้ไม่เกี่ยวเป็นเรื่องเจ้าหน้าที่ มันเป็นวิธีการที่ไม่ฉลาดเลยเพราะนี่คือการส่งสัญญาณเหิมอำนาจแบบที่ไม่แยแสท่าทีหรือน้ำยาของฝ่ายตรงข้ามอีกต่อไป

เหิมอำนาจ แล้วก็หยามมองไม่เห็นคู่ต่อสู้อยู่ในสายตา หยามแบบที่ภาษามวยเรียก “เอาตีนลูบหน้า” ก็ว่าได้ ตอนที่ทำก็สนุกดีหรอกแต่เหตุการณ์จากยกนี้ต่อไปนี่สิ !!?

สถานการณ์ตอนนี้เหมือนจะย้อนไปยุคปลายทักษิณ 2548 ครั้งที่เขากำลังมีอำนาจสูงสุด เหิมอำนาจ บิดเบือนการใช้อำนาจ ใช้ความรุนแรงแบบไม่แยแสสนใจหลักการหลักกฎหมาย ลิ่วล้อแต่ละคนแข่งกันเอาใจนายโดยไม่สนวิธีการและยี่หระกับสายตาเฝ้ามอง

ปี 2548 เป็นปีที่ทักษิณชนะเลือกตั้งรอบใหม่ถล่มทลายจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียว คุมสภาทั้งสภาเพราะส.ว. ก็เป็นพวกไทยรักไทยเกินครึ่ง ในตอนนั้นยังไม่มีพันธมิตรประชาชนฯ มีแต่ผู้ติดตามชมรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ที่ถูกถอดจากช่อง 9 เร่ร่อนไปจัดที่หอประชุมธรรมศาสตร์และที่สวนลุมฯ

ถ้าทักษิณ และลิ่วล้อฉลาดพอ ไม่จำเป็นต้องสนใจคนหยิบมือเดียวที่มีการสื่อสารผ่านสื่อหนังสือพิมพ์ผู้จัดการฉบับเดียว เว็บไซต์ยุคนั้นก็เข้ายาก จำได้ว่า ADSL สูงสุดแค่ 1 Mbps ส่งภาพข่าวส่งวีดิโอจากศูนย์ต่างจังหวัดครั้งนึงเป็นเรื่องใหญ่มาก และที่สำคัญทีวีดาวเทียมเพิ่งจะตั้งไข่ แพงก็แพง จึงต้องใช้วิธีเปิดฉายผ่านจอโปรเจ็คเตอร์ที่ศูนย์ข่าว มีคนมาดูแค่หลักร้อย

แต่ทักษิณและลิ่วล้อกลับเลือกที่จะใช้วิธีเอาอำนาจเถื่อนมาทุบ แถมทุบแบบต่างคนต่างแข่งกันทำเอาหน้า ใช้ตำรวจไปแจ้งความหมิ่นพระบรมเดชนุภาพตามโรงพักต่างๆ แล้วจะจับตัว เอาสรรพากรไปตรวจสำนักงาน สั่งปิดเว็บไซต์โชคดีที่ฟ้องศาลปกครองขอคุ้มครองได้ ส่งป่าไม้มาก่อกวนขว้างระเบิดที่สวนลุม ฯลฯ สารพัดที่จะประเคนอาวุธเถื่อนๆ มาใส่ ระหว่างนั้นทักษิณเองก็ไม่ได้แยแสกระแสสังคมอะไร จู่ๆ ก็ปรากฏข่าวขายชินคอร์ปให้สิงคโปร์ซะงั้น

วิธีการใช้อำนาจเถื่อน ไม่แยแส มองไม่เห็นอีกฝ่ายในสายตา ถือว่าตนมีอำนาจรัฐคิดจะทำอะไรก็ทำ ไม่ได้ผลเพราะกลายเป็นว่ายิ่งตียิ่งโต มวลชนไม่เอาทักษิณจึงรวมตัวและพัฒนามาเป็นพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในที่สุด

รู้สึกว่าบรรยากาศการเมืองไทยปลายพ.ศ. 2555 เริ่มเหมือนกับปลาย พ.ศ.2548 ฝ่ายที่กุมอำนาจมั่นใจในฐานอำนาจของตัว เหิมเกริม และแข่งกันเอาหน้ากับเจ้านาย เมื่อปี 2548 กรมกร๊วกไปปิดวิทยุผู้จัดการ ปิดสื่อ มาปีนี้กรมกร๊วกก็แสดงบทรับใช้การเมืองอีกหน เมื่อปี 2548 มีรัฐตำรวจใช้อำนาจแกล้งคน มาปี 2555 รัฐตำรวจก็กลับคืนมาแถมเหิมเกริมยิ่งกว่าเก่า

รัฐบาลยิ่งลักษณ์ประกาศนโยบายเร่งด่วนปรองดอง แก้ไข-ไม่แก้แค้นก็แค่เป็นลมปากเพราะสิ่งที่เกิดขึ้นจริงคือการไล่ล่า อย่างเช่นไล่ถอดยศอภิสิทธิ์ ส่งเสื้อแดงไปก่อกวนฝ่ายตรงข้ามทุกที่ทุกโอกาส

อย่าลืมนะครับว่าการเมืองทุกวันนี้เป็นผลต่อเนื่องจากวิกฤต 6-7 ปีที่ยังไม่จบ พลังของความขัดแย้งยังคงมีอยู่

ตอนที่ม็อบ เสธ.อ้ายกำหนดนัดหมายไล่ยิ่งลักษณ์ผมคนหนึ่งล่ะที่เห็นว่ายังไม่ใช่เวลา แทบไม่น่าเชื่อแค่นับนิ้วผ่านไปไม่กี่วันภายใต้การร่วมด้วยช่วยกันของรัฐตำรวจ นักการเมือง ข้าราชการรับใช้การเมือง ตลอดจนคนเสื้อแดงโยนฟืนสุมไฟคนละท่อนสองท่อนช่วยส่งเสริมบรรยากาศอึมครึมทางการเมืองให้ร้อนขึ้นมาทันใจ...โดยเฉพาะอย่างยิ่งการประกาศเดินหน้าผลักดันโหวตแก้รัฐธรรมนูญวาระ 3

การแก้รัฐธรรมนูญเป็นชนวนชั้นดี

เมื่อปลายปี 2548 ม็อบสวนลุมรายการเมืองไทยรายสัปดาห์อย่างเก่งก็หมื่นต้น ไม่มีพิษสงอะไรเลยในเชิงปริมาณ แต่จากการ “ดูเบา” และเหิมเกริมต่อการใช้อำนาจ เพียงเวลาแค่ 2 เดือนจากนั้นมีปริมาณคนที่ไปร่วมชุมนุมกับพันธมิตรรอบแรก มีนาคม 2549 เต็มสนามหลวง

จุดพลิกผันของขบวนการต่อต้านทักษิณรอบแรกครั้งนั้นเกิดจากตัวทักษิณเองที่ไปขายชินคอร์ปให้เทมาเส็ก เปรียบเสมือนกระดานหกให้คนที่ไม่ใช่แฟนพันธุ์แท้รายการเมืองไทยรายสัปดาห์ตลอดถึงกลุ่มพลังอื่นๆ ออกมาร่วมอีกหลายเท่าตัว

มารอบนี้ ดูเหมือนการพยายามเดินหน้าลุยแก้รัฐธรรมนูญที่ค้างอยู่ก็จะเป็นชนวนสำคัญที่จะนำมาสู่เหตุอื่นๆ ที่คาดไม่ถึง เดาไม่ออกมากมาย พร้อมจะนำไปสู่สถานการณ์จุดเดือดได้ตลอดเวลา

อย่าลืมนะว่า ตอนนี้น้ำถูกต้มไปแล้ว...กงล้อขบวนการต่อต้านรัฐบาลยิ่งลักษณ์-ทักษิณรอบใหม่เริ่มขยับตั้งแต่ม็อบเสธ.อ้ายแล้วล่ะ แล้วก็มีรัฐตำรวจ กรมกร๊วก โกตี๋เมืองปทุม อาเศียรวาทเจ้าปัญหา บิ๊กแจ๊สประธานบอร์ดรัฐวิสาหกิจ บิ๊กตุ้ยจัดมวย และตัวทักษิณ ชินวัตรเป็นตัวเติมเชื้อไฟหมุนล้อให้เคลื่อนไปข้างหน้า

น้ำก่อนจะเดือดกับจุดเดือดต่างกันองศาเดียว

ก่อนลาหลังจะหักลาก็ยังรับน้ำหนักได้...จนกระทั่งฟางเส้นสุดท้ายถูกวางลงไป

การแก้รัฐธรรมนูญรอบนี้ จะเป็นเหมือนเวทีลุยไถ ดึงดูดกลุ่มพลังต่างๆ ทุกฝ่ายออกมาสู่สนาม เงื่อนไขกรอบเวลาที่ผูกมาสามารถจะเกิดปะทุปมขัดแย้ง ไปจนถึงแตกหักได้ในแทบทุกกระบวนการ ไม่รวมถึงอุบัติเหตุจากฝ่ายเขาฝ่ายเราและฝ่ายอื่นๆ ในระหว่างทาง

ด้วยเหตุนี้ช่วงต้นปีหน้า - โอกาสที่ภาษานักการม็อบเรียกว่า “ภาวะสุกงอม” จึงสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา !
กำลังโหลดความคิดเห็น