“พงศ์เทพ” สั่ง สพฐ.ปรับการเรียนภาษาอังกฤษ ให้พูดก่อนเขียน พร้อมฝากสภานักเรียนขับเคลื่อนประชาธิปไตยในโรงเรียน ขณะที่สภานักเรียนยื่น 7 ประเด็นปัญหาต่อ รมว.ศธ.พร้อมขอเพิ่มหลักสูตรออนไลน์ แจกแท็บแล็ต ช่วยเด็กพิการ โยนกลับอยากมีประชาธิปไตยที่ดี นักการเมืองแสดงให้ดูก่อน
วันนี้ (12 ม.ค.) เมื่อเวลาประมาณ 11.00 น.ที่กระทรวงศึกษาธิการ สภานักเรียนประมาณ 200 คน เดินทางมายื่นประเด็นปัญหาและแนวทางแก้ไขของสภานักเรียน ประจำปี 2556 ต่อนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) มีเนื้อความดังนี้ 1.เนื้อหาสาระและเวลาเรียน อยากให้มีการนำหลักสูตรสากลมาใช้และสอนพื้นฐานให้แก่เด็กเล็กให้มีความรู้ให้แน่นก่อนเข้าสู่ระดับที่สูงขึ้น ควรใช้แบบฝึกหัดหลากหลายและจัดทำหนังสือเรียนในรูปแบบไฟล์อิเล็กทรอนิกส์แจกให้ทุกโรงเรียน รวมถึงจัดหาคอมพิวเตอร์พกพา หรือ แท็บเล็ต ให้นักเรียนทุกคน 2.การเรียนการสอนที่ปลูกฝังจิตสาธารณะ อยากให้ปลูกฝังจิตสาธารณะตั้งแต่วัยอนุบาล โดยกำหนดเป็นนโยบายในการปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรม และให้ครอบครัวเข้ามามีส่วนร่วม 3.กระบวนการจัดการเรียนการสอน อยากให้จัดกระบวนการเรียนการสอนโดยให้เด็กคิดวิเคราะห์มากขึ้น และนำเทคโนโลยีมาใช้ให้มากขึ้น และควรส่งเสริมและจัดครูสอนให้ตรงสาขาวิชาเอก โดยเฉพาะวิชาหลัก เช่น คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ภาษาอังกฤษ 4.การศึกษาพิเศษ อยากให้เปิดสอนในสาขาวิชาที่ครอบคลุมในการสร้างอาชีพสำหรับเด็กพิเศษ ควรจัดให้มีสถาบันสำหรับเด็กพิเศษและโรงเรียนเรียนร่วม และจัดครูที่มีความสามารถเฉพาะทางในการเรียนร่วมมากขึ้น และ 5.การเตรียมตัวเข้าสู่อาเซียน อยากให้จัดกระบวนการเรียนการสอนที่เน้นปฏิบัติมากกว่าทฤษฎี และปรับหลักสูตรให้สอดคล้องกับประเทศสมาชิกอาเซียน
นายพงศ์เทพ กล่าวว่า ขณะนี้เด็กไทยมีปัญหาเรื่องการพูดภาษาอังกฤษ จึงอยากให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ปรับปรุงการเรียนการสอนให้เด็กสามารถพูดและฟังได้ โดยปรับการเรียนให้เด็กเริ่มพูดก่อนการอ่านและเขียน ซึ่งที่ผ่านมาของไทยจะสอนให้อ่านและเขียนก่อนพูด ทำให้เด็กไทยไม่สามารถพูดได้ นอกจากนี้ อยากให้โรงเรียนจัดกิจกรรมส่งเสริมการเรียนการสอนภาษาอังกฤษเพิ่มเติม เช่น ให้ใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารสัปดาห์ละ 1 วัน หรือติดป้าย Speak English เป็นสัญลักษณ์ว่าขอให้สื่อสารเป็นภาษาอังกฤษเท่านั้น เป็นต้น หวังว่าสภานักเรียนจะนำเรื่องดังกล่าวไปเผยแพร่และเป็นผู้นำของน้อง
“ขอให้ตัวแทนสภานักเรียนทุกคนกลับไปกระตุ้นเรื่องการเป็นประชาธิปไตยในโรงเรียนของตัวเอง เพราะที่ผ่านมา ประเทศไทยเคยทดลองการปกครองมาหลายรูปแบบ แต่ไม่มีรูปแบบไหนมีข้อเสียน้อยเท่าระบอบประชาธิปไตย แม้ระบอบประชาธิปไตยอาจจะมีเรื่องที่ไม่ถูกต้องบ้าง แต่อย่างน้อยประชาชนสามารถตรวจสอบได้ ดังนั้น อยากให้นักเรียนกลับไปขับเคลื่อนในเรื่องนี้ เพื่อให้ประเทศชาติเป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง เพราะไม่มีใครรักษาประโยชน์ของประชาชน 60 ล้านคน ได้ดีเท่ากับตัวประชาชนเอง ทั้งนี้ ผมยินดีพิจารณาข้อเสนอของสภานักเรียนและจะส่งเรื่องดังกล่าวให้นายกรัฐมนตรีรับทราบ” รมว.ศึกษาธิการ กล่าว
น.ส.ธิดา เมืองแก้ว นักเรียนชั้น ม.5 โรงเรียนสอนคนตาบอดภาคเหนือ กล่าวว่า ตนอยากขอให้รัฐบาลเพิ่มพื้นที่การศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาให้แก่นักเรียนที่มีความบกพร่องทางร่างกายมากขึ้น เพราะถึงแม้ว่าพวกเราจะพิการแต่ก็เป็นส่วนหนึ่งของสังคม และเชื่อว่าผู้พิการแต่ละคนมีความสามารถที่จะช่วยพัฒนาประเทศได้
น.ส.มาธุสร กิจผลิต นักเรียนชั้น ม.5 โรงเรียนศึกษานารีวิทยา กล่าวว่า การที่ รมว.ศึกษาธิการ เสนอให้สภานักเรียนขับเคลื่อนเรื่องการติดป้าย Speak English ในโรงเรียนนั้น ตนจะนำไปเสนอเป็นโครงการที่โรงเรียน เพราะถือเป็นโครงการที่ดี ส่วนการปลูกฝังเรื่องประชาธิปไตยหากจะให้สังคมไทยมีประชาธิปไตยจริงๆ ควรมีแบบอย่างที่ดีในสังคม โดยเริ่มจากนักการเมืองที่ควรจะออกมากอดคอกัน รักกัน ไม่ใช่เปิดสื่อกี่ครั้งก็เจอแต่ทะเลาะกัน หรือต้องการให้เด็กมีจิตสาธารณะให้เกิดขึ้นในจิตใจของเด็กจริงๆไม่ใช่ทำเพื่อคะแนนอย่างตอนนี้ ต้องเริ่มปลูกฝังจากผู้ปกครอง นำหลักศาสนาเข้ามาร่วมด้วย อย่างไรก็ตาม อยากให้รัฐบาลสนับสนุนเด็กพิการมากกว่านี้ เพราะตอนนี้เด็กพิการยังขาดโอกาสอีกมาก เช่น โรงเรียนบางแห่งมีเด็กพิการ แต่ไม่มีครูคอยสอน ดูแล ทำให้พวกเขาไม่ได้เรียนหนังสือ หรือบางโรงเรียนไม่มีอุปกรณ์การเรียน ดังนั้น รัฐบาลควรจะดูแลเด็กพิการให้เท่าเทียมกับเด็กปกติด้วย ไม่ใช่ดูแลเฉพาะเด็กปกติอย่างเดียว
ด้าน น.ส.พรรนิภา มาสขาว นักเรียนชั้น ม.4 โรงเรียนยโสธรพิทยาคม จ.ยโสธร กล่าวว่า อยากให้รัฐบาลช่วยพัฒนาครูผู้สอนเลิกสอนแบบท่องจำแต่ควรสอนให้คิด วิเคราะห์ และควรมองปัญหาที่เกิดขึ้นแต่ละโรงเรียน อย่าสร้างสูตรเดียวแล้วแก้ปัญหาเด็กและเยาวชนที่เกิดขึ้นทั่วประเทศ นอกจากนั้น อยากขอให้ทาง ศธ.จัดกิจกรรมเรียนรู้เตรียมพร้อมเข้าสู่อาเซียนแบบจริงจัง ให้เด็กรู้ว่าเมื่อเข้าสู่ประชาคมอาเซียนแล้วพวกเขาจะได้อะไร ทำอะไรได้บ้าง เพราะตอนนี้เด็กรู้เพียงมีกี่ประเทศ ธงชาติสีอะไร ฉะนั้น ศธ.ควรเปิดโอกาสให้เด็กได้ไปเรียนรู้ที่ประเทศเพื่อนบ้าน รู้ลึกในทุกๆ เรื่อง และส่งเสริมจัดกิจกรรม ครูสอนภาษาประเทศสมาชิกให้แก่เด็ก
วันนี้ (12 ม.ค.) เมื่อเวลาประมาณ 11.00 น.ที่กระทรวงศึกษาธิการ สภานักเรียนประมาณ 200 คน เดินทางมายื่นประเด็นปัญหาและแนวทางแก้ไขของสภานักเรียน ประจำปี 2556 ต่อนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) มีเนื้อความดังนี้ 1.เนื้อหาสาระและเวลาเรียน อยากให้มีการนำหลักสูตรสากลมาใช้และสอนพื้นฐานให้แก่เด็กเล็กให้มีความรู้ให้แน่นก่อนเข้าสู่ระดับที่สูงขึ้น ควรใช้แบบฝึกหัดหลากหลายและจัดทำหนังสือเรียนในรูปแบบไฟล์อิเล็กทรอนิกส์แจกให้ทุกโรงเรียน รวมถึงจัดหาคอมพิวเตอร์พกพา หรือ แท็บเล็ต ให้นักเรียนทุกคน 2.การเรียนการสอนที่ปลูกฝังจิตสาธารณะ อยากให้ปลูกฝังจิตสาธารณะตั้งแต่วัยอนุบาล โดยกำหนดเป็นนโยบายในการปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรม และให้ครอบครัวเข้ามามีส่วนร่วม 3.กระบวนการจัดการเรียนการสอน อยากให้จัดกระบวนการเรียนการสอนโดยให้เด็กคิดวิเคราะห์มากขึ้น และนำเทคโนโลยีมาใช้ให้มากขึ้น และควรส่งเสริมและจัดครูสอนให้ตรงสาขาวิชาเอก โดยเฉพาะวิชาหลัก เช่น คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ภาษาอังกฤษ 4.การศึกษาพิเศษ อยากให้เปิดสอนในสาขาวิชาที่ครอบคลุมในการสร้างอาชีพสำหรับเด็กพิเศษ ควรจัดให้มีสถาบันสำหรับเด็กพิเศษและโรงเรียนเรียนร่วม และจัดครูที่มีความสามารถเฉพาะทางในการเรียนร่วมมากขึ้น และ 5.การเตรียมตัวเข้าสู่อาเซียน อยากให้จัดกระบวนการเรียนการสอนที่เน้นปฏิบัติมากกว่าทฤษฎี และปรับหลักสูตรให้สอดคล้องกับประเทศสมาชิกอาเซียน
นายพงศ์เทพ กล่าวว่า ขณะนี้เด็กไทยมีปัญหาเรื่องการพูดภาษาอังกฤษ จึงอยากให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ปรับปรุงการเรียนการสอนให้เด็กสามารถพูดและฟังได้ โดยปรับการเรียนให้เด็กเริ่มพูดก่อนการอ่านและเขียน ซึ่งที่ผ่านมาของไทยจะสอนให้อ่านและเขียนก่อนพูด ทำให้เด็กไทยไม่สามารถพูดได้ นอกจากนี้ อยากให้โรงเรียนจัดกิจกรรมส่งเสริมการเรียนการสอนภาษาอังกฤษเพิ่มเติม เช่น ให้ใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารสัปดาห์ละ 1 วัน หรือติดป้าย Speak English เป็นสัญลักษณ์ว่าขอให้สื่อสารเป็นภาษาอังกฤษเท่านั้น เป็นต้น หวังว่าสภานักเรียนจะนำเรื่องดังกล่าวไปเผยแพร่และเป็นผู้นำของน้อง
“ขอให้ตัวแทนสภานักเรียนทุกคนกลับไปกระตุ้นเรื่องการเป็นประชาธิปไตยในโรงเรียนของตัวเอง เพราะที่ผ่านมา ประเทศไทยเคยทดลองการปกครองมาหลายรูปแบบ แต่ไม่มีรูปแบบไหนมีข้อเสียน้อยเท่าระบอบประชาธิปไตย แม้ระบอบประชาธิปไตยอาจจะมีเรื่องที่ไม่ถูกต้องบ้าง แต่อย่างน้อยประชาชนสามารถตรวจสอบได้ ดังนั้น อยากให้นักเรียนกลับไปขับเคลื่อนในเรื่องนี้ เพื่อให้ประเทศชาติเป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง เพราะไม่มีใครรักษาประโยชน์ของประชาชน 60 ล้านคน ได้ดีเท่ากับตัวประชาชนเอง ทั้งนี้ ผมยินดีพิจารณาข้อเสนอของสภานักเรียนและจะส่งเรื่องดังกล่าวให้นายกรัฐมนตรีรับทราบ” รมว.ศึกษาธิการ กล่าว
น.ส.ธิดา เมืองแก้ว นักเรียนชั้น ม.5 โรงเรียนสอนคนตาบอดภาคเหนือ กล่าวว่า ตนอยากขอให้รัฐบาลเพิ่มพื้นที่การศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาให้แก่นักเรียนที่มีความบกพร่องทางร่างกายมากขึ้น เพราะถึงแม้ว่าพวกเราจะพิการแต่ก็เป็นส่วนหนึ่งของสังคม และเชื่อว่าผู้พิการแต่ละคนมีความสามารถที่จะช่วยพัฒนาประเทศได้
น.ส.มาธุสร กิจผลิต นักเรียนชั้น ม.5 โรงเรียนศึกษานารีวิทยา กล่าวว่า การที่ รมว.ศึกษาธิการ เสนอให้สภานักเรียนขับเคลื่อนเรื่องการติดป้าย Speak English ในโรงเรียนนั้น ตนจะนำไปเสนอเป็นโครงการที่โรงเรียน เพราะถือเป็นโครงการที่ดี ส่วนการปลูกฝังเรื่องประชาธิปไตยหากจะให้สังคมไทยมีประชาธิปไตยจริงๆ ควรมีแบบอย่างที่ดีในสังคม โดยเริ่มจากนักการเมืองที่ควรจะออกมากอดคอกัน รักกัน ไม่ใช่เปิดสื่อกี่ครั้งก็เจอแต่ทะเลาะกัน หรือต้องการให้เด็กมีจิตสาธารณะให้เกิดขึ้นในจิตใจของเด็กจริงๆไม่ใช่ทำเพื่อคะแนนอย่างตอนนี้ ต้องเริ่มปลูกฝังจากผู้ปกครอง นำหลักศาสนาเข้ามาร่วมด้วย อย่างไรก็ตาม อยากให้รัฐบาลสนับสนุนเด็กพิการมากกว่านี้ เพราะตอนนี้เด็กพิการยังขาดโอกาสอีกมาก เช่น โรงเรียนบางแห่งมีเด็กพิการ แต่ไม่มีครูคอยสอน ดูแล ทำให้พวกเขาไม่ได้เรียนหนังสือ หรือบางโรงเรียนไม่มีอุปกรณ์การเรียน ดังนั้น รัฐบาลควรจะดูแลเด็กพิการให้เท่าเทียมกับเด็กปกติด้วย ไม่ใช่ดูแลเฉพาะเด็กปกติอย่างเดียว
ด้าน น.ส.พรรนิภา มาสขาว นักเรียนชั้น ม.4 โรงเรียนยโสธรพิทยาคม จ.ยโสธร กล่าวว่า อยากให้รัฐบาลช่วยพัฒนาครูผู้สอนเลิกสอนแบบท่องจำแต่ควรสอนให้คิด วิเคราะห์ และควรมองปัญหาที่เกิดขึ้นแต่ละโรงเรียน อย่าสร้างสูตรเดียวแล้วแก้ปัญหาเด็กและเยาวชนที่เกิดขึ้นทั่วประเทศ นอกจากนั้น อยากขอให้ทาง ศธ.จัดกิจกรรมเรียนรู้เตรียมพร้อมเข้าสู่อาเซียนแบบจริงจัง ให้เด็กรู้ว่าเมื่อเข้าสู่ประชาคมอาเซียนแล้วพวกเขาจะได้อะไร ทำอะไรได้บ้าง เพราะตอนนี้เด็กรู้เพียงมีกี่ประเทศ ธงชาติสีอะไร ฉะนั้น ศธ.ควรเปิดโอกาสให้เด็กได้ไปเรียนรู้ที่ประเทศเพื่อนบ้าน รู้ลึกในทุกๆ เรื่อง และส่งเสริมจัดกิจกรรม ครูสอนภาษาประเทศสมาชิกให้แก่เด็ก