xs
xsm
sm
md
lg

ชูพิชญ์ กับ ขุนค้อนทราเวล

เผยแพร่:   โดย: บัณรส บัวคลี่

ผมเป็นพวกที่ไม่เชื่อว่าสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ซึ่งมีฐานะประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ หนึ่งในสามอำนาจอธิปไตยที่ค้ำชูระบอบประชาธิปไตยฯ จะแถลงข่าวเปิดเผยรายละเอียดโครงการขนนักวิชาการสื่อและนักการเมืองเดินทางที่อ้างว่า “ดูงาน” ประเทศอังกฤษตามที่มีข่าวฮือฮา นั่นเพราะ “การเปิดเผยรายละเอียดทุกเม็ด” โดยทันทีอย่างไม่ปิดบังจะเป็นหลักฐานยืนยันว่าโครงการนี้จัดมาแบบฉุกละหุกก่อนสิ้นปีงบประมาณ ไม่อยู่ในแผนปฏิบัติปกติ

ที่สำคัญที่สุดคือจะเป็นหลักฐานมัดว่าตนเองว่าให้ความสำคัญการเดินทางไปเยือนประเทศจีนตามคำเชิญ “น้อยกว่า” ทริปดูฟุตบอลนัดแดงเดือด ไม่เพียงเท่านั้นยังจะปลุกให้เรื่องที่เงียบซาลงไปกลับมาร้อนขึ้นอีกในทางการเมือง

สู้ปล่อยเวลาทิ้งไปแล้วค่อยไปให้การกับคณะกรรมาธิการฯ หรือปปช.หากมีการร้องเรียน/ตั้งเรื่องสอบขึ้นมา – ซึ่งก็หมายความในมุมกลับว่า หากไม่มีการร้องเรียนหรือตั้งเรื่องสอบเรื่องก็จะเงียบหายไปกับสายลมเช่นเดียวกับเรื่องอื้อฉาวอีหลายเรื่องในแวดวงการเมืองไทย

ไม่เพียงเท่านั้นผมยังไม่มั่นใจนักว่าสื่อมวลชนที่เดินทางไปด้วยกับคณะขุนค้อนทราเวล (ซึ่งจนบัดนี้ก็ไม่รู้ว่ามีใครบ้างนอกเหนือจากคู่หูชูพิชญ์เพราะชูวัสบอกว่าบางคนที่มีชื่อก่อนหน้าไม่ได้ไปด้วย) ก็คงจะไม่นำรายละเอียดมาลงให้กับสาธารณชนทราบเช่นเดียวกัน เพราะจนกระทั่งบัดนี้ (เช้า 1 ต.ค.) เว็บไซต์ประชาไทที่ประกาศตนเป็นสื่อกระแสรองต่อสู้เพื่อสิทธิการรับรู้ข่าวสารของประชาชนก็ไม่เห็นนำเสนอ “ข่าว” เรื่องดังกล่าวแม้แต่น้อย

ชูวัส ฤกษ์เกษมสุข บ.ก.ของเว็บไซต์ข่าวประชาไทเขียนความเห็นท้ายบทความโต้กับประวิตร โรจนพฤกษ์ ทำนองว่าตนรู้รายละเอียดแต่จะบอกหรือชี้แจงหรือไม่ยังไม่ตัดสินใจ เนื้อหาที่ชูวัสแสดงออกมาเช่นบอกว่ามีคนเดินทางไป 20 คนไม่ใช่ 30 กว่าคนตามที่เป็นข่าวก่อนหน้า ชูวัสพูดทำนองเย้ยว่าสื่ออื่นๆ ไม่รู้รายละเอียด ซึ่งก็น่าแปลกใจอย่างยิ่งที่ประชาไทไม่นำเสนอเรื่องดังกล่าวในฐานะของ “ข่าว” ให้เป็นเรื่องเป็นราว เพราะการทำความจริงให้กระจ่างเป็นหน้าที่พื้นฐานของคนที่เรียกตัวเองเป็นสื่อมวลชน โดยเฉพาะเว็บข่าวที่ประโคมตนในเรื่องเสรีภาพสื่อกลับมาเซ็นเซอร์ตัวเองในกรณีอื้อฉาวกรณีนี้ได้ยังไง

ด้วยความเชื่อดังกล่าวผมจึงตัดสินใจทำหนังสือขอข้อมูลข่าวสารตามพรบ.ข้อมูลข่าวสารราชการ 2542 ส่งไปทางไปรษณีย์ตอบรับถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร/ประธานรัฐสภา เพื่อขอทราบรายละเอียดการเดินทางของโครงการดูงานที่เป็นข่าวดังกล่าว จัดส่งไปเมื่อพฤหัสบดี 27 ก.ย.2555 เข้าใจว่าป่านนี้น่าจะประทับรับอยู่ในแฟ้มดำเนินการแล้ว ยกเว้นมีเจ้าหน้าที่บ้าจี้ไม่ยอมรับหนังสือตีกลับไปรษณีย์ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นผมคงต้องเดินทางไปขอดูเอกสารด้วยตนเอง

แล้วบอกไว้ก่อนนะครับว่าโดยกฎหมายข้อมูลข่าวสารฯ การว่าจ้าง/จัดซื้อจัดจ้างเอกชนภายนอกในที่นี้คือบริการทัวร์เข้าข่ายข้อมูลที่กฎหมายท่านกำหนดให้หน่วยงานรัฐเตรียมไว้ให้ประชาชนที่สนใจเข้าตรวจสอบดูได้ตลอดเวลา ซึ่งหากรัฐสภาไม่ได้จัดเตรียมไว้ให้ดูก็ต้องยื่นหนังสือประทับเลขรับที่งานสารบรรณตามขั้นตอนไปจนถึงขั้นอุทธรณ์กับคณะกรรมการข้อมูลข่าวสาร จะเป็นเรื่องรุงรังตามมาเช่นเดียวกับกรณีอื้อฉาวในต่างประเทศที่ฝ่ายการเมืองปกปิดข้อมูลฉ้อฉลของตนจนเรื่องลุกลาม

กรณีการดูงานของขุนค้อนทราเวลมันเป็นแค่ยอดภูเขาน้ำแข็งที่บังเอิญโผล่ขึ้นมาจากทะเล มีกรณี “ดูงาน” ใช้งบหลวงของนักการเมืองในรัฐสภาอีกมากมายที่สมควรตำหนิติเตียน แต่ก็ไม่ได้หมายความแบบที่คนเสื้อแดงบางคนแก้ตัวให้ว่าก็ทีคนอื่นๆ เขาทำกันอำมาตย์ ปชป.เขาก็ทำกันอย่างนี้ หรือทีหน่วยงานอื่นแรงกว่านี้อีก ฯลฯ ไอ้การแก้ตัวประเภทนี้แหละครับที่ทำให้สังคมเสื่อมลงๆ ประมาณว่าข้าชั่วเอ็งก็ชั่ว งั้นก็หยวนๆ หลับตากับการทำชั่วของฝ่ายเดียวกันซะ

สังคมไทยควรใช้โอกาสที่มีเรื่องอื้อฉาวกรณีขุนค้อนทราเวล กดดันให้รัฐสภาและนักการเมืองที่ใช้งบหลวงเกิดการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีอย่างน้อยก็เกิดบรรทัดฐานการใช้เงิน การตรวจสอบกลั่นกรองการเดินทางไปดูงาน และมาตรฐานการเปิดเผยข้อมูลที่รับผิดชอบต่อสาธารณะขึ้นมา เช่นเดียวกับการปฏิรูปในรัฐสภาอังกฤษที่มีหน่วยงานกำกับและตรวจสอบการใช้เงินสิทธิประโยชน์ของสมาชิกรัฐสภาขึ้นมาหลังเหตุอื้อฉาวส.ส.ฉ้อฉลการใช้เงินครั้งใหญ่เมื่อปี 2009 (นำเสนอเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ใน ขุนค้อนรู้มั้ย อังกฤษเอา ส.ส.ฉ้อฉลเข้าคุก)

สังคมไม่ควรวางเฉยปล่อยให้เรื่องนี้เงียบหายไป มีอย่างที่ไหนผู้เกี่ยวข้องพูดกันคนละหนุบหนับแถมไม่ตรงกันเลย วัฒนา เซ่งไพเราะ โฆษกประจำประธานสภาฯ พูดอย่าง พิชญ์ พงษ์สวัสดิ์ โพสต์ข้อความรายงานการเดินทางในเฟซบุ้คอีกอย่าง แถมคนเกี่ยวข้องกับคณะทัวร์อย่างชูวัส ก็ทำเรื่องง่ายๆ ให้ดูซับซ้อนดราม่าขึ้นไปอีกเช่นบอกว่า ตนไปในฐานะที่ไม่ใช่ทั้งประชาไทและวอยซ์ทีวี (อ้าว ! งั้นไปฐานะอะไรล่ะ)

อย่างเรื่องข้อเท็จจริงว่าด้วยจำนวนคนเช่นเดียวกัน ชูวัสเขียนตอบประวิตรว่า “แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญหรอกครับ ประเด็นก็คือ ผมไม่เห็นคนจากวอยซ์ทีวีในทริปนี้เลยครับ หากไม่นับผมกับ อ.พิชญ์ ซึ่งเป็นคนนอกวอยซ์ ผมเข้าใจว่า คนเหล่านี้อาจจะมีรายชื่อในฉบับดำริ ร่าง เมื่อปีมะโว้ หรือวีซ่าไม่ผ่าน หรือกลับใจ หรือเสกขึ้นมา หรืออย่างไรไม่ทราบ แต่ชื่อเหล่านี้ถูกเอามาปั่นเสียจนเกินจริง” และอีกจุด... “ผู้ร่วมเดินทางราวๆ 20 คน (เอ ผมคงนับผิดไป เชื่อข่าวที่เมืองไทยก็ได้ครับ 37 คน คุณกำหนดความจริงนี่ ไม่ใช่ผม)”

การตอบของชูวัสในท้ายบทความแม้จะไม่เป็น “ข่าว” อย่างเป็นทางการแต่ก็เป็นการ “สื่อสาร” ข้อมูลออกสู่สาธารณะวิธีหนึ่ง นี่เป็นวิธีการตอบแบบค่อนข้างเล่นลิ้นแถมเสียดสีทำนองว่าที่เอ็งนำเสนอมาน่ะไม่ใช่..ฉันรู้แต่ฉันไม่บอก ซึ่งน่าเสียดายที่ชูวัสเลือกวิธีตอบแบบนี้

ดังนั้นข้อมูลข่าวสารข้อเท็จจริงว่าด้วยคณะทัวร์ขุนค้อนไปอังกฤษที่ปรากฏต่อสังคมไทยเวลานี้ล้วนแต่เป็นข้อมูลที่ไม่เป็นทางการทั้งสิ้น มีน้ำหนักหน่อยคือข้อมูลจากเฟซบุ๊กของพิชญ์ พงษ์สวัสดิ์ ซึ่งก็นั่นเองที่มันยังมีสถานะเป็นแค่ข้อมูลที่ไม่เป็นทางการ

ตลกดีมั้ยครับ ประเทศที่อ้างว่าเป็นประชาธิปไตย คนที่ไปในคณะทัวร์ล้วนประกาศตนเชื่อในประชาธิปไตย เชื่อในสังคมเปิด เชื่อในข้อมูลข่าวสารแบบเปิด แต่ข้อมูลการใช้จ่ายของประมุขฝ่ายนิติบัญญัติที่อื้อฉาวเป็นที่สนใจของสังคมตลอดเวลา 10 กว่าวันมานี้ล้วนแต่เป็นข้อมูลไม่เป็นทางการ คนนี่ว่านั่นคนโน้นว่านี่ คนนี้เปิดแบบวับๆแวมๆ แต่การเบิกจ่ายงบประมาณจากภาษีประชาชนนั้นเรื่องทางการนะครับ-อย่าลืมไปเสีย !

ด้วยเหตุนี้จึงอยากจะเรียกร้องไปยังประธานสภาผู้แทนราษฎร สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ได้โปรดทบทวนการหลบเลี่ยงไม่เปิดข้อมูลข่าวสารที่เป็นจริงในเรื่องการเดินทางไปอังกฤษออกสู่สาธารณะ อย่าได้ใช้วิธีการแบบนักการเมืองสั่วๆ ที่ให้สัมภาษณ์เพียงว่าชี้แจงได้ ๆ พร้อมอธิบายแต่ไม่เปิดออกมาสักที ได้โปรดแถลงรายละเอียดที่มาที่ไปของโครงการเดินทาง ที่มางบประมาณ รายละเอียดการใช้จ่ายออกสู่สาธารณะโดยเร็ว อย่าถ่วงเวลาให้ถึงกับต้องใช้กฎหมายข้อมูลข่าวสารบังคับให้เปิดออก

และขอเรียกร้องไปยังผู้ร่วมเดินทางที่เป็นสื่อมวลชน โดยเฉพาะคู่หูชูพิชญ์ ที่ปัจจุบันทำหน้าที่สื่อในประชาไทและวอยซ์ทีวี ได้นำเสนอข้อมูลรายละเอียดการเดินทางออกมาต่อสาธารณะ พิชญ์ พงษ์สวัสดิ์ แสดงตนผ่านเฟซบุ้คนำเสนอเรื่องราวการเดินทางประจำวันได้ค่อนข้างดี แต่มันเป็นแค่ส่วนหนึ่งของข้อเท็จจริงและเป็นการแสดงในฐานะส่วนตัว อยากเรียกร้องในฐานะพิธีกรรายการคู่กับชูวัส ให้ร่วมกันเปิดข้อมูลการเดินทางอย่างเป็นทางการออกมาอย่างน้อยก็ในรายการวอยซ์ทีวีที่ทำหน้าที่ประจำ เช่นเดียวกับเว็บไซต์ประชาไทที่ชูวัสกุมบังเหียนเป็นบรรณาธิการข่าวอยู่ รวมถึงสื่ออื่นๆที่ร่วมเดินทาง(ซึ่งก็ไม่รู้ว่าใครสำนักไหนบ้าง)

การเดินทางไปอังกฤษของคณะขุนค้อนทราเวลอาจจะมีประโยชน์กับสังคมไทยอย่างแท้จริงก็ได้ หากว่ามันเป็นชนวนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงระบบตรวจสอบการใช้งบประมาณและใช้สิทธิประโยชน์ในรัฐสภาครั้งใหญ่

หวังลึกๆ ว่ามันคงเป็นเช่นนั้นได้ เปลี่ยนอะไรก็เปลี่ยนในยุคของเราเหอะอย่าคอยให้ถึงรุ่นลูกหลานมาเปลี่ยนเลยประเทศชาติของเราฉิบหายเพราะการฉ้อฉลเงินหลวงมามากพอแล้ว.
กำลังโหลดความคิดเห็น