“ประวิตร โรจนพฤกษ์” นักข่าวอาวุโสเนชั่น เผยถูกแนวร่วมพันธมิตรฯ ฟ้องเอาผิดมาตรา 112 จากการเขียนบทความลงในเว็บประชาไท ลั่นสู้ต่อแน่นอนจนกว่าสังคมไทยจะตาสว่าง โอดถ้าต้องติดคุกขอให้ทุกคนช่วยกันสู้ต่อ พร้อมย้ำจุดยืนเลิกมาตรา 112 หรือทำให้ไม่เป็นความผิดทางอาญา
วันนี้ (24 พ.ค.) เมื่อเวลาประมาณ 13.00 น. นายประวิตร โรจนพฤกษ์ นักข่าวอาวุโสของหนังสือพิมพ์ เดอะ เนชั่น เปิดเผยผ่านเว็บไซต์ทวิตเตอร์ส่วนตัว Pravit Rojanaphruk (@PravitR) ว่า ตนถูกแจ้งความในคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และพระราชบัญญัติการกระทำผิดทางคอมพิวเตอร์ จากบทความที่ตนเขียนในเว็บไซต์ประชาไท 8 ชิ้น พร้อมระบุว่าผู้ฟ้องคือผู้ใช้นามแฝงในเว็บไซต์ประชาไท ชื่อว่า iPad หรือมีชื่อจริงว่านายวิพุธ สุขประเสริฐ (นายวิพุธ เป็นแนวร่วมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่มีประวัติเป็นโจทก์ฟ้องคดีในมาตรา 112 เป็นจำนวนมาก) โดยขณะนี้อยู่ในขั้นที่ตำรวจกำลังตรวจสอบบทความ เพื่อดูว่าจะส่งต่ออัยการหรือไม่
หลังจากที่นายประวิตรเผยแพร่เรื่องการถูกฟ้องร้องแล้วนั้น ได้มีแนวร่วมแก้มาตรา 112 เข้ามาให้กำลังใจจำนวนมาก โดยนายประวิตรระบุว่า ขอบคุณสำหรับกำลังใจที่หลั่งไหลมาไม่หยุด จะสู้ต่อแน่นอนจนกว่าสังคมไทยจะตาสว่าง แต่ก็ทำใจกับกฎหมายที่ปิดหู ปิดตา ปิดปาก และถ้าตนไม่อยู่ เพราะต้องติดคุกใต้มาตรา 112 ก็ขอให้ช่วยกันสู้ต่อเพื่อความเท่าเทียมและเสรีภาพของสังคม พร้อมย้ำจุดยืนคือเลิกมาตรา 112 หรือทำให้ไม่เป็นความผิดทางอาญา
ทั้งนี้ เมื่อเวลา 18.43 น. เว็บไซต์ประชาไทได้เผยถึงความคืบหน้าของคดี พร้อมกับระบุ 7 บทความ ผลงานของนายประวิตร โรจนพฤกษ์ ที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ มีดังนี้
ประวิตร โรจนพฤกษ์ : สังคมที่ทุกคนต้องคิดและพูดเหมือนกัน มิใช่สังคม
ประวิตร โรจนพฤกษ์ : สังคมยากล่อมประสาท
ประวิตร โรจนพฤกษ์ : ปัญหาความดีของ “คนดี”
ประวิตร โรจนพฤกษ์ : สถานการณ์ที่หม่นหมองของสื่อมวลชน
@PravitR: ทวีตนี้แด่อากง SMS
ประวิตร โรจนพฤกษ์ : พลานุภาพการเปรียบกษัตริย์เป็น “พ่อ” ของประชาชน
ประวิตร โรจนพฤกษ์ : ม.112 กับการเซ็นเซอร์ข้อมูลต่างเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์
สำหรับความคืบหน้าในสำนวนคดี ร.ต.ท.เมธี ศรีวันนา พนักงานสอบสวน (สบ 1) สถานีตำรวจภูธรเมืองร้อยเอ็ด ได้ส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์มายังกองบรรณาธิการเว็บไซต์ประชาไท เมื่อวันที่ 16 พ.ค.ที่ผ่านมา เพื่อขอทราบรายละเอียดเกี่ยวกับผู้เขียน และไอพีแอดเดรส ซึ่งทางประชาไทยังไม่มีการติดต่อกลับไป
อย่างไรก็ตาม นายชูวัส ฤกษ์ศิริสุข บรรณธิการบริหาร ได้แจ้งข้อเท็จจริงดังกล่าวแก่นายประวิตรว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับตัวผู้เขียนมายังกองบรรณาธิการ
ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาแก่นายประวิตรแต่อย่างใด
สำหรับ สภ.เมืองรอยเอ็ด กำลังเป็นสถานีตำรวจที่น่าจับตาในแง่สถิติการร้องทุกข์กล่าวโทษ ซึ่งที่ผ่านมา นายวิพุธ สุขประเสริฐ ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษผู้เขียนบทความและผู้แสดงความเห็นในเว็บไซต์ประชาไทไปแล้วทั้งสิ้น 15 ราย รวมบรรณาธิการและผู้ดูแลเว็บไซต์ประชาไท
พ.ต.ท.สุคิด เพ็ชรโยธา พนักงานสอบสวน สบ 3 เจ้าของคดีที่นายวิพุธ สุขประเสริฐ หรือนามปากกา “I Pad” ร้องทุกข์กล่าวโทษนายสุรพศ ทวีศักดิ์ หรือนามปากกา นักปรัชญาชายขอบ เคยให้ข้อมูลกับกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติว่า ในทางปฏิบัติกระบวนการของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการสืบสวนสอบสวนคดีที่มีการร้องทุกข์กล่าว โทษด้วยประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 นั้น ความเห็นของพนักงานสอบสวนยังไม่ถึงที่สุด พนักงานสอบสวนต้องส่งไปให้ ตร.ภูธรภาค และ ตร.ส่วนกลางพิจารณาตามลำดับ แม้ สภ.ที่รับเรื่องร้องทุกข์กล่าวโทษจะมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องก็ต้องส่งให้พิจารณาเช่นกัน
พ.ต.ท.สุคิดให้ความเห็นกรณีที่มีการฟ้องร้องที่ สภ.เมืองร้อยเอ็ดเป็นจำนวนมากว่า เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะต้องรับคำร้องทุกข์กล่าวโทษทุกคดี หากไม่เช่นนั้นก็จะเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ อีกทั้งกฎหมายอาญามาตรา 112 นั้น เป็นกฎหมายที่บัญญัติไว้ในหมวดความมั่นคง ผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษจึงเป็นผู้ใดก็ได้ อย่างไรก็ตาม ในชั้นสืบสวนสอบสวน หากเห็นว่ากรณีใดไม่เข้าลักษณะความผิดตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 112 เลย และได้รับความเห็นจาก ตร.ภาคและ ตร.ส่วนกลางแล้วก็จะไม่ดำเนินการต่อ จากการณีของนายวิพุธที่ร้องบุคคลจำนวน 5 รายในการร้องทุกข์คราวเดียวกับสุรพศ แต่ตำรวจสอบแล้วมีมูลเพียง 2 ราย
พ.ต.ท.สุคิดระบุว่า การร้องทุกข์กล่าวโทษนั้น แม้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะมีหน้าที่รับคำร้องทุกข์กล่าวโทษทุกกรณี แต่หากกรณีใดไม่เป็นข้อเท็จจริง และเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ดำเนินการสืบสวนและสั่งฟ้องแล้ว ผู้ถูกร้องทุกข์กล่าวโทษโดยไม่มีมูลก็สามารถร้องทุกข์กล่าวโทษกลับได้ในฐานแจ้งความเท็จ
ทั้งนี้ อนุกรรมการฯ ได้สอบถามกรณีที่มีการร้องทุกข์กล่าวโทษที่สภ.เมืองร้อยเอ็ดจำนวนมากกว่า ปกติ พ.ต.ท.สุคิดรับว่าจากปี 2553 เป็นต้นมา มีการร้องทุกข์มากจริงและมีสถิติสูงมากเมื่อเทียบกับพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 4 ด้วยกัน