xs
xsm
sm
md
lg

จำสังเวยจตุพร และแถม ปลอดประสพ เพื่อ “ปู-1”

เผยแพร่:   โดย: บัณรส บัวคลี่

สังเกตอะไรกันมั้ยครับตั้งแต่ 12 พฤษภาคมจนถึงวันนี้เป็นเวลา 2 เดือนกว่าไม่ได้ยินผู้หลักผู้ใหญ่ฝ่ายการเมืองของพรรคเพื่อไทยตั้งแต่ทักษิณ ยิ่งลักษณ์ เจ๊แดง สมชาย ฯลฯ พูดปกป้องจตุพร พรหมพันธุ์ที่อยู่ในคุกในประเด็นว่าถูกกลั่นแกล้งเลยแม้แต่น้อย

ทุกคนปิดปากเงียบสนิท! จะมีก็แต่พลพรรคเสื้อแดงนปช.ณัฐวุฒิ ป้าธิดาและผองเพื่อนไปเยี่ยมเยียนแล้วก็ประกาศไม่กดดันกกต.หากไม่รับรองจตุพรแต่จะฟ้อง (งงว่ะ บอกไม่กดดันแต่ถ้าไม่ได้ดั่งใจจะฟ้อง)

และสังเกตอะไรต่ออีกมั้ยครับ? เพราะว่าทั้งป้าธิดารวมทั้งส.ส.เหวง ส.ส.เต้น ไม่มีใครกล้าโต้แย้งการถูกถอนประกันจำคุกเลยแม้แต่แอะเดียว ประเด็นที่โวย ๆ กันอยู่คือเรื่องต้องการให้กกต.รับรองเป็น ส.ส.เท่านั้นเอง

สาเหตุที่ตู่จตุพรถูกถอนประกันส่งตัวเข้าคุกมาจากการปราศรัยเวทีคนเสื้อแดงรำลึก 1 ปีเหตุการณ์คอกวัว 10 เมษายน 2554 ถ้อยคำของนายจตุพรวันนั้นแรงมาก ๆ ขนาดที่กองทัพบกส่งเจ้าหน้าที่แจ้งความข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ อิทธิฤทธิ์ปากนายตู่ยังก่อให้เกิดกระแสอึมครึมอาจจะไม่มีเลือกตั้ง 3 ก.ค. เป็นคำพูดที่ร้ายกาจขนาดไหนขนาดคนเสื้อแดงฟังแล้วยังไม่มีใครกล้าเถียงแทนจตุพร ประสาอะไรกับคนกลาง ๆ

สำหรับคนไทยทั่วไปที่ไม่หลงใหลไปกับขบวนการแดงสุดขั้วหากได้ฟังจตุพรกล่าวพาดพิงเฉี่ยวไปเฉี่ยวมาว่าด้วย “ทหารราชองครักษ์” “ทหารเสือราชินี” และ “กระสุนพระราชทาน” คงจะอดรนทนไม่ไหวดีที่สื่อกระแสหลักทั่วไปเขาไม่บ้าจี้ถอดเทปนายตู่ออกมาให้ตัวเองถูกคดีพ่วงไปด้วยดังนั้นกระแสความไม่พอใจของสังคมจึงไม่เกิดขึ้นในระหว่างนั้น มีแต่กระแสทหารฮึ่มเท่านั้นที่เป็นกระแสหลัก

ถามว่าทำไมศาลท่านไม่ให้ประกันหรือปล่อยให้นายจตุพรไปเลือกตั้งตามคำร้องของทนาย คำตอบอยู่ที่น้ำหนักความรุนแรงของคำปราศรัย 10 เมษายน 2554 ของเขานั่นเองที่ทำให้ศาลท่านพิเคราะห์ว่าปล่อยไปเดี๋ยวก็ทำผิดเงื่อนไขซ้ำอีกแล้วก็ “เหิม” ไปทำอะไรแผลง ๆ อีก

นี่จึงเป็นที่มาของวิบากกรรมโดมิโน ปราศรัย > เข้าคุก > ไม่ได้เลือกตั้ง > ถูกยื่นคัดค้าน > ไม่รับรอง(ต่อให้รับรองรอบนี้ก็จะถูกแดงต่อในวันข้างหน้าเพราะมันมีแผลติดตัวค้างอยู่)

ผมเชื่อว่าต่อให้นายตู่พ้นคุก กกต.รับรองให้เป็น ส.ส. เขาก็จะไม่ได้ตำแหน่งการเมืองในรัฐบาลปู-1 นั่นเพราะผู้ใหญ่ระดับนโยบายตั้งแต่ทักษิณ ไล่มาถึงยิ่งลักษณ์และญาติ ๆ รวมถึงนักการเมืองใหญ่คงไม่อยากเอาตัวเองเข้าไปพัวพันกับผู้ที่ยังอยู่ระหว่างการถูกดำเนินคดีหมิ่นพระบรมเดชนุภาพ นั่นเพราะว่านโยบายหลักของทักษิณในระยะต้นนอกจากการเร่งสร้างผลงานแล้วสิ่งสำคัญที่สุดอีกอย่างคือปลดความหวาดระแวงเรื่องไม่จงรักภักดี

ปากประกาศจงรักภักดีเร่งจัดงานวันเฉลิมฯ ให้ยิ่งใหญ่สุดในเดือนธันวาคมมีหรือจะโง่หยิบเอาจตุพร 10 เมษาเข้ามาร่วมรัฐบาลให้เป็นรอยด่างทำไม

จึงมีแต่เพื่อนร่วมรบอย่าง ส.ส.เต้น ส.ส.เหวง และแดงซ้ายจัดเท่านั้นที่เต้นแร้งเต้นกาแบบไม่เต็มเท้าช่วยเหลือกันตามประสาเท่าที่จะทำได้ (ไม่กดดันแต่จะฟ้องไง)

ดูท่าแล้วตู่จตุพรน่าจะเป็นเครื่องสังเวยการขึ้นสู่อำนาจของรัฐบาลยิ่งลักษณ์-1 เป็นคนแรก

สำหรับคนที่สองที่จะถูกสังเวยคนต่อไปขอสวมวิญญาณหมอเดาทำนายล่วงหน้าไว้ก่อนว่าชื่อปลอดประสพ สุรัสวดี !

หมอเดาขอทำนายว่าโหงวเฮ้งของปลอดประสพตอนนี้คล้าย ๆ กับจักรภพ เพ็ญแข-นพดล ปัทมะ

จักรภพลาออกจากรัฐมนตรีสำนักนายกฯคุมสื่อเมื่อพฤษภาคม 2551 ในนามของการรักษา “ขุน” ส่วนนพดล ปัทมะ ลาออกจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศในอีก 2 เดือนต่อมาเพราะพิษมรดกโลกเขาพระวิหารไม่ผ่าน ม.190

ทั้งสองคนออกเพื่อรักษา “ขุน” และเพื่อเสถียรภาพโดยรวมของรัฐบาล

ปลอดประสพ ก็คล้ายกับจตุพรนั่นแหละ..อาจจะถูกโอษฐภัย.. ได้ภัยเพราะปาก !

เรื่องนี้ต้องย้อนกลับไปก่อนเลือกตั้งที่ฝ่ายยุทธศาสตร์ของพรรคมองว่าอาจจะมีมือที่มองไม่เห็นกลั่นแกล้งต้องระดมนักกฏหมายมือดีมีวอร์รูมประกอบทั้งสมชาย วงศ์สวัสดิ์ มานิตย์ จิตรจันทร์กลับ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก พล.ต.อ.ชัจจ์ กุลดิลก ฯลฯ ร่วมกันหาทางป้องกันการถูกกลั่นแกล้งอย่าให้กรณีคลิปยุทธ ตู้เย็นเกิดซ้ำ.. ตามอ่านข่าวมติชนเพราะเขาใกล้ชิดกับเพื่อไทยยังรายงานถึงขนาดมีการแจกปากกากล้องเอาไว้จับผิดฝ่ายตรงกันข้ามด้วยซ้ำ

ผู้หลักผู้ใหญ่(คนอื่นๆ)ทุกคนมีหน้าที่ร่วมกันคือหาทางป้องกันไม่ให้พรรคของตนเองเกิดช่องโหว่-เป็นรูรั่วทำให้เสียเปรียบซึ่งก็พิสูจน์แล้วว่าทีมงานกฏหมายคณะดังกล่าวทำงานด้วยดี เพราะทุกคนรู้ว่ากฏหมายเลือกตั้งมาตรา 53 ที่มีข้อห้ามต่าง ๆ 5 ประการนั้นนอกจากทำให้เกิดใบแดงแล้วหากคนทำเป็นกรรมการบริหารพรรคอาจถึงขั้นยุบพรรคด้วยซ้ำไป

มาดูรายละเอียดกฏหมายกัน...มาตรา 53 ห้ามมิให้ผู้สมัครหรือผู้ใดกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งลงคะแนนเสียงเลือกตั้งให้แก่ตนเอง หรือผู้สมัครอื่น หรือพรรคการเมืองใด หรือให้งดเว้นการลงคะแนนให้แก่ผู้สมัครหรือพรรคการเมืองใด ด้วยวิธีการดังต่อไปนี้ (1)จัดทำ ให้ เสนอให้ สัญญาว่าจะให้ หรือจัดเตรียมเพื่อจะให้ ทรัพย์สินหรือผลประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้แก่ผู้ใด…(2)...(3)...(4)....(5)หลอกลวง บังคับ ขู่เข็ญ ใช้อิทธิพลคุกคาม ใส่ร้ายด้วยความเท็จ หรือจูงใจให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยมของผู้สมัครหรือพรรคการเมืองใด

โดยสรุปท่านห้ามซื้อเสียง และห้ามคดโกงหลอกลวงเพื่อให้คนลงคะแนนเสียงให้ !

เรื่องมีอยู่ว่า นายปลอดประสพ สุรัสวดี กรรมการบริหารพรรคและรองหัวหน้าพรรครวมทั้งเป็นปาร์ตี้ลิสต์ได้ให้สัมภาษณ์ Voice TV. ในประเด็นว่าด้วยนโยบายถมทะเล ออกอากาศในวันที่ 11 มิถุนายน 2554 ซึ่งอยู่ระหว่างพระราชฎีกากำหนดวันเลือกตั้ง ใครทำอะไรผิดในช่วงดังกล่าวก็ผิดกฏหมายเลือกตั้ง

Voice TV ออกอากาศคำสัมภาษณ์นายปลอดประสพมีถ้อยคำดังนี้...

“แผ่นดินหายไปเป็นแสนๆ ไร่จะคืนมั้ยล่ะ ถ้าอยากเอาคืนก็ต้องถม ถามว่าถมทะเลหรือเปล่า ไม่เชิง คือถมที่เดิมซึ่งทะเลกินไปเอากลับคืนมา ได้เท่าไหร่เท่านั้น หรือจะเอามากกว่าก็ได้น้อยกว่านั้นก็ได้ไม่ว่าอะไร พอถมมาแล้วเป็นอะไรก็เป็นเมือง ก็พยายามคิดว่าเป็นเมืองที่วิเศษที่สุด คุ้มทุนที่สุดเช่น จัดงานเอ็กซ์โป เลิศกว่านั้นเช่นเป็นศูนย์ทางด้านการเงิน เป็นที่อยู่อาศัยแบบเลอเลิศ รถยนต์วิ่ง ได้มีเรือยอชท์มาจอด ก็คิดไปเรื่อยเปื่อยเพื่อให้มีมูลค่าสูงสุด”

นี่คือสาระสำคัญของนโยบายเพื่อรณรงค์ให้คนเลือกหรือไม่เลือก สมมติว่าเป็นเท็จก็คือไม่ใช่นโยบายจริง ไม่ได้ทำเช่นนั้นจริงก็ไม่แตกต่างจากการจูงใจด้วยความเท็จ

หลอกลวงคนเพื่อให้ลงคะแนนให้มันต่างอะไรจากการเอาเงินให้แล้วให้เขาลงคะแนนให้ !!?

สาระสำคัญของนโยบายถมทะเลปรากฏเป็นข่าวก่อนหน้าตั้งแต่ตอนที่ทักษิณ ชินวัตรโฟนอินเข้ามาที่พรรคเพื่อไทยเมื่อ 23 เมษายน 2554 พูดว่า “เมื่อเป็นรัฐบาลขอแนะนำว่าให้ทำคันเขื่อนลึกลงไปในทะเลประมาณ10ก.ม.ความยาว ก็สามารถทำได้ตั้งแต่ 60 ก.ม. แต่ว่าเอาแค่สัก 30 ก.ม.ก็พอ”

นับจาก 23 เมษายนถึงระหว่างเลือกตั้งกลางมิถุนายน เป็นเวลาเดือนกว่าที่กรรมการนโยบายของพรรคเพื่อไทยต้องเตรียมเอกสารเตรียมแผนรณรงค์และปลอดประสพเป็นรองหัวหน้าพรรคได้รับมอบหมายจากทางพรรคให้สัมภาษณ์สื่อย่อมเป็นบุคคลที่รับรู้เรื่องโครงการถมทะเลดีที่สุดคนหนึ่ง

“สาระสำคัญ” ที่ปลอดประสพพูดเพื่อเป็นการหาเสียง มิถุนายน 2554 ก็คือ ถมทะเลเพื่อเพิ่มมูลค่าจัดงาน ขายหรือทำกิจกรรมที่เป็นอะไรงอกเงยออกมา “สาระสำคัญ” ดังกล่าว เพิ่งจะถูกปฏิเสธเอาตอนหลังเลือกตั้ง ว่าการถมทะเลไม่ใช่สร้างเมืองใหม่ แต่เป็นแค่การป้องกันน้ำท่วมเท่านั้น เขาแถลงแก้เกี้ยวว่า “ประกาศไว้ว่าจะทำการศึกษาโครงการนี้เพื่อหามาตรการป้องกันน้ำท่วมกรุงเทพฯ อย่างถาวร”

ทำไมปลอดประสพในฐานะกรรมการพรรคที่ดูแลนโยบายหาเสียงด้วยจึงผิดพลาดในสาระสำคัญของโครงการได้ถึงขนาดนี้ !!?

คนระดับอดีตปลัดกระทรวงพูดเรื่องนโยบาย การถมทะเลเพื่อป้องกันน้ำท่วม ให้กลายเป็นภาพสวยงามหลอกชาวบ้านว่าจะเป็นการถมที่แหว่งถูกกัดเซาะเพื่อสร้างเมืองใหม่จัดเอ็กซโปท่าเรือยอชท์ ยิ่งใหญ่อลังการไปได้ยังไง ??

การหาเสียงในประเด็นผิดในสาระสำคัญหลอกลวงให้หลงเชื่อ เป็นคนละเรื่องกับ 300 บาททำได้ทันที-หรือไม่ทำทันทีที่ปชป.เคยขยับจะร้อง กกต.มารอบนึงแล้ว

นี่ใช่การหลอกลวงเพื่อให้ได้คะแนนเสียงหรือไม่ ? นี่เป็นความผิดตามมาตรา 53 ของกฏหมายเลือกตั้งแล้วหรือไม่ ? และหากผิดจริง-ฐานะกรรมการบริหารพรรคและรองหัวหน้าพรรคจะนำไปสู่ปัญหาอื่น ๆ ตามมาแค่ไหนอย่างไร?

อันที่จริงเรื่องนี้ยังไม่มีคนร้องหรอกครับ แต่ความจริงก็หนีความจริงไม่ได้ ยังไง ๆ ก็ต้องมีคนร้องเรียนเข้าสักวัน !

เขียนทำนายถึงปลอดประสพก่อนล่วงหน้าเพื่อให้เข้ากับกรณีจตุพรที่ยังไง ๆ ไม่มีทางได้ตำแหน่งรัฐมนตรีเพราะปากที่ปราศรัย 10 เมษายน ส่วนกรณีสมมติมีมือดีร้องเรียนเอาผิด ก็อย่าโทษใครเลยโทษปากที่ว่าไปเรื่อยกลางเดือนมิถุนายนของตัวเองนั่นแหละ

สมมติว่ามันลามเหมือนกรณีคลิปยุทธ ตู้เย็นเรียกหัวคะแนนเชียงรายขึ้นเครื่องบินเข้ากรุงก็อย่าได้โทษใครคนอื่นเขาเลย เพราะว่าไม่มีใครกลั่นแกล้งบังคับให้ท่านรองหัวหน้าพรรคผู้ดูแลนโยบายหาเสียงง้างปากพูดสักคน

ป.ล.ท่านผู้ใดอยากฟังคำพูดของคุณปลอด(ที่อาจจะมีผลต่อรัฐบาลยิ่งลักษณ์) โดยตรงลองเข้าไปดูคลิปที่ http://news.voicetv.co.th/thailand/12108.html แต่หากดูไม่ได้จริง ๆ ให้ถามมาเพราะก็มีคนก๊อปปี้ไว้เรียบร้อยแล้ว หุหุ
กำลังโหลดความคิดเห็น