xs
xsm
sm
md
lg

ดอกส้มสีทองกับเรตติ้งใหม่

เผยแพร่:   โดย: พระบาท นามเมือง

ในที่สุดดอกส้มสีทองก็ได้รับเรตติ้งใหม่สำหรับผู้ชมอายุตั้งแต่ ๑๘ ปีขึ้นไป หลังจากที่เคยได้รับสำหรับผู้ชมตั้งแต่อายุ ๑๓ ปีขึ้นไป

นอกจากนี้กระทรวงวัฒนธรรมยังใช้กระแสดอกส้มสีทองที่กำลังโหมดังอยู่ขณะนี้ เสนอให้มีการจัดและปรับเรตติ้งละครและภาพยนตร์ไทยเสียใหม่โดยให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน

นั่นหมายความว่า จะมีการล้อมคอกหลังวัวหายเป็นการใหญ่ เพื่อให้เมืองไทยสามารถควบคุมสื่อประเภทละครโทรทัศน์และภาพยนตร์ฉายในโทรทัศน์เสียใหม่ โดยมีการเสนอรวมกับการจัดช่วงเวลาให้เหมาะกับเนื้อหาของละครเข้าไปด้วย

ครับ ก็อ้างว่าเพื่อเป็นการคุ้มครองเด็กๆ นั่นแหละครับ

นักวิชาการที่เคยร่วมกันผลักดันเรตติ้งสื่อต่างๆ ก็เห็นว่าการกำหนดเวลาให้เหมาะสมอย่างเช่น น.๑๘ ขึ้นไป ก็ควรฉายหลัง ๔ ทุ่มครึ่ง ส่วน ฉ.๒๐ ที่ว่าให้ฉายหลังเที่ยงคืนเป็นเรื่องเดียวที่ไม่สามารถบังคับใช้ได้ ทั้งนี้ก็อ้างอิงจากการวิจัยจากต่างประเทศมาแล้ว

สำหรับละครดอกส้มสีทอง มาอื้อฉาวเพราะเป็นเรื่องของ “หญิงหลายผัว” ซึ่งสังคมไทยถือมากว่าเป็นสิ่งไม่ดี ต่างไปจากค่านิยม “ชายมากเมีย” ที่เห็นว่าเป็นเรื่องธรรมดา ดังจะเห็นได้ว่า ในละครเรื่อง “มงกุฎดอกส้ม” ซึ่งเป็นภาคแรกของดอกส้มสีทอง ซึ่งเป็นเรื่องของเจ้าสัวเชวสือเกียงผู้มีมากเมียในคฤหาสน์ใหญ่โตไม่ได้เป็นเรื่องฮือฮาเหมือนเรื่องหญิงมากผัวในดอกส้มสีทอง และไม่มีคำคัดค้านในสังคมไทยหรือจากกระทรวงวัฒนธรรมไทย

ข้อน่าสังเกตอีกอย่างหนึ่งก็คือ ละครโทรทัศน์เรื่อง ดวงตาสวรรค์ ซึ่งก็ไม่เก่านัก ตัวละครนางเอกอย่างคัทลียา อิงลิช เล่นเป็นนางเอกก็มีหลายผัว และเล่นได้ดีสมบทบาท น่าจะอื้อฉาว มีฉากรักมากเช่นกัน อาจจะอื้อฉาวมากเท่าดอกส้มสีทอง แต่ดวงตาสวรรค์กลับไม่ได้ถูกวิพากษ์วิจารณ์หนักมากเท่า เหตุผลหนึ่งก็เพราะเรตติ้งละครไม่ดีเท่าดอกส้มสีทองก็เป็นได้

จะเห็นได้ว่า กระทรวงวัฒนธรรมเอาแน่เอานอนไม่ได้ และหน่วยงานที่เรียกว่า ฝ่ายเฝ้าระวังทางวัฒนธรรมนั้นไม่ได้ทำหน้าที่อะไรเลย นอกจากดูและฮือฮาไปตามกระแสสื่อมวลชนเท่านั้น

ผู้เขียนอยากจะพูดเรื่องกระทรวงวัฒนธรรมเสียหน่อยว่า เป็นกระทรวงที่สุดจะอนุรักษ์นิยมและตีกรอบการทำงานในเชิงปกป้องอนุรักษ์วัฒนธรรมแบบโบราณเก่าแก่ โดยไม่ทำอะไรในเชิงสร้างสรรค์ก้าวหน้าที่มองความทันสมัยในเชิงวัฒนธรรมสมัยใหม่เอาเสียเลย

การตีกรอบว่าวัฒนธรรมคือการอนุรักษ์ประเพณีและขนบแบบโบราณ เป็นการตั้งรับขนบที่ย่ำเท้าอยู่กับที่ ทำให้เราไม่เข้าใจคำว่าวัฒนธรรมในความหมายที่เป็นจริง

ทุกประเทศเขารู้จักวัฒนธรรมในฐานะเป็นวิถีชีวิตของพลเมืองแบบที่เป็นอยู่จริง มันรวมถึงศิลปะหลากหลายแขนงที่ร่วมสมัย และเป็นศิลปะเชิงรุกไม่ใช่การตั้งรับ หรือการจับผิดเฝ้าระวังแบบที่กระทรวงวัฒนธรรมชอบกระทำกัน

ดังนั้น ประเทศที่เจริญแล้วเขาจึงส่งเสริมวัฒนธรรมร่วมสมัย โดยเฉพาะส่งเสริมวัฒนธรรมที่เป็นศิลปะเพื่อประชาชน เช่น ภาพยนตร์ การแสดงละครสมัยใหม่ ฯลฯ และศิลปะร่วมสมัยต่างๆ ที่มีประชาชนนิยมเพื่อแสดงวัฒนธรรมให้ชาวต่างชาติรู้จักกัน

กระทรวงวัฒนธรรมที่เขาเจริญ เขาไม่มีหน้าที่เข้ามาแทรกแซงละครทีวีมากเท่ากระทรวงวัฒนธรรมแบบไทยทำหรอกครับ ส่วนเรตติ้งก็ใช่ว่าเป็นเรื่องที่จะปรับเปลี่ยนไปตามกระแสฮือฮาหรือทำกันแบบวัวหายแล้วล้อมคอกกันทีหนึ่งแบบนี้

อีกอย่างหนึ่ง เรื่องการควบคุมอายุผู้ดูนั้น สังคมในต่างประเทศนั้น ครอบครัวต่างประเทศเขามีวินัย และการเลี้ยงดูเขามีระเบียบและการปกครองที่เจริญกว่าเรามาก และเด็กๆ ของเขาก็รู้จักการปกครองตนเอง รู้ว่าอะไรคือการควบคุมตัวเอง และอะไรควรดู อะไรไม่ควรดู แม้กระทั่งรายการไหนเขาไม่ควรดูเขาก็ไม่ดู

สำหรับการทำเรตติ้งใหม่นี้ มีการอ้างกันว่า ผู้ผลิตละครสามารถผลิตละครได้หลากหลายขึ้น ผมก็ว่ามันไม่จริงเสมอไป ไม่ใช่ว่าละครประเภทดราม่าที่สะท้อนสังคมแบบดอกส้มสีทองจะหมดไปหรอกครับ

“ผู้ผลิตบางคนก็อยากทำละครแนวครอบครัว ก็สามารถนำมาฉายช่วงเย็น เป็นทางเลือกได้หรือผู้ผลิตอีกกลุ่มหนึ่งที่อยากผลิตละครสำหรับผู้ใหญ่ในช่วงหลังข่าว ก็ทำได้หากเนื้อหาไม่ล่อแหลมไป” นี่เป็นความคิดของนักวิชาการบางคน

แต่ผู้เขียนเห็นว่า ค่านิยมบางประเภทในสังคมไทย โดยเฉพาะที่ “ต้องห้าม” ทั้งหลายนั้น เป็นแค่ค่านิยมประเภทมือถือสากปากถือศีลเท่านั้นและฮือฮาเป็นครั้งคราวเท่านั้น แต่ความรุนแรงอื่นๆ ทางสังคมที่สะท้อนออกในละครโทรทัศน์ เช่น การกดขี่ทางสังคมหรือการทารุณกรรม การดูถูกเหยียดหยามและพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมอื่นๆ ที่แสดงออกในละครโทรทัศน์ ยังมีอีกมาก เพียงแต่มันยัง “ไม่เป็นประเด็น” ที่สังคมหรือสื่อมวลชนจับมาวิพากษ์วิจารณ์กันเท่านั้น

ปรากฏการณ์ ดอกส้มสีทอง กับ มงกุฎดอกส้ม แค่สองเรื่องนี้ก็สะท้อนให้เห็นถึงการเลือกปฏิบัติที่แตกต่างกันของค่านิยมระหว่างชายมากเมียกับหญิงมากผัวในสังคมไทย และการเลือกปฏิบัติดูถูกเพศแม่อย่างโจ่งแจ้ง การไม่ทัดเทียมกันนี้แสดงถึงการกดขี่ทางเพศที่ออกอาการมือถือสากปากถือศีลที่ชัดเจนที่สุด

เป็นอาการในแบบหนึ่งของหลายๆอาการที่เรามักจะพบในสังคมไทยที่เรายอมเอาหูไปนาเอาตาไปไร่นั่นแหละครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น