สหายสุดเขตคนนี้ไม่เกี่ยวกับ สหายสุดเขต - สมคิด สิงสง ผู้แต่งเพลงคนกับควาย
สหายสุดเขตคนที่ว่าได้ดิบได้ดีเป็นถึง ส.ส. ลำพูน มีชื่อว่า สงวน พงษ์มณี คนซึ่งกำลังเป็นข่าวต่อเนื่อง
ตอนเข้าป่าไม่ได้เป็นละอ่อนหน้าใสเหมือนสหายนักศึกษาในเขตงาน 7 (ผาจิ พะเยา) หรือเขตงาน 8 (ดอยยาว ผาหม่น เชียงราย) เพราะสหายสุดเขตเกิดเมื่อ 2487 เป็นครูประชาบาลที่โรงเรียนหนองตอง อ.หางดง เชียงใหม่ถูกจัดตั้งอยู่ในองค์กร ‘กลุ่มครูประชาบาลเพื่อประชาชน’ ซึ่งต้นสายธารมาจากนักกิจกรรม ม.ช. กลุ่มวลัญทัศน์ที่จบการศึกษาไปเป็นครู ประกอบกับสายงานจัดตั้งในพรรคสังคมนิยม ‘กลุ่มครูประชาบาลเพื่อประชาชน’ จึงมีบทบาทขึ้นมาในยุคหลังเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516
หลังเหตุการณ์ 6 ตุลา 19 สหายสุดเขตเข้าป่าไปค้างอยู่สำนัก 65 อยู่พักหนึ่งแล้วเข้าเขตงาน 8 เชียงราย ต่อจากนั้นก็เข้าศูนย์กลางการเรียนที่โรงเรียนการเมือง 7 สิงหาฯ ในเขตงาน 7 (ผาจิ พะเยา)
หลังป่าแตก สหายสุดเขต เข้าเมืองกลับมาใช้ชื่อ สงวน พงษ์มณี อย่างเก่า - หางานโน่นนี่ทำ ไปทำไม้อยู่ชายแดนพักใหญ่ ต่อมาก็เป็นผู้จัดการสนามกอล์ฟแห่งหนึ่งในลำพูน
ยุคหลังป่าแตก บรรดาสหายเก่าเขตงานภาคเหนือมีการพบปะกันต่อเนื่องจนได้จัดตั้งองค์กรที่เรียกว่า ‘พันธมิตร19’ ขึ้นมา ในการพบปะกันนัดหนึ่งสหายสุดเขตขอเป็นเจ้าภาพเชิญเพื่อนพ้องไปประชุมกันที่สนามกอล์ฟ จนทำให้เพื่อนบางส่วนสงสัยว่าสหายคนนี้หันไปคบทหารรับใช้อำมาตย์ เพราะคนวงในรู้กันว่าเป็นสนามกอล์ฟที่ ‘บิ๊กซัน’ ผู้เปล่งบารมีในยุคนั้นมีเอี่ยว
สงวน พงษ์มณี เริ่มมีชื่อในวงการธุรกิจจังหวัดลำพูนในช่วงปี 2530 เป็นต้นมา อาศัยสายสัมพันธ์ที่ดีกับนักการเมืองในท้องถิ่น จนที่สุดได้เป็น ส.ส.ร.ลำพูน ในช่วงปฏิรูปการเมืองครั้งแรก อันเป็นกระดานหกให้เข้ามาอยู่ชายคาพรรคไทยรักไทยในที่สุด
อันที่จริงยุคที่พรรคไทยรักไทยเริ่มก่อตั้ง ได้มีการดึงสหายเก่าที่เคยมีบทบาทสูงในเขตงานภาคเหนือเข้ามาร่วมงานจำนวนมาก อาทิ เดอะตุ๊ก-ผดุงศักดิ์ พื้นแสน, นเรศน์ สุมาลี โดยดึงเพื่อนพ้องสหายจัดตั้งในสถาบันการศึกษา ทั้งเทคโนพายัพฯ และ ว.ค.เชียงใหม่เข้ามาร่วมทีมอีกหลายสิบชีวิต
สถานะของสหายเก่าในพรรคยุคก่อตั้งสูงมากเพราะถือเป็นทีมกุนซือและทีมทำงานหลัก เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ขึ้นมาเป็นผ.อ.ภาคเหนือ ลงสมัครครั้งแรกในเขต 2 เชียงใหม่ แกนทำงานสหายเก่าต้องจัดคนประกบช่วยงานโดยเฉพาะ นเรศน์ สุมาลี ที่เป็นเสมือนเงาตามตัวเจ๊แดง เพราะเจ๊แดงในยุคนั้นเป็นละอ่อนการเมืองขนาดที่พูดต่อหน้ามวลชนยังไม่เป็น ยังไม่มีบารมีเช่นทุกวันนี้
แต่สงวน พงษ์มณี ไม่ได้อยู่ในเครือข่ายทีมทำงานสหายเก่า เข้าพรรคมาในเส้นส.ส.ร. และต้องต่อสู้กับว่าที่ผู้สมัครลำพูนอีกหลายคน
สหายเก่าคนหนึ่งเล่าว่า บรรยากาศในการหารือกันยุคแรก ๆ ทีมงานทั้งหลายก็จะนั่งเก้าอี้ระนาบเดียวกับเจ๊แดง แต่สำหรับ สงวน พงษ์มณี กลับแตกต่างไปเพราะสหายสุดเขตกลับนั่งพับเพียบกับพื้นใกล้กับเจ๊แดง และเรียกขานว่า “นาย” ทุกคำ
เหตุการณ์นี้เป็นเรื่องเล่าขวัญกันในหมู่สหายต่อเนื่องหลายปีเพราะสหายสุดเขตนั้นอายุมากกว่าเจ๊แดงเกือบรอบ !
เอาเป็นว่าสหายสุดเขตก็ได้เป็นส.ส.ต่อเนื่อง จากไทยรักไทย สู่พลังประชาชนและเพื่อไทยในปัจจุบัน
เส้นทางการเมืองของสหายสุดเขตไม่ได้รับการหนุนเสริมจากเครือข่ายสหายมากนัก เพราะอันที่จริงพันธมิตร 19 องค์กรบรรดาพี่น้องเขตงานภาคเหนือก็มีความคิดทางการเมืองแยกกันเป็นสองสามสายมาก่อนแล้ว อย่างเมื่อปี 2549 ในงานศพของอี๊ด-ไกรวุฒ ศิรินุพงศ์ พี่ใหญ่ของเพื่อนพ้องเขตงานภาคเหนือซึ่งบังเอิญตรงกับวันชุมนุมใหญ่ลานพระรูปที่ สนธิ ลิ้มทองกุล นำเดี่ยว ในวันนั้นสหายส่วนหนึ่งก็แยกมาร่วมกับคนเสื้อเหลือง ส่วนฝ่ายที่เข้าช่วยงานพรรคไทยรักไทยเดิมก็แตกกระสานซ่านเซ็น อนาคตการเมืองของส.ส. สงวน พงษ์มณี จึงขึ้นกับกระแสของทักษิณ ชินวัตรเป็นหลัก หาใช่ปัจจัยอื่นใดเลย
การเลือกตั้งปีปลายปี 50 พลังประชาชนยกทีม 3 คนที่ลำพูนก็จริงแต่สหายสุดเขตในนาม สงวน พงษ์มณี มารั้งท้ายแบบที่ทีมงานพรรคต้องเร่งขอคะแนนคนลำพูนให้เลือกยกพรรคช่วยทักษิณ จุดอ่อนของสงวน พงษ์มณี คือเสียงในพื้นที่ถดถอย
การเลือกตั้งซ่อมแทนอนุสรณ์ วงษ์วรรณ เมื่อมกราคมที่ผ่านมาซึ่ง ขยัน วิพรหมชัย จากประชาธิปัตย์เอาชนะ เพชรวรรต วัฒนพงศศิริกุล ปรากฏคะแนนของประชาธิปัตย์หลักแสนขึ้น
เทียบคะแนนของสงวน พงษ์มณี ที่ได้ล่าสุดเมื่อปี 50 ได้แค่ 9 หมื่น
จึงดูเหมือนว่าตั้งแต่มกราคมมานี้ สหายสุดเขตจะเร่งสปีดตัวเองมากขึ้นเพราะมีสัญญาณอันตรายจากเลือกตั้งซ่อม เช่นกำลังจะเป็นแม่งานใหญ่จัดพิธีทำบุญแซยิดทักษิณ ชินวัตร ที่วัดพระธาตุหริภุญไชย ในวันที่ 26 กรกฎาคมที่จะถึงโดยจะดึงมวลชนจากภาคเหนือตอนบนมาไว้ที่เดียวกันเป็นงานใหญ่ที่เอิกเกริก
ในวันงานสหายสุดเขต จะได้พบปะกับมวลชนคนเสื้อแดงอย่างอบอุ่น
น่าสนใจอย่างยิ่งว่าสหายสุดเขตจะพูดกับมวลชนเสื้อแดงอย่างไร เพราะก่อนหน้านี้ได้ให้สัมภาษณ์ว่าสงครามประชาชนเริ่มแล้ว ! ต่อจากนั้นล่าสุดเพิ่งให้สัมภาษณ์หนุนหลังแดงถ่อยเชียงใหม่ที่ยกกำลังไปปิดล้อมโรงพักภูพิงค์เพราะแกนนำถูกจับอาวุธปืนที่สนามบินรุ่งขึ้นก็ไปขว้างประทัดยักษ์ที่หอประชุมม.ช.บอกว่ารัฐบาลเดินทางไปราชการแบบหาเรื่องไปสร้างความขัดแย้งเอง
ท่าทีของสหายสุดเขต ต่างจาก สหายสุภาพ-จาตุรนต์ ฉายแสง แบบหน้ามือหลังมือ เพราะสหายสุภาพขออย่าให้เสื้อแดงใช้วิธีถ่อยอันธพาล ประท้วงให้อยู่ในกรอบ
ไหน ๆ ก็ไหน ๆ ขอยุส่งอีกสักแรง !!!!!
สหายสุดเขต น่าจะใช้โอกาสในวันงานแซยิดบอกกับมวลชนเสื้อแดงให้ชัดไปเลยว่า อย่าได้ไปเชื่อสหายสุภาพ เพราะสงครามประชาชนที่สหายสุดเขตต้องการหมายถึง การพกปืนไปบุกสนามบิน ไปทุบรถตำรวจ ไปขว้างอิฐใส่เบ้าตาเจ้าหน้าที่ ไปขว้างประทัดยักษ์แสดงฤทธิ์กลางถนน ไปไล่ล่าฆ่าคน
แล้วสหายสุดเขตก็รอลุ้นเอาเองว่ามีมวลชนเสื้อแดงเอาด้วยสักกี่มากน้อย...ถ้ามีมากเผลอ ๆ สหายสุดเขตก็จะยกฐานะเป็นแม่ทัพใหญ่ประกาศสงครามประชาชน....ให้เลื่องลือ(ก)ระบือไกล !!!