อนุกรรมการสอบเหตุการณ์ที่แยกดินแดน เชิญ “ดีเอสไอ-แม่-เพื่อนพลทหารอภินพ” แจงเหตุการเสียชีวิต ถูกอนุกรรมการฟากเพื่อไทยซักหนัก ตั้งข้อสังเกตการณ์เสียชีวิต จนเกิดข้อถกเถียง เมื่อนายทหารพระธรรมนูญเข้าร่วมรับฟัง จนต้องเปิดประชุมลับห้ามคนนอกร่วม สุดท้ายกลับไม่ได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์ หลังนายทหารรับใช้ ยันพลทหารอภินพ ลื่นล้มเสียชีวิตเอง ทั้งไม่เคยมีเรื่อง ขณะที่เจ้าของรถแก๊สต้นเหตุ ยันไม่เกี่ยวกับสยามแก๊ส
วันนี้ (29 พ.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น.ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะอนุกรรมการรวบรวมเหตุการณ์ที่บริเวณดินแดง มี พล.ต.ต.สุเทพ สุขสงวน ส.ว.สรรหา เป็นประธาน โดยที่ประชุมได้เชิญ เจ้าหน้าที่จากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นางศิริมนต์ มาเพชร มารดา พลทหารอภินพ เครือสุข พลทหารธงชัย สิมมา ทหารคนรับใช้ มาชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสาเหตุการเสียชีวิตของพลทหารอภินพ ภายในบ้านพักแม่ทัพภาคที่ 1 กรมทหารราบที่ 1 ร.อ.
ทั้งนี้ อนุกรรมการฟากเพื่อไทย โดยเฉพาะ นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล ส.ส.แพร่ ต่างตั้งข้อสังเกตและได้ซักถามมารดาพลทหารอภินพ ในประเด็นต่างๆ อาทิ พลทหารอภินพ มีโรคประจำตัวหรือไม่ มีการเร่งรัดให้รีบเผาศพหรือไม่ และระหว่างการเคลื่อนย้าย หรือส่งมอบศพจากโรงพยาบาล อยู่กับผู้ตายตลอดหรือไม่ นอกจากนี้ นพ.ชลน่าน ยังได้ตั้งข้อสังเกตถึงการส่งเอสเอ็มเอส ไปยังแฟนผู้ตาย ที่มีข้อความ ว่า นายกฯ ได้เดินทางมายังบ้านพักแม่ทัพภาคที่ 1 นั้น เป็นสาเหตุหนึ่งของการถูกทำร้ายหรือไม่ และคนที่เคยผ่านการเกณฑ์ทหาร ได้ลื่นล้มในห้องน้ำจนเสียชีวิตได้อย่างไร จึงอยากฝากให้ ดีเอสไอ รับไว้พิจาณาด้วย
นางศิริมนต์ ชี้แจงว่า พลทหารอภินพ ไม่มีโรคประจำตัว เพราะก่อนที่จะมาเป็นทหารรับใช้ ก็สามารถขนของขึ้นภู ที่จังหวัดบ้านเกิดได้ไม่มีปัญหา แข็งแรงดี และก่อนที่จะมาเป็นทหารรับใช้ ก็มีการตรวจร่างกายมาเป็นอย่างดี ส่วนกรณีที่มีการเร่งรัดเพื่อเผาศพนั้น ยอมรับว่า มีทหารจากจากจังหวัดปราจีนบุรี แต่ไม่รู้จักชื่อ และยศ โทรศัพท์ มาหาตนว่า ได้ทำการเผาศพหรือยัง ขณะที่การเคลื่อนย้ายศพ ยอมรับว่า ตนไม่ได้อยู่กับศพตลอดเวลา
ทั้งนี้ ระหว่างที่ประชุม เรียก พลทหารธงชัย ซึ่งเป็นพลทหารรับใช้ 1 ใน 3 คน มาชี้แจงต่อคณะอนุกรรมการนั้น ได้มีนายทหารพระธรรมนูญ จำนวน 3 นาย นำโดย พ.อ.วีระพันธ์ ปูรณะโชติ ได้ติดตามมายังที่ประชุมด้วย จนเป็นเหตุให้ นายวรวัจน์ ประท้วงว่า การนำพลทหารธงชัย มาชี้แจง เป็นไปตามอำนาจของฝ่ายนิติบัญญัติ และไม่ใช่การสอบสวนผู้ต้องหาที่ต้องโทษในอาญา จึงอยากให้พลทหารธงชัย ได้ชี้แจงอย่างอิสระ โดยไม่มีนายทหารพระธรรมนูญ ขณะที่ฝ่ายทหารพระธรรมนูญ ต่างก็ไม่ยอม และยืนยันว่า เป็นหน้าที่ และได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชา ที่จะต้องร่วมรับฟังด้วย
ทำให้ นายวรวัจน์ ได้กล่าวตัดบทว่า เนื่องจากประเด็นการตายมีเงื่อนงำเยอะมาก ที่ต้องถามพลทหารธงชัย อย่างถี่ถ้วน จึงขอให้ที่ประชุมมีการประชุมลับ ที่ประชุม รวมถึงนายทหารพระธรรมนูญ ก็เห็นชอบร่วมกัน เป็นเหตุให้ผู้สื่อข่าว ผู้ติดตาม รวมถึงญาติพลทหารอภินพ ต้องลุกเดินออกจากห้อง
หลังการประชุมลับกว่า 20 นาที พล.ต.ต.สุเทพ สุขสงวน ส.ว.สรรหา ในฐานะประธานที่ประชุม เปิดเผยว่า การซักถามพลทหารธงชัยในที่ประชุมลับ ยอมรับว่า ไม่เป็นประโยชน์ต่อข้อสงสัยของคณะอนุกรรมการมากนัก เพราะ พลทหารธงชัย ยืนยันแต่เพียงว่า พลทหารอภินพ ลื่นล้มในห้องน้ำจริง หลังพลทหารอภินพ ลื่นหกล้ม และมานอนยังที่นอน ก็บ่นว่า ปวดหัว และพลทหารธงชัย จึงไปซื้อยาแก้ปวดมาให้กินจำนวน 2 เม็ดก็เท่านั้น ขณะที่ข้อสงสัยเกี่ยวกับการลื่นล้ม พลทหารธงชัย ก็ระบุว่า ห้องน้ำอยู่ระหว่างการปรับปรุง จึงมีคนงานซ่อมห้องน้ำ มาร่วมใช้ด้วยจำนวนมาก จนเกิดคราบสบู่ ทำให้ลื่นล้มได้ ส่วนเรื่องคราบเลือดที่ปลอกหมอน ที่พบว่าเป็นคนละคนกับพลทหารอภินพนั้น พลทหารธงชัย ก็ยืนยันว่า ไม่มีการทะเลาะ หรือทำร้ายกัน ทั้งนี้ ในการประชุมครั้งต่อไป คณะอนุกรรมการจะเชิญ พลทหารแสงเพชร สารีพันธุ์ พลทหารรับใช้ ที่ปลดประจำการไป มาให้ข้อมูลในข้อสงสัยต่างๆ ของคณะอนุกรรมการต่อไป
ต่อมาช่วงบ่ายอนุกรรมการได้เชิญนายเอกภพ ธนาดำรงศักดิ์ กรรมการบริษัท แสงอรุณ ทรานซ์สปอร์ต เจ้าของรถแก๊ส และนายสมภพ โมลิศพีรีย์ พนักงานขับรถ บริษัทแสงอรุณฯ เข้าชี้แจง โดยนายสมภพกล่าวยอมรับว่า เป็นผู้ขับรถแก๊สทั้ง 2 คัน แต่เป็นการขับต่างเวลากัน โดยได้นำรถทั้ง 2 คันมาเติมแก๊สที่คลังสยามแก๊ส ถนนพระราม 3 ก่อนนำมาจอดไว้ที่ปั๊มแก๊สบริเวณถนนอโศก แต่ถูกกลุ่มผู้ชุมนุมจำนวนหนึ่งใช้อาวุธข่มขู่เพื่อจะขอรถแก๊สไปยังบริเวณจุดที่ชุมนุม มาทราบทีหลังว่าคันหนึ่งไปอยู่บริษัท คิงส์พาวเวอร์ และอีกคันอยู่ที่สามเหลี่ยมดินแดง
ขณะที่นายเอกภพกล่าวยืนยันว่า ทางบริษัทฯไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทสยามแก๊ส เพราะเราเป็นเพียงลูกค้าที่รับส่งแก๊สจากบริษัทสยามแก๊สนำไปส่งลูกค้าเท่านั้น ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ทางการเมือง ส่วนที่มีความเข้าใจก่อนหน้านี้ว่ารถคันหนึ่งไม่มีแก๊ส เพราะตามคิวแล้วรถคันหนึ่งยังไม่ถึงคิวเติมแก๊ส จึงได้ประสานกับทาง จส.100 ไปว่ารถอีกคันไม่มีแก๊ส แต่เพิ่งมาทราบทีหลังว่านายสมภพได้เติมแก๊สทั้ง 2 คัน ซึ่งไม่ได้เป็นเรื่องผิดปกติ เพราะทางบริษัทได้ให้สิทธิพนักงานเป็นคนจัดคิวรถอยู่แล้ว ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าทำไมรถแก๊สจึงสามารถเข้าไปจอดที่หน้า บริษัทคิงส์พาวเวอร์ได้นั้น มาทราบภายหลังว่าผู้ชุมนุมที่ขับรถคันดังกล่าว ได้นำรีโมทขึ้นมาขู่ว่าจะกดปุ่มระเบิด ทำให้รปภ.ของ บ.คิงส์พาวเวอร์ ต้องยอมปล่อยให้รถผ่านเข้าไป ส่วนอีกคันที่ถูกนำไปจอดสามเหลี่ยมดินแดง ตรวจสอบพบว่ามีการปล่อยแก๊สไปประมาณ 1,000 กิโลกรัม หรือ 1,800 ลิตร ซึ่งถือว่าเป็นปริมาณที่มาก สามารถเติมรถยนต์ได้ร้อยกว่าคัน ทั้งหมดนี้ทางบริษัทได้แจ้งความไว้เป็นหลักฐานหมดแล้ว
วันนี้ (29 พ.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น.ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะอนุกรรมการรวบรวมเหตุการณ์ที่บริเวณดินแดง มี พล.ต.ต.สุเทพ สุขสงวน ส.ว.สรรหา เป็นประธาน โดยที่ประชุมได้เชิญ เจ้าหน้าที่จากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นางศิริมนต์ มาเพชร มารดา พลทหารอภินพ เครือสุข พลทหารธงชัย สิมมา ทหารคนรับใช้ มาชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสาเหตุการเสียชีวิตของพลทหารอภินพ ภายในบ้านพักแม่ทัพภาคที่ 1 กรมทหารราบที่ 1 ร.อ.
ทั้งนี้ อนุกรรมการฟากเพื่อไทย โดยเฉพาะ นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล ส.ส.แพร่ ต่างตั้งข้อสังเกตและได้ซักถามมารดาพลทหารอภินพ ในประเด็นต่างๆ อาทิ พลทหารอภินพ มีโรคประจำตัวหรือไม่ มีการเร่งรัดให้รีบเผาศพหรือไม่ และระหว่างการเคลื่อนย้าย หรือส่งมอบศพจากโรงพยาบาล อยู่กับผู้ตายตลอดหรือไม่ นอกจากนี้ นพ.ชลน่าน ยังได้ตั้งข้อสังเกตถึงการส่งเอสเอ็มเอส ไปยังแฟนผู้ตาย ที่มีข้อความ ว่า นายกฯ ได้เดินทางมายังบ้านพักแม่ทัพภาคที่ 1 นั้น เป็นสาเหตุหนึ่งของการถูกทำร้ายหรือไม่ และคนที่เคยผ่านการเกณฑ์ทหาร ได้ลื่นล้มในห้องน้ำจนเสียชีวิตได้อย่างไร จึงอยากฝากให้ ดีเอสไอ รับไว้พิจาณาด้วย
นางศิริมนต์ ชี้แจงว่า พลทหารอภินพ ไม่มีโรคประจำตัว เพราะก่อนที่จะมาเป็นทหารรับใช้ ก็สามารถขนของขึ้นภู ที่จังหวัดบ้านเกิดได้ไม่มีปัญหา แข็งแรงดี และก่อนที่จะมาเป็นทหารรับใช้ ก็มีการตรวจร่างกายมาเป็นอย่างดี ส่วนกรณีที่มีการเร่งรัดเพื่อเผาศพนั้น ยอมรับว่า มีทหารจากจากจังหวัดปราจีนบุรี แต่ไม่รู้จักชื่อ และยศ โทรศัพท์ มาหาตนว่า ได้ทำการเผาศพหรือยัง ขณะที่การเคลื่อนย้ายศพ ยอมรับว่า ตนไม่ได้อยู่กับศพตลอดเวลา
ทั้งนี้ ระหว่างที่ประชุม เรียก พลทหารธงชัย ซึ่งเป็นพลทหารรับใช้ 1 ใน 3 คน มาชี้แจงต่อคณะอนุกรรมการนั้น ได้มีนายทหารพระธรรมนูญ จำนวน 3 นาย นำโดย พ.อ.วีระพันธ์ ปูรณะโชติ ได้ติดตามมายังที่ประชุมด้วย จนเป็นเหตุให้ นายวรวัจน์ ประท้วงว่า การนำพลทหารธงชัย มาชี้แจง เป็นไปตามอำนาจของฝ่ายนิติบัญญัติ และไม่ใช่การสอบสวนผู้ต้องหาที่ต้องโทษในอาญา จึงอยากให้พลทหารธงชัย ได้ชี้แจงอย่างอิสระ โดยไม่มีนายทหารพระธรรมนูญ ขณะที่ฝ่ายทหารพระธรรมนูญ ต่างก็ไม่ยอม และยืนยันว่า เป็นหน้าที่ และได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชา ที่จะต้องร่วมรับฟังด้วย
ทำให้ นายวรวัจน์ ได้กล่าวตัดบทว่า เนื่องจากประเด็นการตายมีเงื่อนงำเยอะมาก ที่ต้องถามพลทหารธงชัย อย่างถี่ถ้วน จึงขอให้ที่ประชุมมีการประชุมลับ ที่ประชุม รวมถึงนายทหารพระธรรมนูญ ก็เห็นชอบร่วมกัน เป็นเหตุให้ผู้สื่อข่าว ผู้ติดตาม รวมถึงญาติพลทหารอภินพ ต้องลุกเดินออกจากห้อง
หลังการประชุมลับกว่า 20 นาที พล.ต.ต.สุเทพ สุขสงวน ส.ว.สรรหา ในฐานะประธานที่ประชุม เปิดเผยว่า การซักถามพลทหารธงชัยในที่ประชุมลับ ยอมรับว่า ไม่เป็นประโยชน์ต่อข้อสงสัยของคณะอนุกรรมการมากนัก เพราะ พลทหารธงชัย ยืนยันแต่เพียงว่า พลทหารอภินพ ลื่นล้มในห้องน้ำจริง หลังพลทหารอภินพ ลื่นหกล้ม และมานอนยังที่นอน ก็บ่นว่า ปวดหัว และพลทหารธงชัย จึงไปซื้อยาแก้ปวดมาให้กินจำนวน 2 เม็ดก็เท่านั้น ขณะที่ข้อสงสัยเกี่ยวกับการลื่นล้ม พลทหารธงชัย ก็ระบุว่า ห้องน้ำอยู่ระหว่างการปรับปรุง จึงมีคนงานซ่อมห้องน้ำ มาร่วมใช้ด้วยจำนวนมาก จนเกิดคราบสบู่ ทำให้ลื่นล้มได้ ส่วนเรื่องคราบเลือดที่ปลอกหมอน ที่พบว่าเป็นคนละคนกับพลทหารอภินพนั้น พลทหารธงชัย ก็ยืนยันว่า ไม่มีการทะเลาะ หรือทำร้ายกัน ทั้งนี้ ในการประชุมครั้งต่อไป คณะอนุกรรมการจะเชิญ พลทหารแสงเพชร สารีพันธุ์ พลทหารรับใช้ ที่ปลดประจำการไป มาให้ข้อมูลในข้อสงสัยต่างๆ ของคณะอนุกรรมการต่อไป
ต่อมาช่วงบ่ายอนุกรรมการได้เชิญนายเอกภพ ธนาดำรงศักดิ์ กรรมการบริษัท แสงอรุณ ทรานซ์สปอร์ต เจ้าของรถแก๊ส และนายสมภพ โมลิศพีรีย์ พนักงานขับรถ บริษัทแสงอรุณฯ เข้าชี้แจง โดยนายสมภพกล่าวยอมรับว่า เป็นผู้ขับรถแก๊สทั้ง 2 คัน แต่เป็นการขับต่างเวลากัน โดยได้นำรถทั้ง 2 คันมาเติมแก๊สที่คลังสยามแก๊ส ถนนพระราม 3 ก่อนนำมาจอดไว้ที่ปั๊มแก๊สบริเวณถนนอโศก แต่ถูกกลุ่มผู้ชุมนุมจำนวนหนึ่งใช้อาวุธข่มขู่เพื่อจะขอรถแก๊สไปยังบริเวณจุดที่ชุมนุม มาทราบทีหลังว่าคันหนึ่งไปอยู่บริษัท คิงส์พาวเวอร์ และอีกคันอยู่ที่สามเหลี่ยมดินแดง
ขณะที่นายเอกภพกล่าวยืนยันว่า ทางบริษัทฯไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทสยามแก๊ส เพราะเราเป็นเพียงลูกค้าที่รับส่งแก๊สจากบริษัทสยามแก๊สนำไปส่งลูกค้าเท่านั้น ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ทางการเมือง ส่วนที่มีความเข้าใจก่อนหน้านี้ว่ารถคันหนึ่งไม่มีแก๊ส เพราะตามคิวแล้วรถคันหนึ่งยังไม่ถึงคิวเติมแก๊ส จึงได้ประสานกับทาง จส.100 ไปว่ารถอีกคันไม่มีแก๊ส แต่เพิ่งมาทราบทีหลังว่านายสมภพได้เติมแก๊สทั้ง 2 คัน ซึ่งไม่ได้เป็นเรื่องผิดปกติ เพราะทางบริษัทได้ให้สิทธิพนักงานเป็นคนจัดคิวรถอยู่แล้ว ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าทำไมรถแก๊สจึงสามารถเข้าไปจอดที่หน้า บริษัทคิงส์พาวเวอร์ได้นั้น มาทราบภายหลังว่าผู้ชุมนุมที่ขับรถคันดังกล่าว ได้นำรีโมทขึ้นมาขู่ว่าจะกดปุ่มระเบิด ทำให้รปภ.ของ บ.คิงส์พาวเวอร์ ต้องยอมปล่อยให้รถผ่านเข้าไป ส่วนอีกคันที่ถูกนำไปจอดสามเหลี่ยมดินแดง ตรวจสอบพบว่ามีการปล่อยแก๊สไปประมาณ 1,000 กิโลกรัม หรือ 1,800 ลิตร ซึ่งถือว่าเป็นปริมาณที่มาก สามารถเติมรถยนต์ได้ร้อยกว่าคัน ทั้งหมดนี้ทางบริษัทได้แจ้งความไว้เป็นหลักฐานหมดแล้ว
