“นครบาล” คุมตัวแดงถ่อย เจ้าหน้าที่การ์ดร่วมก่อเหตุบุกรุกกระทรวงมหาดไทย ทุบรถนายกฯ แถลงข่าว เจ้าตัวลั่นไม่ได้มีส่วนร่วมทุบรถ อ้างไปถึงทีหลัง ระบุเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ใช่คนเสื้อแดงเป็นคนทำ ปล่อยมุกอยากชก “ชูวิทย์” เหตุทำให้อดเที่ยว เพราะเที่ยวไล่ปิดผับ
วันนี้ (20 พ.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต.พงษ์สันต์ เจียมอ่อน รอง ผบช.น. แถลงข่าวเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.ลุมพินี ร่วมกันจับกุม นำหมายจับศาลแขวงดุสิต เลขที่ 1274/2552 ลงวันที่ 9 พ.ค.2552 เข้าจับกุมตัว นายอรุณ ฉายาจันทร์ อายุ 41 ปี ผู้ต้องหากลุ่มม็อบเสื้อแดงที่ก่อเหตุบุกรุกกระทรวงมหาดไทย และทุบรถนายกฯ เมื่อวันที่ 12 เม.ย.ที่ผ่านมา ได้ที่บริเวณหน้าสนามมวยลุมพินี ถนนพระราม 4 แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กทม. จากนั้นจึงควบคุมตัวมาสอบสวนที่ สน.ลุมพินี เบื้องเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้ง 4 ข้อหา คือ 1.ข้อหาชิงทรัพย์ 2.ข้อหาร่วมกันบุกรุกสถานที่ราชการ 3.ข้อหาหน่วงเหนี่ยวกักขัง และ 4.ข้อหาร่วมกันมีและพกพาอาวุธปืน
นายอรุณ กล่าวว่า ปกติทำงานรับจ้างทั่วไป และชอบเล่นมวย โดยจะเข้าไปเล่นมวยที่สนามมวยลุมพินีเป็นประจำ แต่ตั้งแต่วันที่ 26 มี.ค.ได้มาทำหน้าที่เป็นการ์ดวีไอพี โดยทำหน้าที่ติดตามดูแลแกนนำทุกคน เพราะหัวหน้าการ์ดเห็นว่าหน่วยก้านดี ได้รับค่าเหนื่อยจากเงินที่บริจาคจากประชาชน วันละ 500 บาท โดยรับจากหัวหน้าการ์ดอีกทอดหนึ่ง วันที่เกิดเหตุไปเป็นการ์ด นายสุพร อัตถาวงศ์ หรือแรมโบ้อีสาน แต่ไม่ได้มีส่วนร่วมในการทุบทำลายรถ
“ผมไปถึงทีหลังหลังจากมีการทุบรถแล้ว และมีคนบอกว่ามีทหารอยู่ในรถ ผมเกรงว่าทหารนายนั้นจะไม่ได้รับความปลอดภัยจึงได้พยายามเข้าช่วยเหลือทหารนายนั้นออกมา เพื่อนำไปหลังเวที และขอยึดปืนประจำตัวไว้ด้วย เพราะเกรงว่าจะมีการนำออกมายิงประชาชน แต่ผมก็คืนให้เมื่อมาถึงทำเนียบ ส่วนรถนายกฯ นั้นไม่รู้เรื่องเลย ไม่มีการแตะต้องเลย” นายอรุณ กล่าว
นายอรุณกล่าวต่อว่า ทราบว่ามีภาพปรากฏในหมายจับ ส่วนที่ยังไม่เข้ามอบตัวได้รับการประสานจากนายอุดม โปร่งฟ้า ทนายความ ว่ารอมอบตัวกันทีเดียว แต่ก็มาถูกจับกุมเสียก่อน ส่วนที่ก่อนหน้านี้มีการกล่าวอ้างว่ากลุ่มคนที่ทำไม่ใช่เสื้อแดง ตนรู้สึกเสียใจเหมือนกันที่มีการออกมากล่าวอ้างเช่นนั้น แต่ก็ยืนยันว่าไม่ใช่คนเสื้อแดงที่ทำ ถ้าเป็นคนเสื้อแดงจะไม่ทำเรื่องเช่นนั้น
“ผมเป็นคนชอบดูมวย และมีนักมวยในดวงใจหลายคน เคยคิดที่จะเป็นนักมวยแต่ชกไม่ไหว ส่วนคู่ชกที่อยากชกมากที่สุด คือ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เนื่องจากไล่ปิดผับสถานบริการจนหมด ทำให้คนส่วนใหญ่ไม่มีที่เที่ยว” นายอรุณ กล่าว
ด้าน พล.ต.ต.พงษ์สันต์ กล่าวว่า ผู้ต้องหาเป็นบุคคลตามภาพที่พนักงานสอบสวนได้ออกหมายจับไป ส่วนที่ว่าจะให้การยอมรับหรือปฏิเสธก็เป็นสิทธิของผู้ต้องหา ข้อเท็จจริงนั้นพนักงานสอบสวนจะดำเนินการ ขณะนี้ยังคงเหลือผู้ต้องหาอีก 28 รายที่อยู่ระหว่างการติดตามจับกุม
พล.ต.ต.พงษ์สันต์ เจียมอ่อน ยังกล่าวถึงการตรวจพิสูจน์ศพ พลทหารอภินพ เครือสุข อายุ 22 ปี ทหารรับใช้ของ พล.ท.คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 ซึ่งเสียชีวิตภายในบ้านพัก เมื่อวันที่ 15 เม.ย.ที่ผ่านมาว่า ได้รับรายงานจากคณะแพทย์โรงพยาบาลศิริราช ถึงสาเหตุการเสียชีวิตของพลทหารอภินพว่า ฐานกะโหลกศีรษะส่วนหลังด้านซ้ายแตกร้าว เลือดออกเหนือเยื้อหุ้มสมองชั้นหนา ด้านซ้าย จากการสอบสวนได้ข้อมูลว่า นายก รองนายกสุเทพ เข้าพักบ้านแม่ทัพภาค 1 ช่วงเวลาประมาณ 02.30-07.00 น.วันที่ 13 เม.ย.และกลับไปโดยไม่ได้กลับมาอีก พยานบุคคลที่สอบทั้งหมดมี 20 ปาก แต่ที่สำคัญ มีอยู่ 4 ปาก มีเพื่อนผู้ตาย 2 คน มารดา และแฟนสาว ก่อนตายผู้ตายได้ติดต่อกับมารดาและแฟนสาวเป็นระยะ และส่งข้อความไปยังมือถือแฟนสาว ช่วงเวลาประมาณ 09.00 น.ในวันที่ 13 เม.ย.ว่า “เมื่อคืนนายกฯ มาค้างที่บ้านแม่ทัพด้วย” กระทั่งค่ำวันที่สิบสี่ ผู้ตายยังโทร.คุยกับแฟนสาวให้ซื้อไหมญี่ปุ่น เพื่อทำสร้อยห้อยพระ แต่หลังจากนั้นประมาณ 2 ทุ่ม บอกปวดหัวและขอผ้าเช็ดตัว และประมาณ 21.00 น. เพื่อนได้ออกไปซื้อยาแก้ปวดให้ จากนั้นผู้ตายได้อาเจียน และประมาณ 21.30 น.อาเจียนอีกครั้ง แม้เพื่อนจะพยายามสอบถามว่าจะไปโรงพยาบาลหรือไม่ แต่ผู้ตายกลับปฏิเสธ ขอนอนสักครู่คงหาย กระทั่งเวลา 22.20 น.ผู้ตายได้โทร.ไปหาแฟนสาว และบอกว่าปวดหัวมากคงคุยด้วยไม่ได้ กระทั่งเสียชีวิต
“ทั้งหมดที่เกิดขึ้นสันนิษฐานว่าผู้ตายเสียชีวิตโดยผิดธรรมชาติ โดยอุบัติเหตุ ซึ่งยังไม่พบว่ามีใครทำให้ตายหรือทำให้เสียชีวิต สำนวนการสอบสวนทั้งหมดจะได้ส่งให้พนักงานอัยการต่อไป ยกเว้นเสียแต่ว่ามีผู้ใดร้องว่ามีคนทำให้ตาย จึงจะคงมีการสั่งการให้มีการสอบสวนเพิ่มเติมต่อไป” พล.ต.ต.พงษ์สันต์ กล่าว
วันนี้ (20 พ.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต.พงษ์สันต์ เจียมอ่อน รอง ผบช.น. แถลงข่าวเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.ลุมพินี ร่วมกันจับกุม นำหมายจับศาลแขวงดุสิต เลขที่ 1274/2552 ลงวันที่ 9 พ.ค.2552 เข้าจับกุมตัว นายอรุณ ฉายาจันทร์ อายุ 41 ปี ผู้ต้องหากลุ่มม็อบเสื้อแดงที่ก่อเหตุบุกรุกกระทรวงมหาดไทย และทุบรถนายกฯ เมื่อวันที่ 12 เม.ย.ที่ผ่านมา ได้ที่บริเวณหน้าสนามมวยลุมพินี ถนนพระราม 4 แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กทม. จากนั้นจึงควบคุมตัวมาสอบสวนที่ สน.ลุมพินี เบื้องเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้ง 4 ข้อหา คือ 1.ข้อหาชิงทรัพย์ 2.ข้อหาร่วมกันบุกรุกสถานที่ราชการ 3.ข้อหาหน่วงเหนี่ยวกักขัง และ 4.ข้อหาร่วมกันมีและพกพาอาวุธปืน
นายอรุณ กล่าวว่า ปกติทำงานรับจ้างทั่วไป และชอบเล่นมวย โดยจะเข้าไปเล่นมวยที่สนามมวยลุมพินีเป็นประจำ แต่ตั้งแต่วันที่ 26 มี.ค.ได้มาทำหน้าที่เป็นการ์ดวีไอพี โดยทำหน้าที่ติดตามดูแลแกนนำทุกคน เพราะหัวหน้าการ์ดเห็นว่าหน่วยก้านดี ได้รับค่าเหนื่อยจากเงินที่บริจาคจากประชาชน วันละ 500 บาท โดยรับจากหัวหน้าการ์ดอีกทอดหนึ่ง วันที่เกิดเหตุไปเป็นการ์ด นายสุพร อัตถาวงศ์ หรือแรมโบ้อีสาน แต่ไม่ได้มีส่วนร่วมในการทุบทำลายรถ
“ผมไปถึงทีหลังหลังจากมีการทุบรถแล้ว และมีคนบอกว่ามีทหารอยู่ในรถ ผมเกรงว่าทหารนายนั้นจะไม่ได้รับความปลอดภัยจึงได้พยายามเข้าช่วยเหลือทหารนายนั้นออกมา เพื่อนำไปหลังเวที และขอยึดปืนประจำตัวไว้ด้วย เพราะเกรงว่าจะมีการนำออกมายิงประชาชน แต่ผมก็คืนให้เมื่อมาถึงทำเนียบ ส่วนรถนายกฯ นั้นไม่รู้เรื่องเลย ไม่มีการแตะต้องเลย” นายอรุณ กล่าว
นายอรุณกล่าวต่อว่า ทราบว่ามีภาพปรากฏในหมายจับ ส่วนที่ยังไม่เข้ามอบตัวได้รับการประสานจากนายอุดม โปร่งฟ้า ทนายความ ว่ารอมอบตัวกันทีเดียว แต่ก็มาถูกจับกุมเสียก่อน ส่วนที่ก่อนหน้านี้มีการกล่าวอ้างว่ากลุ่มคนที่ทำไม่ใช่เสื้อแดง ตนรู้สึกเสียใจเหมือนกันที่มีการออกมากล่าวอ้างเช่นนั้น แต่ก็ยืนยันว่าไม่ใช่คนเสื้อแดงที่ทำ ถ้าเป็นคนเสื้อแดงจะไม่ทำเรื่องเช่นนั้น
“ผมเป็นคนชอบดูมวย และมีนักมวยในดวงใจหลายคน เคยคิดที่จะเป็นนักมวยแต่ชกไม่ไหว ส่วนคู่ชกที่อยากชกมากที่สุด คือ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เนื่องจากไล่ปิดผับสถานบริการจนหมด ทำให้คนส่วนใหญ่ไม่มีที่เที่ยว” นายอรุณ กล่าว
ด้าน พล.ต.ต.พงษ์สันต์ กล่าวว่า ผู้ต้องหาเป็นบุคคลตามภาพที่พนักงานสอบสวนได้ออกหมายจับไป ส่วนที่ว่าจะให้การยอมรับหรือปฏิเสธก็เป็นสิทธิของผู้ต้องหา ข้อเท็จจริงนั้นพนักงานสอบสวนจะดำเนินการ ขณะนี้ยังคงเหลือผู้ต้องหาอีก 28 รายที่อยู่ระหว่างการติดตามจับกุม
พล.ต.ต.พงษ์สันต์ เจียมอ่อน ยังกล่าวถึงการตรวจพิสูจน์ศพ พลทหารอภินพ เครือสุข อายุ 22 ปี ทหารรับใช้ของ พล.ท.คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 ซึ่งเสียชีวิตภายในบ้านพัก เมื่อวันที่ 15 เม.ย.ที่ผ่านมาว่า ได้รับรายงานจากคณะแพทย์โรงพยาบาลศิริราช ถึงสาเหตุการเสียชีวิตของพลทหารอภินพว่า ฐานกะโหลกศีรษะส่วนหลังด้านซ้ายแตกร้าว เลือดออกเหนือเยื้อหุ้มสมองชั้นหนา ด้านซ้าย จากการสอบสวนได้ข้อมูลว่า นายก รองนายกสุเทพ เข้าพักบ้านแม่ทัพภาค 1 ช่วงเวลาประมาณ 02.30-07.00 น.วันที่ 13 เม.ย.และกลับไปโดยไม่ได้กลับมาอีก พยานบุคคลที่สอบทั้งหมดมี 20 ปาก แต่ที่สำคัญ มีอยู่ 4 ปาก มีเพื่อนผู้ตาย 2 คน มารดา และแฟนสาว ก่อนตายผู้ตายได้ติดต่อกับมารดาและแฟนสาวเป็นระยะ และส่งข้อความไปยังมือถือแฟนสาว ช่วงเวลาประมาณ 09.00 น.ในวันที่ 13 เม.ย.ว่า “เมื่อคืนนายกฯ มาค้างที่บ้านแม่ทัพด้วย” กระทั่งค่ำวันที่สิบสี่ ผู้ตายยังโทร.คุยกับแฟนสาวให้ซื้อไหมญี่ปุ่น เพื่อทำสร้อยห้อยพระ แต่หลังจากนั้นประมาณ 2 ทุ่ม บอกปวดหัวและขอผ้าเช็ดตัว และประมาณ 21.00 น. เพื่อนได้ออกไปซื้อยาแก้ปวดให้ จากนั้นผู้ตายได้อาเจียน และประมาณ 21.30 น.อาเจียนอีกครั้ง แม้เพื่อนจะพยายามสอบถามว่าจะไปโรงพยาบาลหรือไม่ แต่ผู้ตายกลับปฏิเสธ ขอนอนสักครู่คงหาย กระทั่งเวลา 22.20 น.ผู้ตายได้โทร.ไปหาแฟนสาว และบอกว่าปวดหัวมากคงคุยด้วยไม่ได้ กระทั่งเสียชีวิต
“ทั้งหมดที่เกิดขึ้นสันนิษฐานว่าผู้ตายเสียชีวิตโดยผิดธรรมชาติ โดยอุบัติเหตุ ซึ่งยังไม่พบว่ามีใครทำให้ตายหรือทำให้เสียชีวิต สำนวนการสอบสวนทั้งหมดจะได้ส่งให้พนักงานอัยการต่อไป ยกเว้นเสียแต่ว่ามีผู้ใดร้องว่ามีคนทำให้ตาย จึงจะคงมีการสั่งการให้มีการสอบสวนเพิ่มเติมต่อไป” พล.ต.ต.พงษ์สันต์ กล่าว
