xs
xsm
sm
md
lg

เสื้อแดง ย้อนเกล็ด ยึดสุวรรณภูมิ ?

เผยแพร่:   โดย: บัณรส บัวคลี่

คนที่ติดตามการเคลื่อนไหวของพรรคทักษิณ ที่แยกทัพเป็นพรรคเพื่อไทยในสภาและกลุ่มเสื้อแดงบนท้องถนนตลอด 1 เดือนมานี้คงจะเห็นความเปลี่ยนแปลงของพวกเขา

การเตรียมความพร้อมรอบใหม่ก่อนเข้ากรุงฯ 26 มีนาคมน่าสนใจขึ้นมาทุกขณะและขออย่าแปลกใจที่จะเห็น ขวัญชัย ไพรพนา กอดคอจูบปากอย่างดูดดื่มกับ จตุพร พรหมพันธ์ (กรุณาอย่านึกภาพตามเด็ดขาดโดยเฉพาะเด็กและสตรีมีครรภ์)

ทักษิณ ชินวัตรระยะ 1 เดือนมานี้ไม่ต้องทำอะไรเพราะมีคิวโฟนอินทุกวัน หลัง ๆ ทำงานหนักขึ้นเพราะต้องมาเช็คชื่อ ส.ส.ในสภาเรียงตัว ใครเป็นงูเห่า ใครที่เอาใจออกห่าง ทักษิณรู้หมด

คนที่น่าสงสารที่สุดคือ ยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ มีชื่อเป็นหัวหน้าพรรคแต่ในนามเพราะงานและอำนาจทุกอย่างหัวหน้าพรรคตัวจริงยึดไปทำเองหมดแล้ว ไม่รู้ทู่ซี้นั่งบนเก้าอี้นี้ไปทำพระแสงอันใด

ทัพหลวงเสื้อแดงที่มี ทักษิณ ชินวัตร ไสช้างออกหน้าทัพผ่านคอนเฟอเรนซ์ ประกาศตนเป็นเจ้าของกิจการมวลชนเสื้อแดงตัวจริงในรอบนี้ ... พร้อมหรือไม่ขนาดไหนดูได้จากงานซอฟท์โอเพ่นนิ่งที่เชียงใหม่ เพราะทั้งเจ๊แดงและน้องเขยเปิดบ้านบัญชาการด้วยตนเอง ระดมชาวบ้านจากทั้งปาย เชียงราย ลำพูน แพร่ พะเยา ลำปางมาโดยพร้อมเพรียงในอัตราค่าใช้จ่ายที่ยอมทุ่มให้

แกนนำกลุ่มเสื้อแดงที่เคยกระเง้ากระงอด ทำงานไม่ได้ตังค์ เคยบากหน้าไปหาก็ไม่พบมารอบนี้แอ่นอกอยู่ด้านหน้าแถวอย่างภาคภูมิใจสามารถแก้ปัญหาเรื่องเอกภาพและการทะเลาะเบาะแว้งเรื่องเงินทองระหว่างคนเสื้อแดงได้เบ็ดเสร็จไปแล้ว

ศึกฤดูแล้งรอบนี้น่าจะยาวนานกว่าที่ผ่านมาน่าลบภาพ ม็อบแดดเดียว – แดงประจำเดือนได้

พร้อมแล้วทั้งเงิน พร้อมแล้วทั้งคน !

แต่เป้าหมายของการทำศึกใหญ่ของทักษิณหาใช่การลบภาพแดงประจำเดือน เป้าหมายของเขาในขั้นต้นคือการล้างคดีและขอเงินคืนเป็นสำคัญ ส่วนระดับต่อไปคือถ้าเป็นไปได้จะชิงอำนาจรัฐกลับคืน

แท้จริงแล้วคนอยู่ในวงการเมืองย่อมรู้ดีว่าลำพังการชุมนุมของประชาชนอย่างสงบ สันติ ปราศจากอาวุธ นั้นยากที่จะล้มอำนาจรัฐได้หากปราศจากความมุ่งมั่น อุดมการณ์ และความทุ่มเทเสียสละ

สรุปสั้น ๆ ประโยคเดียว ทัพทักษิณนั้นดูเหมือนพร้อมแต่ไม่พร้อม !!!!

ภายใต้ความพร้อมของเงินและคน กลับยังไม่พร้อมเรื่องใจและเงื่อนเวลา

คนอยู่เบื้องหลังม็อบเสื้อแดงย่อมประเมินรู้ว่ามวลชนของตนมีความมุ่งมั่น อุดมการณ์ และความทุ่มเทเสียสละในระดับมากน้อยเพียงใด

นี่เป็นข้อจำกัดที่แกนนำมวลชนที่ยังพอมีสมองอยู่บ้างควรรู้ !

สิ่งที่น่าสนใจได้เกิดมีร่องรอยความเคลื่อนไหวเพื่อจะยกระดับการขับเคลื่อนมวลชนให้หนักหน่วงรุนแรงเพิ่มน้ำหนักกดดันมากขึ้น เช่น การยึดทำเนียบ หรือที่สุดคือไปยึดสนามบินสุวรรณภูมิย้อนเกล็ดพันธมิตรทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้าแกนนำเคยประกาศประณามและยืนยันไม่ทำตามเด็ดขาด

ร่องรอยดังกล่าวเริ่มจากวันที่ 22 มีนาคม ก่อนที่กลุ่มรักเชียงใหม่ 51 กับมวลชนหลายจังหวัดโดยเฉพาะจากลำปางได้เดินทางไปยื่นหนังสือเรียกร้องให้ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 เร่งดำเนินคดีกับแกนนำพันธมิตรที่ไปยึดสนามบินสุวรรณภูมิ

คนที่รู้จักกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ดีย่อมรู้ว่านี่ไม่ใช่ความคิดของแกนนำในท้องถิ่นแต่อย่างใดเพราะงานแต่ละอย่างของพวกเขาไม่เคยได้เรื่องราวมีแต่หาเหาใส่หัวเช่นเรื่องพระเจ้ามูลเมืองเป็นต้น แท้จริงแล้วกิจกรรมดังกล่าวไม่ได้กำหนดไว้ตั้งแต่ต้นจนเมื่อแกนนำ นปช. โดยเฉพาะสายสหายอกหักเช่น หมอเหวง ฯลฯ โผล่มาเชียงใหม่จึงเริ่มคิดมีกิจกรรมนี้ขึ้น

วันรุ่งขึ้น 23 มีนาคม - สหายอกหักอีกคนหนึ่ง สมยศ พฤกษาเกษมสุข แกนนำกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตยพร้อมแนวร่วมคนเสื้อแดงกว่า 50 คน เดินทางเข้ายื่นหนังสือถึงพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ เพื่อเร่งรัดการดำเนินคดีกับกลุ่มพันธมิตรที่ก่อเหตุปิดล้อมรัฐสภาบุกยึดทำเนียบรัฐบาลสนามบินดอนเมืองและสนามบินสุวรรณภูมิ

มองในเชิงยุทธวิธี นี่คือการปูทางเพื่ออ้างเหตุกลืนน้ำลายสิ่งที่คนเสื้อแดงเคยประกาศไว้ว่าจะไม่ยึดทำเนียบ ไม่ยึดสนามบิน ดำเนินการย้อนเกล็ดพันธมิตรอ้างว่ารัฐบาลปล่อยให้คนอื่นทำได้ทางเราก็ทำได้เช่นกัน

เนื่องจากว่า ลำพังการชุมนุมโดยปราศจากอาวุธอย่างทรหดอดทนนั้นเป็นเรื่องที่ยากมาก หากสังคมโดยรวมไม่ร่วมกดดันและสังคมยังไม่มีมาตรฐานจริยธรรมทางการเมืองมากเพียงพอ แรงกดดันก็จะยังไม่เกิด

ขนาดพันธมิตรชุมนุมภายใต้กรอบมาเกิน 6 เดือนยังไม่เกิดอะไรขึ้นจนกระทั่งถูกตำรวจล้อมฆ่า แล้วก็มีการปล่อยให้มีคนยิงระเบิดเข้าไปฆ่าคนเล่นรายวันนั่นแหละจึงต้องยกระดับมาตรการที่เด็ดขาดดังที่เห็น

ทัพเสื้อแดงรอบนี้มีความพร้อมกว่าทุกครั้งที่ผ่านมาก็จริง แต่ก็ติดข้อจำกัดหลายอย่างโดยเฉพาะความมุ่งมั่นของมวลชน และติดกรอบวันหยุดยาวสงกรานต์

ถ้าจะเผด็จศึกก็ต้องเร่งทำภายในเวลาที่มีให้ประมาณครึ่งเดือน !!

ขอชี้ให้เห็นอีกครั้งว่าเป้าหมายของพวกเขามี 2 เป้าที่เป็นคนละเรื่องเดียวกัน

เป้าหนึ่ง – ปลดปล่อยทักษิณ สร้างสถานการณ์กดดันให้เกิดการออกกฎหมายนิรโทษกรรม หากไม่ยอมจะเกิดกรณีความแตกแยกครั้งใหญ่ในประเทศ จำลอง 3 จังหวัดภาคใต้ขึ้นมาภาคเหนือ –อีสาน

แนวทางนี้คือปล่อยมวลชนกลับไปก่อเหตุแบบ 3 จังหวัดใต้บ้านใครบ้านมันหลังสงกรานต์

อีกเป้าหนึ่ง – ประกาศเจตนารมณ์ประชาธิปไตย ให้ประชาธิปัตย์ยุบสภาเลือกตั้งใหม่โดยความเชื่อว่าถ้าเลือกตั้งใหม่พรรคเพื่อไทยจะเป็นรัฐบาล

ภายใต้ข้อจำกัดที่กล่าวไปแล้วถ้าจะบรรลุผลก็ต้องจลาจลเท่านั้นแหละครับ

หรือถ้าไม่ก่อจลาจลก็ต้องยกระดับการกดดันดำเนินการย้อนเกล็ดพันธมิตรแบบที่สหายเก่าสีแดงปูทางเอาไว้ ไปยึดสุวรรณภูมิให้แดงเถือกไปทั้งรันเวย์

สรุปอีกครั้ง ในความไม่พร้อมของพวกเขา มีร่องรอยการเตรียมพร้อมจะกลืนน้ำลายในสิ่งที่ตัวเองเคยปฏิเสธไว้ก่อนแล้ว – คอยจับตาดูให้ดี !
กำลังโหลดความคิดเห็น