ก่อนยื่นคงต้องแสดงความดีใจกับความสามารถทางการทูตของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ คุณกษิต ภิรมย์ เสียหน่อย เพราะได้ดำเนินการทางการทูตเข้าขั้นเหนือชั้นกับทางรัฐบาลกัมพูชา ทำให้เรากลับมามีศักดิ์ศรีเสมอกัน และทางฝ่ายนั้นได้ต้อนรับเราสมศักดิ์ศรี และให้ความอบอุ่นเป็นอย่างยิ่ง
ในการไปเยือนกัมพูชานี้ ท่านรัฐมนตรีของเรายังได้เข้าพบกับพระมหากษัตริย์กัมพูชาอีกด้วย เพื่อทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในระดับสูงสุดมีความแน่นแฟ้นขึ้น
เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว
ผมเห็นว่าคำวิพากษ์วิจารณ์ที่มีมาจากฝ่ายค้านและสมุนพลอยพยักหน้าอย่างพวกเสื้อแดงก็ไม่ต่างกับการเดินเลี่ยงเสลดที่ตกเรี่ยราดอยู่ตามถนน ที่พวกนี้มันขากถุยเอาไว้
คือมันไร้สาระนะครับพี่น้อง
นสพ.ผู้จัดการสรุปไว้น่าฟังที่สุด คือเขียนไว้ว่า การเดินทางของคุณกษิตในครั้งนี้เป็นไปเพื่อผลประโยชน์ของชาติล้วนๆ และพิสูจน์ได้ดีว่า หากปราศจากการมีนอกมีในหรือเป็นไปโดยเปิดเผย ไม่มีวาระซ่อนเร้น ปัญหาที่ว่ากันว่าซับซ้อนและเคยมองว่าจะคุยกันยากหรือไม่รู้เรื่อง ก็จะง่ายและเข้าใจกันได้
กล่าวได้เลยว่าที่ผ่านมา เราเสียเวลาไปเยอะให้กับผู้นำฉ้อฉลนำการเมืองไปใช้ก็เพื่อหวังประโยชน์เข้ากระเป๋าตัวเอง ปัญหามันจึงเหมือนเป็นมรดกตกทอดมาถึงรัฐบาลรุ่นนี้ให้ต้องสะสาง
คราวนี้มาดูรัฐบาลบ้าง
รัฐบาลคงพิจารณาปัญหาต่างๆ แล้ว
เห็นว่าที่ต้องเร่งแก้ก็คือ เรื่องเศรษฐกิจ เรื่องคนจน เป็นสำคัญ
แน่นอน มันสำคัญกว่าปัญหาการเมือง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะรัฐบาลนั้นมีเสียงข้างมากที่น่าจะพอเพียง อีกส่วนหนึ่งเพราะฝ่ายค้านนอกจากค้านไม่เป็นแล้ว ก็มักจะเอาปัญหาส่วนตัวขึ้นมาเป็นปัญหาหลักในการอภิปรายหรือไปพล่ามกันอยู่นอกสภา หวังผลแค่ดิสเครดิตให้รัฐมนตรีเสียหาย
จริงๆ แล้วมันไม่มีผลนะครับ
เพราะว่าถ้ารัฐบาลเอางานเป็นหลัก
ก็จะไม่ยอมมาเสียเวลาให้กับการแก้ตัวในเรื่องส่วนตัวที่ไม่ได้ให้ประโยชน์กับคนส่วนใหญ่ที่กำลังสู้ปัญหาที่มันหนักอยู่ในทางเศรษฐกิจทั้งในครัวเรือนหรือในระดับชาติ
ผมว่ารัฐบาลมาถูกทางแล้วที่แก้เศรษฐกิจก่อน
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นั้นได้ยึดถือคติว่า เราควรที่จะมีความเชื่อมั่น เชื่อมือ เชื่อถือ ไทยแลนด์ เพื่อช่วยให้ชาวต่างชาติกล้าที่จะกลับมามองประเทศไทยว่ามีสถานะมั่นคงแล้ว พวกเขาจะได้คืนกลับมาลงทุนใหม่อีกครั้ง เราเองต้องการเงินทุนอยู่มาก
และในอนาคต หากเศรษฐกิจในสหรัฐฯ สามารถฟื้นตัวได้บ้าง แม้จะไม่ต้องมากมาย ก็จะทำให้ภาวะเศรษฐกิจโลกเริ่มที่จะไม่ถดถอย ซึ่งปัจจัยทั้ง 2 นี้ จะให้คุณและส่งผลดีต่อไทย
ที่คาดกันเวลานี้คือ เราน่าจะฟื้นตัวได้ใน 2 ปีข้างหน้า
ซึ่งถือว่าเร็วแล้ว
แต่ต้องให้ภาครัฐและเอกชนประสานกัน ร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด และหน่วยงานราชการต้องจริงใจในการช่วยเหลือเอกชนอย่างเต็มที่ ไม่ใช่ปล่อยลอยแพไปตามยถากรรม
ไตรมาสแรกของไทยยังติดลบนะครับ แต่งบประมาณจำนวนแสนล้านกำลังจะออกแล้ว และคงถึงประชาชนในอีก 2-3 เดือนข้างหน้าทำให้มีเงินหมุนเวียน
และส่งผลกระทบทำให้เราจะดีขึ้นในไตรมาสที่สอง
เวลานี้เราเจอะปัญหา 3 ด้าน คือ ภาคเศรษฐกิจโลกที่เกิดวิกฤติทางด้านการเงิน อีกด้านหนึ่งเราเองก็มีปัญหามา 2-3 ปีแล้ว เพราะว่าการแข่งขันเราเริ่มมีปัญหา แรงงานขาดตลาด หรือไม่ก็ขาดแคลน
อีกด้านหนึ่งก็คือภาพลักษณ์และปัญหาภายในที่เกิดจากการเมือง รวมถึงการประท้วงต่างๆ และการปิดสนามบินทำให้การท่องเที่ยวหดหายไปมากกว่าครึ่ง เวลานี้คนเริ่มกลับมาแล้ว
การที่รัฐบาลจะเสนอเงินมาพยุงเศรษฐกิจด้วยวงเงินถึง 3 แสนล้านนั้น แม้มองดูอาจจะว่ามาก แต่ถ้าเพ่งไปยังอุปสรรคทั้ง 3 ด้าน เราก็จำเป็นมาก
เรายังมีปัญหาเรื่องการใช้งบประมาณ เช่น แม้จะมีงบแต่ก็ไม่ได้นำมาใช้จริง เราต้องเร่งทำให้โปรเจคใหญ่ๆ และเข็นไปออกมาโดยเร็วเพราะจะเป็นพลังขับที่ใหญ่ โปรเจคใหญ่จะทำให้มีการจัดจ้างก่อสร้างมากมายมหาศาล ซึ่งจะต้องใช้เวลาในการจัดซื้อจัดจ้างนานพอควร
ครับ... ถ้ารัฐบาลเร่งทำและขยันทำงาน
เราฟื้นตัวได้แน่ๆ และอาจเร็วกว่าที่คาด
ในการไปเยือนกัมพูชานี้ ท่านรัฐมนตรีของเรายังได้เข้าพบกับพระมหากษัตริย์กัมพูชาอีกด้วย เพื่อทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในระดับสูงสุดมีความแน่นแฟ้นขึ้น
เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว
ผมเห็นว่าคำวิพากษ์วิจารณ์ที่มีมาจากฝ่ายค้านและสมุนพลอยพยักหน้าอย่างพวกเสื้อแดงก็ไม่ต่างกับการเดินเลี่ยงเสลดที่ตกเรี่ยราดอยู่ตามถนน ที่พวกนี้มันขากถุยเอาไว้
คือมันไร้สาระนะครับพี่น้อง
นสพ.ผู้จัดการสรุปไว้น่าฟังที่สุด คือเขียนไว้ว่า การเดินทางของคุณกษิตในครั้งนี้เป็นไปเพื่อผลประโยชน์ของชาติล้วนๆ และพิสูจน์ได้ดีว่า หากปราศจากการมีนอกมีในหรือเป็นไปโดยเปิดเผย ไม่มีวาระซ่อนเร้น ปัญหาที่ว่ากันว่าซับซ้อนและเคยมองว่าจะคุยกันยากหรือไม่รู้เรื่อง ก็จะง่ายและเข้าใจกันได้
กล่าวได้เลยว่าที่ผ่านมา เราเสียเวลาไปเยอะให้กับผู้นำฉ้อฉลนำการเมืองไปใช้ก็เพื่อหวังประโยชน์เข้ากระเป๋าตัวเอง ปัญหามันจึงเหมือนเป็นมรดกตกทอดมาถึงรัฐบาลรุ่นนี้ให้ต้องสะสาง
คราวนี้มาดูรัฐบาลบ้าง
รัฐบาลคงพิจารณาปัญหาต่างๆ แล้ว
เห็นว่าที่ต้องเร่งแก้ก็คือ เรื่องเศรษฐกิจ เรื่องคนจน เป็นสำคัญ
แน่นอน มันสำคัญกว่าปัญหาการเมือง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะรัฐบาลนั้นมีเสียงข้างมากที่น่าจะพอเพียง อีกส่วนหนึ่งเพราะฝ่ายค้านนอกจากค้านไม่เป็นแล้ว ก็มักจะเอาปัญหาส่วนตัวขึ้นมาเป็นปัญหาหลักในการอภิปรายหรือไปพล่ามกันอยู่นอกสภา หวังผลแค่ดิสเครดิตให้รัฐมนตรีเสียหาย
จริงๆ แล้วมันไม่มีผลนะครับ
เพราะว่าถ้ารัฐบาลเอางานเป็นหลัก
ก็จะไม่ยอมมาเสียเวลาให้กับการแก้ตัวในเรื่องส่วนตัวที่ไม่ได้ให้ประโยชน์กับคนส่วนใหญ่ที่กำลังสู้ปัญหาที่มันหนักอยู่ในทางเศรษฐกิจทั้งในครัวเรือนหรือในระดับชาติ
ผมว่ารัฐบาลมาถูกทางแล้วที่แก้เศรษฐกิจก่อน
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นั้นได้ยึดถือคติว่า เราควรที่จะมีความเชื่อมั่น เชื่อมือ เชื่อถือ ไทยแลนด์ เพื่อช่วยให้ชาวต่างชาติกล้าที่จะกลับมามองประเทศไทยว่ามีสถานะมั่นคงแล้ว พวกเขาจะได้คืนกลับมาลงทุนใหม่อีกครั้ง เราเองต้องการเงินทุนอยู่มาก
และในอนาคต หากเศรษฐกิจในสหรัฐฯ สามารถฟื้นตัวได้บ้าง แม้จะไม่ต้องมากมาย ก็จะทำให้ภาวะเศรษฐกิจโลกเริ่มที่จะไม่ถดถอย ซึ่งปัจจัยทั้ง 2 นี้ จะให้คุณและส่งผลดีต่อไทย
ที่คาดกันเวลานี้คือ เราน่าจะฟื้นตัวได้ใน 2 ปีข้างหน้า
ซึ่งถือว่าเร็วแล้ว
แต่ต้องให้ภาครัฐและเอกชนประสานกัน ร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด และหน่วยงานราชการต้องจริงใจในการช่วยเหลือเอกชนอย่างเต็มที่ ไม่ใช่ปล่อยลอยแพไปตามยถากรรม
ไตรมาสแรกของไทยยังติดลบนะครับ แต่งบประมาณจำนวนแสนล้านกำลังจะออกแล้ว และคงถึงประชาชนในอีก 2-3 เดือนข้างหน้าทำให้มีเงินหมุนเวียน
และส่งผลกระทบทำให้เราจะดีขึ้นในไตรมาสที่สอง
เวลานี้เราเจอะปัญหา 3 ด้าน คือ ภาคเศรษฐกิจโลกที่เกิดวิกฤติทางด้านการเงิน อีกด้านหนึ่งเราเองก็มีปัญหามา 2-3 ปีแล้ว เพราะว่าการแข่งขันเราเริ่มมีปัญหา แรงงานขาดตลาด หรือไม่ก็ขาดแคลน
อีกด้านหนึ่งก็คือภาพลักษณ์และปัญหาภายในที่เกิดจากการเมือง รวมถึงการประท้วงต่างๆ และการปิดสนามบินทำให้การท่องเที่ยวหดหายไปมากกว่าครึ่ง เวลานี้คนเริ่มกลับมาแล้ว
การที่รัฐบาลจะเสนอเงินมาพยุงเศรษฐกิจด้วยวงเงินถึง 3 แสนล้านนั้น แม้มองดูอาจจะว่ามาก แต่ถ้าเพ่งไปยังอุปสรรคทั้ง 3 ด้าน เราก็จำเป็นมาก
เรายังมีปัญหาเรื่องการใช้งบประมาณ เช่น แม้จะมีงบแต่ก็ไม่ได้นำมาใช้จริง เราต้องเร่งทำให้โปรเจคใหญ่ๆ และเข็นไปออกมาโดยเร็วเพราะจะเป็นพลังขับที่ใหญ่ โปรเจคใหญ่จะทำให้มีการจัดจ้างก่อสร้างมากมายมหาศาล ซึ่งจะต้องใช้เวลาในการจัดซื้อจัดจ้างนานพอควร
ครับ... ถ้ารัฐบาลเร่งทำและขยันทำงาน
เราฟื้นตัวได้แน่ๆ และอาจเร็วกว่าที่คาด