ตลอด 5 วันหลังเหตุวิปโยค 7 ต.ค. 2551 ตำรวจไทยใช้ความพยายามทุกรูปแบบเพื่อเอาตัวรอดจากความผิดที่ได้ก่อขึ้น เพียง 1 วันหลังเหตุการณ์ก็เริ่มแถลงข่าวบอกว่า แก๊สน้ำตาไม่ทำอันตรายผู้คน พยายามควานหาพยานหลักฐานมาชี้ให้สังคมเข้าใจว่า ผู้ชุมนุมพกระเบิด บาดเจ็บ+ตาย เพราะระเบิดของตัวเอง
มีความพยายามทุกช่องทาง ผ่านทั้งผู้บริหารและนักข่าวที่สนิทสนม นำเสนอให้สังคมเข้าใจว่า มาตรการที่ตำรวจใช้เป็นไปตามหลักสากล
แต่ที่สุดการปิดฟ้าด้วยฝ่ามือของพวกเขาไม่สำเร็จ ใครก็ตามที่ต้องการเอาชนะสงครามข่าวสารยุคใหม่นอกจากจะต้องมีกลยุทธ์การสื่อสารที่ดีแล้ว องค์ประกอบที่ขาดไม่ได้ที่สุดคือ “ความจริง”
แนวรบข่าวสารช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา “บล็อกเกอร์” มีความโดดเด่นมาก ความจริงจำนวนมากถูกเปิดเผยและถ่ายทอดผ่านเครือข่าย “บล็อกเกอร์-นักข่าวพลเมือง” เครือข่ายดังกล่าวมีอิทธิพลมากกว่าฟรีทีวี.ของรัฐหลายช่องเสียอีก
กลุ่มคนที่อยู่ตรงกันข้ามพันธมิตร ซึ่งรวมกลุ่มกันในกระดานข่าวต่าง ๆ เช่น พันทิป ประชาไท nocoup.org ฯลฯ คนเหล่านี้ส่วนใหญ่มองการเมืองเหมือนฟุตบอล ในเมื่อตนเป็นแฟนคลับก็ต้องตั้งหน้าตั้งตาเชียร์ทีมโปรดโดยไม่สนใจเรื่องอื่นใด ไม่ว่าทีมรักจะติดสินบนกรรมการ เล่นโกงแบบไหนมันก็ตามเชียร์ มองในเชิงสังคมก็ต้องปล่อยให้มีพื้นที่ระบาย หรือมีพื้นที่ของกลุ่มคนคอเดียวกันเอาไว้บ้าง บางบอร์ดมีสมาชิกมากแต่บางแห่งเช่นประชาไท แอคทีฟจริง ๆ 30 แอ็คเคาท์ไม่รู้จะถึงหรือเปล่า !!?
บทบาทของขาเชียร์ที่ผ่าเรียกตัวเองว่า นักรบไซเบอร์เหล่านี้ แทนที่จะช่วยหนุนเสริมในแนวรบข่าวสารของรัฐ ก็กลับเป็นตัวปล่อยข่าวเท็จ เช่น เรื่องชายขาขาดที่ผูกเรื่องให้เป็นการกุข่าว เอาขอทานมาแสดง ฯลฯ แรก ๆ ก็คงมันดี สะใจที่เอาเรื่องทำลายฝ่ายที่ตนไม่ชอบมาเล่าต่อ
แต่เมื่อถึงจุดที่ความจริงปรากฏชัด ไอ้พวกเครือข่ายนักรบไซเบอร์ไร้สมองเหล่านี้ ก็คือตัวทำลายแนวรบข่าวสารของฝ่ายรัฐบาลให้เจ๊งสนิท
หัวใจของแนวรบข่าวสาร คือ ทำให้สังคมเชื่อ !!!
ลิ่วล้อขาเชียร์เหล่านี้ กลับทำลายพื้นที่ชุมชนบอร์ดของตัวเองด้วยการช่วยกันสร้างภาพลักษณ์ให้เป็นแหล่งไร้สาระ แหล่งข่าวปล่อย ข่าวกุ เมื่อถึงเวลาที่ต้องร่วมกันสร้างกระแสให้สังคมเชื่อขึ้นมา..พื้นที่ไซเบอร์เหล่านี้จึงกลายเป็นแนวร่วมมุมกลับ ทำให้การพยายามเอาชนะในสงครามข่าวของตำรวจ+รัฐยากลำบากขึ้น
จวนตัวขึ้นมาก็ขนคนเสื้อแดง นำโดยชินวัฒน์ หาบุญพาด และนปก.2 ไปมอบดอกไม้ให้กำลังใจก็ไม่ทันการณ์เสียแล้ว !
เมื่อถึงตอนนี้ตำรวจ จึงกลายเป็นไพ่ที่ไร้ประโยชน์ มีฐานะเป็นตัวถ่วงของรัฐบาล ยิ่งตำรวจขยับภาพลักษณ์ของรัฐบาลยิ่งตกต่ำ ยิ่งขยับคนยิ่งเคียดแค้นมากขึ้น
และที่สำคัญ ศาลปกครองได้มีคำสั่งคุ้มครองหากตำรวจจะสลายการชุมนุม ให้ดำเนินการตามมาตรฐานสากล ... นี่เท่ากับจบทันที เพราะตำรวจไทยยิงแก๊สน้ำตายังไม่เป็นเลย อ่านภาษาอังกฤษก็ไม่ออก เขาไม่ให้ยิงยัดใส่คนมันก็ยิงเหมือนซ้อมยิงเป้า
เข้าใจว่า นายตำรวจใหญ่ ๆ คงกำลังให้ลูกน้องแปลตำราการสลายการชุมนุมแบบสากลอยู่ คงยังไม่กล้าขยับใช้กำลังในระยะเวลาอันใกล้นี้
ซึ่งในที่สุดเราก็ได้เห็นการกลับมาของ นปก. ที่ได้เปิดตัวคนหลักหมื่นที่ธันเดอร์โดม
กลางวันวันศุกร์ เครือข่ายเสื้อแดงในจังหวัดต่าง ๆ โดยเฉพาะสายเหนือยังไม่รู้เลยว่า เขาจะให้เข้ากรุงหรือเปล่า เมื่อมีคนสอบถามเข้าไปว่าจะไปหรือไม่ แกนนำตอบไม่ได้ เพราะเงินยังไม่ได้ จนที่สุดตอนเย็นก็มีไฟเขียวลงมา นปก. เสื้อแดงสายเหนือก็ขึ้นรถเข้ากรุงในคืนวันนั้น
นปก. เหี่ยวแห้งมานาน มีงานเข้ารอบนี้ก็น่าจะดีต่อเศรษฐกิจรากหญ้า การขนคนเอาคนมาหมื่นต้องมีอย่างน้อย 10 ล้าน จักรภพบอกว่ามาโดยไม่มีใครจ้างก็อยากจะเชื่อเหมือนกัน แต่ต้องให้แกนนำทั้งหมดสาบานต่อพระแก้วว่า หากมีการจ้างจริงขอให้พวกตนวิบัติ ฉิบหาย อย่าให้มีความเจริญ เหมือนกับที่ สมัคร สุนทรเวช เคยลงทุนสบถสาบานไปก่อนหน้า – ถ้าสาบานจริงก็จะเชื่อ แต่ตอนนี้ยังไม่เชื่อ !
ผมเห็นว่า การออกโรงของ นปก. รอบนี้ เป็นแค่การโชว์ศักยภาพ ภาษาทหารเขาเรียกว่า การสวนสนาม
การสวนสนาม ก็คือ ยุทธวิธีการรบแบบหนึ่ง !
การออกมารอบนี้ แฝงด้วยเป้าหมายทั้งรุกและรับ
ในเชิงรับ - ก็คือการป้องปรามข่าวปฏิวัติรัฐประหาร ที่ออกจากหลายแหล่งทั้งจากคนในรัฐบาลเอง จากเวทีพันธมิตรที่ประกาศว่าหากรัฐประหารเพื่อนายใหญ่ก็จะปักหลักสู้ต่อ และมาจากปากของอดีตนายทหารใหญ่ และสื่อบางสื่อเป็นสิ่งที่มองข้ามไม่ได้
ในเชิงรุก - ก็คือการเตรียมจะชุมนุมต่อที่สนามหลวง มีข่าวออกมาว่า สมชาย วงศ์สวัสดิ์ บอกกับ ณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ ว่า ไม่อยากให้ชุมนุมเลย แต่ก็ไม่น่าเชื่ออีกเช่นกัน เพราะสมชาย เป็นนายกฯเปื้อนเลือดนับจากนี้พูดอะไรไม่น่าเชื่ออีกต่อไป
พวกที่อยากรุก คือบรรดาสายเหยี่ยว สายหมอผี นั้นกระเหี้ยนกระหือรือมานานแล้ว นปก. เป็นไพ่ใบท้าย ๆ ที่ถูกงัดออกมาแล้ว ดังนั้นหากยังมีใครควักกระเป๋าให้อยู่ต่อ แน่นอนว่าจะเดินหน้าทันทีเพราะเหี่ยวแห้งมานาน ทั้งกำลังใกล้เลือกตั้งมีแต่การลงแรงทำม็อบให้เห็นเป็นประจักษ์เท่านั้นที่จะรักษาเก้าอี้ตนในพรรคใหม่
การเมืองก่อนคำพิพากษาทักษิณ 21 ตุลาคม 2551 จะเดินเร็วเหมือนกับช่วงที่ พล.ต. จำลอง ถูกจับ
นี่ก็เหลือเวลาอีกแค่ไม่ถึง 10 วันเท่านั้น
10 วันนี้ จะเป็น 10 วันที่การเมืองพลิกผันเร็วอีกช่วงหนึ่ง โดยจะมี นปก. เป็นตัวขับเคลื่อน
โอ้ยไม่อยากจะคิดเลย !! กวาดตามองไปที่แกนนำแต่ละคน มีแต่กระเดียดไปทางกระหายเลือดทั้งนั้น
ประวัติศาสตร์ได้บันทึกไปแล้วว่า รัฐบาลสมชาย เปื้อนเลือด ... ไหน ๆ ก็บันทึกหน้าหนึ่งไปแล้ว พลพรรค นปก. คงจะช่วยเติมเต็มรายละเอียดการเปื้อนเลือดหน้าต่อ ๆ ไปเพื่อให้เนื้อหาสมบูรณ์
ประวัติศาสตร์ทรราชหน้าต่อไป อาจจะบันทึกว่า มีการขนชาวบ้านอีสาน-เหนือไม่รู้อิโหน่อิเหน่มาสังเวยเลือดเนื้อที่เมืองหลวงแลกกับเศษเงินหลักร้อย หากเป็นไปตามพล็อตนี้ความเป็นทรราชจะสมบูรณ์แทบไม่มีที่ติ เพราะมันเลวได้ใจ..หลอกพวกเดียวกันมาตาย รับรองได้บันทึกชั่วลูกหลานแน่ ๆ
ติดตามกันดี ๆ และขอให้ผู้บริสุทธิ์โชคดี - ถ้ามีโชค !!
มีความพยายามทุกช่องทาง ผ่านทั้งผู้บริหารและนักข่าวที่สนิทสนม นำเสนอให้สังคมเข้าใจว่า มาตรการที่ตำรวจใช้เป็นไปตามหลักสากล
แต่ที่สุดการปิดฟ้าด้วยฝ่ามือของพวกเขาไม่สำเร็จ ใครก็ตามที่ต้องการเอาชนะสงครามข่าวสารยุคใหม่นอกจากจะต้องมีกลยุทธ์การสื่อสารที่ดีแล้ว องค์ประกอบที่ขาดไม่ได้ที่สุดคือ “ความจริง”
แนวรบข่าวสารช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา “บล็อกเกอร์” มีความโดดเด่นมาก ความจริงจำนวนมากถูกเปิดเผยและถ่ายทอดผ่านเครือข่าย “บล็อกเกอร์-นักข่าวพลเมือง” เครือข่ายดังกล่าวมีอิทธิพลมากกว่าฟรีทีวี.ของรัฐหลายช่องเสียอีก
กลุ่มคนที่อยู่ตรงกันข้ามพันธมิตร ซึ่งรวมกลุ่มกันในกระดานข่าวต่าง ๆ เช่น พันทิป ประชาไท nocoup.org ฯลฯ คนเหล่านี้ส่วนใหญ่มองการเมืองเหมือนฟุตบอล ในเมื่อตนเป็นแฟนคลับก็ต้องตั้งหน้าตั้งตาเชียร์ทีมโปรดโดยไม่สนใจเรื่องอื่นใด ไม่ว่าทีมรักจะติดสินบนกรรมการ เล่นโกงแบบไหนมันก็ตามเชียร์ มองในเชิงสังคมก็ต้องปล่อยให้มีพื้นที่ระบาย หรือมีพื้นที่ของกลุ่มคนคอเดียวกันเอาไว้บ้าง บางบอร์ดมีสมาชิกมากแต่บางแห่งเช่นประชาไท แอคทีฟจริง ๆ 30 แอ็คเคาท์ไม่รู้จะถึงหรือเปล่า !!?
บทบาทของขาเชียร์ที่ผ่าเรียกตัวเองว่า นักรบไซเบอร์เหล่านี้ แทนที่จะช่วยหนุนเสริมในแนวรบข่าวสารของรัฐ ก็กลับเป็นตัวปล่อยข่าวเท็จ เช่น เรื่องชายขาขาดที่ผูกเรื่องให้เป็นการกุข่าว เอาขอทานมาแสดง ฯลฯ แรก ๆ ก็คงมันดี สะใจที่เอาเรื่องทำลายฝ่ายที่ตนไม่ชอบมาเล่าต่อ
แต่เมื่อถึงจุดที่ความจริงปรากฏชัด ไอ้พวกเครือข่ายนักรบไซเบอร์ไร้สมองเหล่านี้ ก็คือตัวทำลายแนวรบข่าวสารของฝ่ายรัฐบาลให้เจ๊งสนิท
หัวใจของแนวรบข่าวสาร คือ ทำให้สังคมเชื่อ !!!
ลิ่วล้อขาเชียร์เหล่านี้ กลับทำลายพื้นที่ชุมชนบอร์ดของตัวเองด้วยการช่วยกันสร้างภาพลักษณ์ให้เป็นแหล่งไร้สาระ แหล่งข่าวปล่อย ข่าวกุ เมื่อถึงเวลาที่ต้องร่วมกันสร้างกระแสให้สังคมเชื่อขึ้นมา..พื้นที่ไซเบอร์เหล่านี้จึงกลายเป็นแนวร่วมมุมกลับ ทำให้การพยายามเอาชนะในสงครามข่าวของตำรวจ+รัฐยากลำบากขึ้น
จวนตัวขึ้นมาก็ขนคนเสื้อแดง นำโดยชินวัฒน์ หาบุญพาด และนปก.2 ไปมอบดอกไม้ให้กำลังใจก็ไม่ทันการณ์เสียแล้ว !
เมื่อถึงตอนนี้ตำรวจ จึงกลายเป็นไพ่ที่ไร้ประโยชน์ มีฐานะเป็นตัวถ่วงของรัฐบาล ยิ่งตำรวจขยับภาพลักษณ์ของรัฐบาลยิ่งตกต่ำ ยิ่งขยับคนยิ่งเคียดแค้นมากขึ้น
และที่สำคัญ ศาลปกครองได้มีคำสั่งคุ้มครองหากตำรวจจะสลายการชุมนุม ให้ดำเนินการตามมาตรฐานสากล ... นี่เท่ากับจบทันที เพราะตำรวจไทยยิงแก๊สน้ำตายังไม่เป็นเลย อ่านภาษาอังกฤษก็ไม่ออก เขาไม่ให้ยิงยัดใส่คนมันก็ยิงเหมือนซ้อมยิงเป้า
เข้าใจว่า นายตำรวจใหญ่ ๆ คงกำลังให้ลูกน้องแปลตำราการสลายการชุมนุมแบบสากลอยู่ คงยังไม่กล้าขยับใช้กำลังในระยะเวลาอันใกล้นี้
ซึ่งในที่สุดเราก็ได้เห็นการกลับมาของ นปก. ที่ได้เปิดตัวคนหลักหมื่นที่ธันเดอร์โดม
กลางวันวันศุกร์ เครือข่ายเสื้อแดงในจังหวัดต่าง ๆ โดยเฉพาะสายเหนือยังไม่รู้เลยว่า เขาจะให้เข้ากรุงหรือเปล่า เมื่อมีคนสอบถามเข้าไปว่าจะไปหรือไม่ แกนนำตอบไม่ได้ เพราะเงินยังไม่ได้ จนที่สุดตอนเย็นก็มีไฟเขียวลงมา นปก. เสื้อแดงสายเหนือก็ขึ้นรถเข้ากรุงในคืนวันนั้น
นปก. เหี่ยวแห้งมานาน มีงานเข้ารอบนี้ก็น่าจะดีต่อเศรษฐกิจรากหญ้า การขนคนเอาคนมาหมื่นต้องมีอย่างน้อย 10 ล้าน จักรภพบอกว่ามาโดยไม่มีใครจ้างก็อยากจะเชื่อเหมือนกัน แต่ต้องให้แกนนำทั้งหมดสาบานต่อพระแก้วว่า หากมีการจ้างจริงขอให้พวกตนวิบัติ ฉิบหาย อย่าให้มีความเจริญ เหมือนกับที่ สมัคร สุนทรเวช เคยลงทุนสบถสาบานไปก่อนหน้า – ถ้าสาบานจริงก็จะเชื่อ แต่ตอนนี้ยังไม่เชื่อ !
ผมเห็นว่า การออกโรงของ นปก. รอบนี้ เป็นแค่การโชว์ศักยภาพ ภาษาทหารเขาเรียกว่า การสวนสนาม
การสวนสนาม ก็คือ ยุทธวิธีการรบแบบหนึ่ง !
การออกมารอบนี้ แฝงด้วยเป้าหมายทั้งรุกและรับ
ในเชิงรับ - ก็คือการป้องปรามข่าวปฏิวัติรัฐประหาร ที่ออกจากหลายแหล่งทั้งจากคนในรัฐบาลเอง จากเวทีพันธมิตรที่ประกาศว่าหากรัฐประหารเพื่อนายใหญ่ก็จะปักหลักสู้ต่อ และมาจากปากของอดีตนายทหารใหญ่ และสื่อบางสื่อเป็นสิ่งที่มองข้ามไม่ได้
ในเชิงรุก - ก็คือการเตรียมจะชุมนุมต่อที่สนามหลวง มีข่าวออกมาว่า สมชาย วงศ์สวัสดิ์ บอกกับ ณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ ว่า ไม่อยากให้ชุมนุมเลย แต่ก็ไม่น่าเชื่ออีกเช่นกัน เพราะสมชาย เป็นนายกฯเปื้อนเลือดนับจากนี้พูดอะไรไม่น่าเชื่ออีกต่อไป
พวกที่อยากรุก คือบรรดาสายเหยี่ยว สายหมอผี นั้นกระเหี้ยนกระหือรือมานานแล้ว นปก. เป็นไพ่ใบท้าย ๆ ที่ถูกงัดออกมาแล้ว ดังนั้นหากยังมีใครควักกระเป๋าให้อยู่ต่อ แน่นอนว่าจะเดินหน้าทันทีเพราะเหี่ยวแห้งมานาน ทั้งกำลังใกล้เลือกตั้งมีแต่การลงแรงทำม็อบให้เห็นเป็นประจักษ์เท่านั้นที่จะรักษาเก้าอี้ตนในพรรคใหม่
การเมืองก่อนคำพิพากษาทักษิณ 21 ตุลาคม 2551 จะเดินเร็วเหมือนกับช่วงที่ พล.ต. จำลอง ถูกจับ
นี่ก็เหลือเวลาอีกแค่ไม่ถึง 10 วันเท่านั้น
10 วันนี้ จะเป็น 10 วันที่การเมืองพลิกผันเร็วอีกช่วงหนึ่ง โดยจะมี นปก. เป็นตัวขับเคลื่อน
โอ้ยไม่อยากจะคิดเลย !! กวาดตามองไปที่แกนนำแต่ละคน มีแต่กระเดียดไปทางกระหายเลือดทั้งนั้น
ประวัติศาสตร์ได้บันทึกไปแล้วว่า รัฐบาลสมชาย เปื้อนเลือด ... ไหน ๆ ก็บันทึกหน้าหนึ่งไปแล้ว พลพรรค นปก. คงจะช่วยเติมเต็มรายละเอียดการเปื้อนเลือดหน้าต่อ ๆ ไปเพื่อให้เนื้อหาสมบูรณ์
ประวัติศาสตร์ทรราชหน้าต่อไป อาจจะบันทึกว่า มีการขนชาวบ้านอีสาน-เหนือไม่รู้อิโหน่อิเหน่มาสังเวยเลือดเนื้อที่เมืองหลวงแลกกับเศษเงินหลักร้อย หากเป็นไปตามพล็อตนี้ความเป็นทรราชจะสมบูรณ์แทบไม่มีที่ติ เพราะมันเลวได้ใจ..หลอกพวกเดียวกันมาตาย รับรองได้บันทึกชั่วลูกหลานแน่ ๆ
ติดตามกันดี ๆ และขอให้ผู้บริสุทธิ์โชคดี - ถ้ามีโชค !!
