xs
xsm
sm
md
lg

“สุชาติ” ร้อนตัวหวั่นมือที่ 3 ป่วนพันธมิตรฯวันไป สตช.

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

ดู ดู ดู พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว แช่มชื่นกับการรับดอกไม้ให้กำลังใจ
ผบช.น.บอกเป็นสิทธิพันธมิตรฯไป สตช.ได้ แต่ห่วงเกรงมือที่ 3 ก่อความวุ่นวายทำให้ไม่ปลอดภัย ยัน ป้องกัน นปช.ปะทะพันธมิตรฯ เต็มที่ ยอมรับลูกน้องเล็งปืนจะยิงยางรถยนต์จริง อุ้มเต็มที่ไม่ได้ลั่นไกปล่อยกระสุน พูดหน้าตายตำรวจไม่ได้มีหน้าที่ดูแลการชุมนุมอย่างเดียว ต้องปราบอาชญากรรมด้วย

วันนี้ (10 ต.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล เมื่อเวลา 16.00 น.นายธาดล สุนทรจินดา นายสุนทร พฤกษพิพัฒน์ และ นางบังอร แสงงาม พร้อมตัวแทนกลุ่มพลังชาวไทยในประเทศสหรัฐอเมริกา กลุ่มชาวไทยในสหภาพยุโรป กลุ่มนักรบไซเบอร์ กลุ่มกรรมกรปฏิรูป ประมาณ 50 คน มอบช่อดอกไม้ให้กำลังใจ พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผบช.น.พร้อมสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจทุกหน่วยในการดูแลความสงบเรียบร้อยรักษาความปลอดภัยพื้นที่อย่างเต็มที่ และออกแถลงการณ์ให้ตำรวจไทยรักษากฎหมายให้มีความศักดิ์สิทธิ์จนถึงที่สุด

พล.ต.ท.สุชาติ กล่าวภายหลังรับมอบดอกไม้จากผู้มาให้กำลังใจถึงการเคลื่อนไหวผู้ชุมนุมพันธมิตรฯที่จะเดินทางไปกดดันเจ้าหน้าที่ตำรวจในวันที่ 13 ต.ค.ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งตรงกับวันครบรอบสถาปนาตำรวจ ว่า เป็นสิทธิที่สามารถทำได้ แต่เป็นห่วงว่า หากเดินทางกันมาเป็นจำนวนมากเกรงว่าจะมีมือที่ 3 เข้ามาแทรกแซงสถานการณ์ ทำให้ไม่ปลอดภัยได้ ซึ่งต้องหารือมาตรการดูแลความปลอดภัยให้เข้มข้นมากขึ้น ส่วนการชุมนุมใหญ่ของ นปช.วันที่ 14 ต.ค.ภายในบริเวณท้องสนามหลวงนั้น จะป้องกันอย่างเต็มที่ไม่ให้สองฝ่ายปะทะกัน ตำรวจจะอยู่ตรงกลางเป็นโล่ มนุษย์ผลักดันไม่ให้มีการเผชิญหน้ากัน เพื่อความปลอดภัยทั้งสองฝ่าย ขณะเดียวกัน ได้ประสานกำลังทหารเข้ามาเสริมการปฏิบัติ เนื่องจากที่ผ่านมากำลังตำรวจทั้งเหนื่อย และล้ามานานแล้วประกอบกับมีหลายภารกิจที่ต้องทำไม่ใช่ดูแลผู้ชุมนุมอย่างเดียวยังมีหน้าที่ในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมด้วย

ผบช.น.กล่าวถึง กรณีที่สังคมประณามว่าตำรวจทำเกินกว่าเหตุจากภาพที่ปรากฏในสื่อต่างๆ พบเห็นตำรวจกำลังเล็งกระบอกปืนไปยังรถยนต์กระบะขณะที่คนร้ายกำลังขับรถ 4 ประตูพุ่งชน ร.ต.ท.เกรียงไกร กิ่งสามี รอง สวป.สน.เตาปูน จนได้รับบาดเจ็บสาหัส บริเวณสี่แยกพิชัยว่า จากการสอบสวนข้อเท็จจริง พบว่า ตำรวจคนดังกล่าวกำลังเล็งอาวุธปืน เพื่อหวังยิงยางรถสกัดไม่ให้รถวิ่งชนเจ้าหน้าที่ตำรวจนายนั้นจริง แต่ยังไม่มีการยิงออกไปแต่อย่างใด หากมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบในเรื่องนี้ตำรวจก็พร้อมนำพยานหลักฐานชี้แจงได้แน่นอน

นอกจากนี้ ผบช.น.ยังกล่าวถึงการใช้แก๊สน้ำตาของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ว่า ขอยืนยันอีกครั้งว่า เป็นการปฏิบัติตามหลักสากลทั่วโลกที่เขาทำกันในการเข้าสลายการชุมนุม ซึ่งถือเป็นขั้นตอนสุดท้าย เพราะก่อนหน้านี้ เราดำเนินการในทุกขึ้นตอนตามลำดับมาโดยตลอดตั้งแต่การประกาศแจ้งเตือนขอร้องให้ผู้ชุมนุมออกจากพื้นที่แต่ก็ไม่เป็นผล ขั้นตอนที่สองการใช้รถน้ำฉีดสลาย ซึ่งขณะนั้นรถน้ำดับเพลิงไม่ได้อยู่ในความควบคุมดูแลของตำรวจเรามีการประสานขอไปแล้วแต่ กทม.บอกว่า ไม่อยู่ในอำนาจหน้าที่ที่จะต้องสลายการชุมนุม จนเข้าสู่ขั้นตอนที่ 3 การใช้โล่ดัน ตรงนี้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาแล้วว่าหากใช้โล่ดันในขณะนั้นซึ่งสถานการณ์กำลังอยู่ในภาวะรุนแรงก็เป็นการเสี่ยงต่อการปะทะกันระหว่างตำรวจกับผู้ชุมนุมจะส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บมากกว่านี้ จึงตัดสินใจดำเนินการในขั้นตอนสุดท้าย คือ การยิงแก๊สน้ำตา

“การยิงแก๊สน้ำตานั้น ก็มีหลายวิธีทั้งวิถีแนวราบและวิถีแนวโค้ง ซึ่งต้องตรวจสอบกันอีกทีว่า เหตุใดจึงยิงแนวราบ ซึ่งต้องมีคนกลางทำการสอบสวนในเรื่องนี้ ตำรวจพร้อมให้ความร่วมมือทุกอย่าง แต่หากให้ตำรวจมาสอบสวนกันเองสังคมก็จะมองว่าไม่มีความเชื่อถืออีก จึงจำเป็นต้องมีคนกลางเพื่อความโปร่งใสตรวจสอบได้ อย่างไรก็ตาม ยังตอบไม่ได้ว่า จากนี้ไปตำรวจจะใช้แก๊สน้ำตาอีกหรือไม่ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ผมยืนยันตรงนี้ได้เลยว่าตำรวจจะใช้วิธียิงแก๊สน้ำตาเป็นวิธีการสุดท้ายเท่านั้น” ผบช.น.กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น