การประท้วงของพันธมิตรประชาธิปไตยนั้น คุณสมัครได้ปรารภว่า เป็นเหมือน “ก้างปลาติดคอ” สำหรับรัฐบาล แล้วก็เชื่อด้วยว่า ก็คงเลิกราไปเอง
เท่ากับว่าเวลานี้ “รัฐบาลกำลังซื้อเวลา”
กับกลุ่มชาวนาและเกษตรกรที่มาประท้วงกันถี่ๆ นั้น รัฐบาลเข้าหาไม่เห็นต่อรองอะไรมากไปกว่ายอมตามเงื่อนไข
ก็ด้วยเพราะกลุ่มเหล่านั้น หาเสียงได้ เป็นกลุ่มเดือดร้อน หวังได้ประโยชน์จากรัฐมาแก้ไขจัดการ
ไม่ใช่กลุ่ม “อุดมการณ์” มี “เป้าหมาย” แบบพันธมิตร ซึ่งรัฐบาลยอมก็เท่ากับว่าต้องลาออกไปสถานเดียว
ผมอยากเรียนกับท่านผู้อ่านว่า มีหลายกรณีที่รัฐบาลนี้ใช้วิธีสกปรกสร้าง “ข่าว” เพื่อให้เกิดภาพว่า พันธมิตรสร้างความเดือดร้อน ลามปามไปยังกลุ่มอาชีพต่างๆ ตั้งแต่แม่ค้าเทเวศร์, บางลำพู, โปรโมเตอร์มวย, นักมวย ไล่ไปจนถึงเรื่องรถติด กระทั่งเงินเฟ้อและเศรษฐกิจก็ยังโทษว่าเพราะการชุมนุมของพันธมิตร
ดีนะครับ ไม่กล่าวหาว่า การชุมนุมทำให้เกิดโลกร้อนขึ้น 2 องศา !!
พวกจัดตั้งก็พบว่า เป็น “หน้าม้า” ทั้งหมดครับ เช่น พวกมวย เราส่งนักข่าวไปถ่ายถึงในสนาม เวลามีนัดชกมวยตามปกติ พบว่าคนดูมวยแน่นครับ ดูกันแน่นเหมือนเดิม ถามนักมวยที่ต่อยเสร็จก็บอกว่าไม่รู้เรื่อง แถมบอกว่า ดีครับชุมนุมน่ะดีแล้ว ไม่เห็นรัฐบาลสนใจอาชีพชกมวยเลย
แม่ค้าเรารู้ดีครับ เพราะแม่ค้ามาบอกเราเองว่า แม่ค้าที่ถูกระบุว่าไปร้องเรียนว่าขายของไม่ได้ ไม่ใช่ใครหรอก ไม่ใช่แม่ค่าตัวจริง แต่เป็นได้แค่ “หน้าม้า” ของรัฐบาล
พวกไปร้องว่ารถติดนั้น จำนวนไม่น้อย ก็พวกรับใช้รัฐบาล
ส่วนเรื่องนักเรียนเดือดร้อน ผู้ปกครองซึ่งอยู่แถวนี้และก็มาชุมนุมประจำวันบอกว่า ไม่จริงหรอก ลูกๆ มาเรียนได้ตามปกติ
จะไม่มาตามปกติได้อย่างไร ในเรื่องพันธมิตรมีตัวแทนไปคุยกับทางโรงเรียนหามาตรการทั้งเรื่องความสะดวกในการรับส่ง เวลาปิดทางจราจรทั้งไป-กลับ รถรับส่งตลอดจนการรักษาความปลอดภัย ไม่ให้มีมือที่สามดอดขึ้นมาด้วย (ซึ่งมีมา 10 กว่าคน และถูกตำรวจจับตัวไปทั้งหมดด้วย)
เห็นหรือยังว่า มันก็แค่ การจัดตั้ง สร้างภาพ ป้ายสีการชุมนุมเท่านั้น
หนังสือพิมพ์หัวสีบางฉบับทั้งที่รู้ก็ยังอุตส่าห์ตีพิมพ์ตามสั่งเหมือนจงใจกล่าวร้ายตามรัฐบาลไปด้วย
ขอโทษนะ ไม่ได้ช่วยเพิ่มยอดให้ขายดีไปกว่ากระดาษชำระเลยครับ
เวลานี้รัฐบาลเกิดกะบาลไส ทนแรงต้านไม่ไหวก็จะใช้อำนาจปิด ASTV ที่มีคนดูทั้งในและนอกประเทศรวมทั้งผ่านเว็บผู้จัดการด้วย
คนดูเป็นล้านนะครับ ดูกันทั่วโลก ลูกผมที่ยุโรปก็ดู เพื่อนที่อยู่ออสเตรเลีย, อเมริกา ก็ได้ดูกันและก็พอใจ เพราะว่าได้ข่าวรอบด้าน
ตัวการเป็นดั่งสมุนรับใช้ก็ไม่ใช่ใครอื่น ก็ รมต.สำนักนายกฯ นายชูศักดิ์ ศิรินิล คนที่ไม่ต้องบอกว่ากำพืดก็คงรู้กันดีว่าได้ดีมาจนถึงทุกวันนี้เพราะอะไร
เขารับลูกจาก “หมัก” ว่าจะให้รัฐบาลเสนอศาลปกครองให้ยกเลิกการที่เอเอสทีวีได้สิทธิคุ้มครองชั่วคราว เดิมนั้นกรมประชาสัมพันธ์ได้เป็นโจทก์ แต่บัดนี้มี พ.ร.บ.จัดสรรคลื่นความถี่ (พ.ศ.2543) และก็มี พ.ร.บ.ประกอบกิจการโทรคมนาคม ซึ่งจะเข้าสภาอยู่ร่อมร่อด้วย
กรมกร๊วกก็เลยบอกว่าหมดหน้าที่ในการเป็นโจทก์
แต่การใช้ความพยายามระงับไม่ให้เอเอสทีวีออกอากาศยังมีอยู่ครับ ปลัดสำนักนายกฯ อ้างว่าจะดูเนื้อหา เอาผิดทางกฎหมายได้หรือไม่
นี่แหละการคุกคามสื่อ
ทนไม่ได้หรอกครับรัฐบาลนี้ แผลเหวอะหวะโดนแบบนี้ก็อยากปิดสื่อ แต่ชอบให้ลิ่วล้อมาเลียแผลให้ มันก็แค่รัฐบาลหุ่น อายุคงไม่ยาวหรอกครับ
นี่พรรคร่วมรัฐบาลเตรียมถีบหัวส่งกันอยู่แล้ว
จะอยู่ไปเสียราคาและรังวัดไปทำไมกัน
เท่ากับว่าเวลานี้ “รัฐบาลกำลังซื้อเวลา”
กับกลุ่มชาวนาและเกษตรกรที่มาประท้วงกันถี่ๆ นั้น รัฐบาลเข้าหาไม่เห็นต่อรองอะไรมากไปกว่ายอมตามเงื่อนไข
ก็ด้วยเพราะกลุ่มเหล่านั้น หาเสียงได้ เป็นกลุ่มเดือดร้อน หวังได้ประโยชน์จากรัฐมาแก้ไขจัดการ
ไม่ใช่กลุ่ม “อุดมการณ์” มี “เป้าหมาย” แบบพันธมิตร ซึ่งรัฐบาลยอมก็เท่ากับว่าต้องลาออกไปสถานเดียว
ผมอยากเรียนกับท่านผู้อ่านว่า มีหลายกรณีที่รัฐบาลนี้ใช้วิธีสกปรกสร้าง “ข่าว” เพื่อให้เกิดภาพว่า พันธมิตรสร้างความเดือดร้อน ลามปามไปยังกลุ่มอาชีพต่างๆ ตั้งแต่แม่ค้าเทเวศร์, บางลำพู, โปรโมเตอร์มวย, นักมวย ไล่ไปจนถึงเรื่องรถติด กระทั่งเงินเฟ้อและเศรษฐกิจก็ยังโทษว่าเพราะการชุมนุมของพันธมิตร
ดีนะครับ ไม่กล่าวหาว่า การชุมนุมทำให้เกิดโลกร้อนขึ้น 2 องศา !!
พวกจัดตั้งก็พบว่า เป็น “หน้าม้า” ทั้งหมดครับ เช่น พวกมวย เราส่งนักข่าวไปถ่ายถึงในสนาม เวลามีนัดชกมวยตามปกติ พบว่าคนดูมวยแน่นครับ ดูกันแน่นเหมือนเดิม ถามนักมวยที่ต่อยเสร็จก็บอกว่าไม่รู้เรื่อง แถมบอกว่า ดีครับชุมนุมน่ะดีแล้ว ไม่เห็นรัฐบาลสนใจอาชีพชกมวยเลย
แม่ค้าเรารู้ดีครับ เพราะแม่ค้ามาบอกเราเองว่า แม่ค้าที่ถูกระบุว่าไปร้องเรียนว่าขายของไม่ได้ ไม่ใช่ใครหรอก ไม่ใช่แม่ค่าตัวจริง แต่เป็นได้แค่ “หน้าม้า” ของรัฐบาล
พวกไปร้องว่ารถติดนั้น จำนวนไม่น้อย ก็พวกรับใช้รัฐบาล
ส่วนเรื่องนักเรียนเดือดร้อน ผู้ปกครองซึ่งอยู่แถวนี้และก็มาชุมนุมประจำวันบอกว่า ไม่จริงหรอก ลูกๆ มาเรียนได้ตามปกติ
จะไม่มาตามปกติได้อย่างไร ในเรื่องพันธมิตรมีตัวแทนไปคุยกับทางโรงเรียนหามาตรการทั้งเรื่องความสะดวกในการรับส่ง เวลาปิดทางจราจรทั้งไป-กลับ รถรับส่งตลอดจนการรักษาความปลอดภัย ไม่ให้มีมือที่สามดอดขึ้นมาด้วย (ซึ่งมีมา 10 กว่าคน และถูกตำรวจจับตัวไปทั้งหมดด้วย)
เห็นหรือยังว่า มันก็แค่ การจัดตั้ง สร้างภาพ ป้ายสีการชุมนุมเท่านั้น
หนังสือพิมพ์หัวสีบางฉบับทั้งที่รู้ก็ยังอุตส่าห์ตีพิมพ์ตามสั่งเหมือนจงใจกล่าวร้ายตามรัฐบาลไปด้วย
ขอโทษนะ ไม่ได้ช่วยเพิ่มยอดให้ขายดีไปกว่ากระดาษชำระเลยครับ
เวลานี้รัฐบาลเกิดกะบาลไส ทนแรงต้านไม่ไหวก็จะใช้อำนาจปิด ASTV ที่มีคนดูทั้งในและนอกประเทศรวมทั้งผ่านเว็บผู้จัดการด้วย
คนดูเป็นล้านนะครับ ดูกันทั่วโลก ลูกผมที่ยุโรปก็ดู เพื่อนที่อยู่ออสเตรเลีย, อเมริกา ก็ได้ดูกันและก็พอใจ เพราะว่าได้ข่าวรอบด้าน
ตัวการเป็นดั่งสมุนรับใช้ก็ไม่ใช่ใครอื่น ก็ รมต.สำนักนายกฯ นายชูศักดิ์ ศิรินิล คนที่ไม่ต้องบอกว่ากำพืดก็คงรู้กันดีว่าได้ดีมาจนถึงทุกวันนี้เพราะอะไร
เขารับลูกจาก “หมัก” ว่าจะให้รัฐบาลเสนอศาลปกครองให้ยกเลิกการที่เอเอสทีวีได้สิทธิคุ้มครองชั่วคราว เดิมนั้นกรมประชาสัมพันธ์ได้เป็นโจทก์ แต่บัดนี้มี พ.ร.บ.จัดสรรคลื่นความถี่ (พ.ศ.2543) และก็มี พ.ร.บ.ประกอบกิจการโทรคมนาคม ซึ่งจะเข้าสภาอยู่ร่อมร่อด้วย
กรมกร๊วกก็เลยบอกว่าหมดหน้าที่ในการเป็นโจทก์
แต่การใช้ความพยายามระงับไม่ให้เอเอสทีวีออกอากาศยังมีอยู่ครับ ปลัดสำนักนายกฯ อ้างว่าจะดูเนื้อหา เอาผิดทางกฎหมายได้หรือไม่
นี่แหละการคุกคามสื่อ
ทนไม่ได้หรอกครับรัฐบาลนี้ แผลเหวอะหวะโดนแบบนี้ก็อยากปิดสื่อ แต่ชอบให้ลิ่วล้อมาเลียแผลให้ มันก็แค่รัฐบาลหุ่น อายุคงไม่ยาวหรอกครับ
นี่พรรคร่วมรัฐบาลเตรียมถีบหัวส่งกันอยู่แล้ว
จะอยู่ไปเสียราคาและรังวัดไปทำไมกัน