xs
xsm
sm
md
lg

บีวายดีเรียกคืนรถยนต์ครั้งใหญ่สุดในตลาดจีน หลังพบความเสี่ยงด้านความปลอดภัย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


โลโก้ของบีวายดี - ภาพรอยเตอร์
บีวายดี บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่สุดในโลกสัญชาติจีน หวั่นลูกค้าไม่ปลอดภัย เตรียมเรียกคืนรถยนต์มากกว่า 115,000 คันในตลาดแดนมังกร ซึ่งผลิตระหว่างปี 2558-2565 นับเป็นครั้งใหญ่ที่สุดที่บริษัทเคยมีการเรียกคืน
 
ตามการเปิดเผยของสำนักงานบริหารการกำกับดูแลตลาดแห่งรัฐของจีนเมื่อวันศุกร์ ( 17 ต.ค. ) บีวายดีได้ยื่นแผนการดังกล่าวต่อทางสำนักงาน โดยจะเรียกคืนรถรุ่นถัง ( Tang ) จำนวน 44,535 คัน ผลิตในช่วงเดือนมีนาคม 2558 – กรกฎาคม 2560 เนื่องจากพบข้อบกพร่องในการออกแบบส่วนประกอบของรถบางอย่าง ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดการทำงานผิดปกติ

 
นอกจากนั้น จะเรียกคืนรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นหยวนโปร ( Yuan Pro ) จำนวน 71,248 คัน ผลิตในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2564 – สิงหาคม 2565 เนื่องจากปัญหาในการผลิต ที่ส่งผลต่อการติดตั้งแบตเตอรี่

ก่อนหน้านี้บีวายดีเคยมีการเรียกคืนรถเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา เป็นรถเอสยูวีออฟโรดแบบปลั๊กอินไฮบริดรุ่นฟางเฉิงเปาเปา5 ( Fangchengbao Bao 5 ) โดยอ้างว่าเสี่ยงเกิดไฟไหม้

 
รวมถึงการเรียกคืนรถไฟฟ้ารุ่นดอลฟิน ( Dolphin ) และหยวนพลัส ( Yuan Plus ) เกือบ 97,000 คันในเดือนกันยายน 2567 เนื่องจากการผลิตหน่วยควบคุมพวงมาลัยมีข้อบกพร่อง ซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดไฟไหม้


ผู้สนใจเยี่ยมชมบูทของ BYD ในงานแสดงรถยนต์เซี่ยงไฮ้ ( Auto Shanghai show ) รอบสื่อมวลชน ที่นครเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2564 - ภาพรอยเตอร์
ถึงแม้การเรียกคืนรถยนต์ถือเป็นเรื่องปกติ อย่างไรก็ตาม ข้อบกพร่องเหล่านี้เกี่ยวข้องกับส่วนประกอบหลักของระบบขับเคลื่อนและแบตเตอรี่ การเรียกคืนอาจทำให้ผู้บริโภคในจีนเกิดความวิตกกังวลมากขึ้นในเรื่องความปลอดภัยของรถยนต์ไฟฟ้า หลังจากรถยนต์ไฟฟ้าค่ายเสี่ยวหมี่ ซึ่งเป็นคู่แข่งบีวายดีเกิดอุบัติเหตุร้ายแรง 2 ครั้งในปีนี้

เพื่อป้องกันความเสี่ยงด้านความปลอดภัย ขณะนี้หน่วยงานกำกับดูแลของจีนกำลังร่างข้อกำหนดเกี่ยวกับกลไกมือจับประตูเพื่อขจัดอันตรายที่เกิดจากมือจับแบบฝังหรือซ่อน ซึ่งรถไฟฟ้าค่ายเทสล่านิยมใช้


ทั้งนี้ บีวายดีสูญเสียตำแหน่งแบรนด์ขายดีที่สุดของจีน เมื่อยอดขายลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 18 เดือนในเดือนกันยายน สภาวะที่ยากลำบากในตลาดยังทำให้บีวายดีต้องลดการตั้งเป้าหมายยอดขายในปี 2568 จาก 5 ล้าน 5 แสนคัน เหลือ 4 ล้าน 6 แสนคันอีกด้วย


ที่มา : รอยเตอร์/บลูมเบิร์ก



กำลังโหลดความคิดเห็น