ฮ่องกงมั่นใจเศรษฐกิจฟื้นเต็มตัว งานแสดงสินค้าคึกคัก

MGR Online : องค์การสภาพัฒนาการค้าฮ่องกง (HKTDC) เผยงานแสดงสินค้าในฮ่องกงได้รับความสนใจอย่างมาก สะท้อนถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจหลังผ่านพ้นการระบาดของโรคโควิด-19

ฮ่องกงมีงานแสดงสินค้า นิทรรศการ และงานสัมมนาตลอดทั้งปี และครอบคลุมอุตสาหกรรมเกือบทุกประเภท องค์การสภาพัฒนาการค้าฮ่องกง (HKTDC) ได้สนับสนุนผู้ประกอบการในการเข้าร่วมงาน รวมทั้งการบ่มเพาะธุรกิจสตาร์ทอัป การระดมทุน การเปิดตลาด และการจับคู่ธุรกิจ โดยฮ่องกงวางบทบาทเป็นศูนย์กลางการค้าและศูนย์การเงิน ที่เชื่อมโยงกับแนวคิดริเริ่ม “แถบและเส้นทาง” (Belt and Road Initiative) และโครงการ Greater Bay Area ซึ่งครอบคลุมพื้นที่มณฑลกว่างตง-ฮ่องกง-มาเก๊า

เวียน เชิง ผู้อำนวยการประจำประเทศไทยและเอเชียใต้ ขององค์การสภาพัฒนาการค้าฮ่องกง เปิดเผยว่า ในปีที่ผ่านมา เราจัดงานแสดงสินค้าถึง 40 งาน มีผู้จัดแสดงสินค้าเข้าร่วมงานกว่า 22,000 ราย รวมไปถึงผู้ซื้อและผู้เข้าร่วมงานกว่า 430,000 รายจากฮ่องกง จีนแผ่นดินใหญ่ และประเทศอื่นๆ จากทั่วทุกมุมโลก

“จากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวของฮ่องกงในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2566 พวกเราได้เห็นถึงการกลับมาอย่างล้นหลามของผู้จัดแสดงและผู้ค้า เป็นเครื่องการันตีได้ว่าฮ่องกงเป็นผู้นำด้านธุรกิจและการลงทุน”


งานแสดงสินค้าในฮ่องกงมี 5 งานที่เป็นงานขนาดใหญ่ที่สุดในโลก และ 10 งานเป็นงานที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย โดยงานที่ได้รับความนิยมมาก ได้แก่ งานเครื่องเพชรพลอยและเครื่องประดับ งานของเล่นและของขวัญ และงานสินค้าอิเล็กทรอนิกส์

องค์การสภาพัฒนาการค้าฮ่องกง (HKTDC) เปิดเผยว่า ในเดือนกันยายน-พฤศจิกายนที่จะถึงนี้ จะมีการจัดงานแสดงสินค้าไลฟ์สไตล์ในฮ่องกง เพื่อเพิ่มโอกาสในการขยายธุรกิจไปสู่ตลาดใหม่ๆ สำหรับผู้ค้าและซัปพลายเออร์จากประเทศไทย รวมทั้งสิ้น 4 งาน ได้แก่

• HKTDC Hong Kong Watch & Clock Fair วันที่ 3-7 กันยายน 2567

• Salon de TIME วันที่ 3-7 กันยายน 2567

• CENTRESTAGE วันที่ 4-7 กันยายน 2567

• HKTDC Hong Kong International Optical Fair วันที่ 6-8 พฤศจิกายน 2567


ทั้งนี้ ประเทศไทยเป็นคู่ค้าที่สำคัญลำดับที่ 10 ของฮ่องกง ในปี 2566 มูลค่าของการซื้อขายระหว่างกันสูงถึง 19,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ อีกทั้งไทยยังเป็นตลาดส่งออกหลักลำดับที่ 12 ของฮ่องกง ด้วยมูลค่าของการส่งออกทั้งสิ้น 8,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และเป็นแหล่งนำเข้าทรัพยากรลำดับที่ 9 ด้วยมูลค่าการนำเข้าสินค้าทั้งสิ้น 10,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ.