เซาท์ ไชน่า มอร์นิ่ง โพสต์--“มหาอำนาจโลกพึงเคารพกฎหมายระหว่างประเทศ และหลีกเลี่ยงสองมาตรฐาน” ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง กล่าวในที่ประชุมสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เมื่อวานนี้(21 ก.ย.)
“แนวคิดยุคสงครามเย็น การแบ่งแยกทางอุดมการณ์ หรือ “เกมศูนย์ (zero-sum game) ที่ต้องมีผู้ชนะและผู้แพ้ ไม่ใช่สูตรแก้ไขปัญหาของประเทศใดอีกต่อไป และยิ่งไม่ใช่คำตอบสำหรับปัญหาร่วมที่มนุษย์ชาติกำลังเผชิญหน้า” สี จิ้นผิง กล่าวผ่านวิดีโอในการประชุมในวาระครบรอบ 75 ปี การก่อตั้งสหประชาชาติ หรือยูเอ็น
“พวกลัทธิปฏิบัติการแต่ฝ่ายเดียวได้ตายไปแล้ว” สีกล่าว
ระหว่างปราศรัย ผู้นำสูงสุดแดนมังกรได้เรียกร้องนานาประเทศหันมามาร่วมมือและนับถือกันซึ่งกันและกัน
ทั้งนี้สีกล่าวในท่ามกลางสถานการณ์โลกที่นับวันย่ำแย่ ทั้งสัมพันธ์ที่บูดเน่าระหว่างสองมหาอำนาจเศรษฐกิจจีนและสหรัฐฯ โรคระบาดจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือโควิด-19 ศึกพิพาทการค้าไปยันสิทธิมนุษย์ชน ตลอดจนความขัดแย้งในภูมิภาคเอเชียระหว่างจีนกับเหล่าเพื่อนบ้านที่งัดข้อชิงดินแดนหมู่เกาะในทะเลจีนใต้
“ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และความร่วมมือในการแบ่งปันผลประโยชน์กันต้องอยู่บนพื้นฐานกฎกติกา และจะต้องไม่ขึ้นกับพวกที่มีอำนาจบาตรใหญ่กว่า” สี กล่าว
ในการปราศรัยนี้ สีมิได้กล่าวถึงชื่อ “สหรัฐฯ” ที่กำลังไล่ปี้กลุ่มบริษัทรายใหญ่ของจีนอย่างไม่หยุดหย่อน แต่ถ้อยคำและท่าทีของประธานาธิบดีจีนคล้ายการแสดงความเห็นในปักกิ่งเมื่อเร็วๆนี้ที่โจมตีนโยบายของรัฐบาลประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งผู้นำจีนบางกลุ่มชี้ว่า “มันเป็นเป็นวิกฤตอันตรายที่เข้าใกล้สงครามเย็นครั้งใหม่”
โดยเฉพาะเมื่อทรัมป์เรียกร้องให้นานาชาติระวังและถอยห่างจากกลุ่มบริษัทเทคโนโลยีจีนที่กำลังขายผลิตภัณฑ์อย่าง เครือข่าย 5G และชี้ว่ามันเป็นเครื่องมืออุปกรณ์ล้วงความลับของจีน
ในช่วงนี้ ทรัมป์กำลังบุกตะลุยสกัดแอพส่งข้อความ วีแชท (WeChat) และ ติ๊กต็อก (TikTok) แอพลิเคชันวิดีโอยอดนิยมที่กำลังมาแรงครองโลก ด้วยความวิตกกังวลว่ามันจะเป็นช่องทางให้รัฐบาลเข้ามาล้วงเอาข้อมูลผู้ใช้
“ไม่มีประเทศใดที่อาจครอบงำกิจการต่างๆของโลก ตัดสินอนาคตของผู้อื่น หรือสร้างข้อได้เปรียบในการพัฒนาทุกๆด้านของตัวเอง” สี กล่าวระหว่างปราศรัยในยูเอ็น
ด้านกลุ่มผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า ด้วยขณะนี้กลุ่มผู้นำจีนใช้นโยบายที่ยึดมั่นหลักการแบบไม่ประนีประนอมมากขึ้นทั้งในประเทศและที่อื่นในโลก ดังนั้น คำกล่าวของสีในยูเอ็นเกี่ยวกับลัทธิหลายขั้นอำนาจและกฎหมายระหว่างประเทศ ดูจะไม่ทำให้พวกนักการเมืองสหรัฐฯเปลี่ยนใจเปลี่ยนท่าทีใดๆ