นายเมธา มาสขาว เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) กล่าวว่า ตามที่มีการชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยของขบวนการนักเรียน นิสิต นักศึกษา และเยาวชน ในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในประเทศไทยที่สะสมมานาน นับเป็นข้อเสนอที่รัฐบาลและรัฐสภาจะต้องตระหนักและให้ความสำคัญ ก่อนที่ปัญหาต่างๆ จะบานปลายกลายเป็นเหตุการณ์ 14 ตุลาคม ครั้งที่ 2 โดยเร่งแก้ไขและปฏิรูปโครงสร้างการเมือง เศรษฐกิจ โดยเฉพาะการแก้ไขรัฐธรรมนูญและจัดตั้ง ส.ส.ร.เพื่อร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ยุติการสืบทอดอำนาจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่อาศัยบทเฉพาะกาลให้นายกรัฐมนตรีมาจากการโหวตร่วมของรัฐสภาหรือ ส.ว.สรรหาได้ ซึ่งขัดแย้งกับหลักการประชาธิปไตยที่ต้องการเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร และเป็นปัจจัยหลักของความขัดแย้งที่ปฏิเสธเสียงของประชาชน
ขอเรียกร้องให้รัฐบาลและหน่วยงานที่ผูกขาดเรื่องความมั่นคง ยุติการส่งเจ้าหน้าที่รัฐไปติดตามและข่มขู่คุกคามเพื่อกดดันให้ยุติการเคลื่อนไหว ปฏิบัติการข้อมูลข่าวสารและต่อต้านข่าวกรองในรูปแบบต่างๆ รัฐบาลต้องทำหน้าที่ปกป้องและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนในสังคมประชาธิปไตย รวมถึงปฏิบัติตามกฎหมายภายใต้กติการะหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชนที่ประเทศไทยเป็นภาคีอยู่ โดยเฉพาะกฎหมายระหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (ICCPR) และกฎหมายระหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม (ICESCR) ซึ่งเป็นกฎหมายสิทธิมนุษย์ชนที่ประเทศไทยเป็นภาคีและบังคับใช้อยู่ รวมถึงออกกฎหมายลูกที่สอดคล้องมาบังคับใช้เพื่อส่งเสริมสิทธิมนุษย์ชนในประเทศ
ทั้งนี้ เพื่อสนับสนุนการแสดงออกของนักเรียน นิสิต นักศึกษา ในการออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยและการปฏิรูปการเมืองและสังคมประชาธิปไตยตามครรลองคลองธรรม ทาง ครป. จึงได้เรียกประชุมทางการเมืองเครือข่ายภาคประชาชนและ 30 องค์กรประชาธิปไตย เพื่อระดมความคิดเห็นและทางออกเพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยในสถานการณ์วิกฤตทั้งด้านการเมืองและเศรษฐกิจ โดยร่วมกันนำเสนอทางออกประเทศไทยและแนวทางการแก้ไขหรือผลักดันรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ในวันที่ 14 สิงหาคมนี้ ด้วยความคาดหวังว่ารัฐบาลจะตระหนักในปัญหา เจ้าหน้าที่รัฐจะตระหนักในสถานการณ์ และทุกฝ่ายหันมาร่วมกันแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างจริงจังร่วมกันต่อไป