ดร.ร่มฉัตร จันทรานุกุล
ขณะนี้ตัวเลขผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือโควิด-19 รวมทั่วโลกทะลุแสนแล้ว ในจำนวนนี้เป็นผู้ติดเชื้อฯในประเทศจีนกว่า 80,000 ราย หลายพื้นที่ในจีนเป็นพื้นที่เฝ้าระวังโดยเฉพาะช่วงเริ่มกลับมาทำงานของคนในเมืองใหญ่หลังจากวันหยุดยาวพิเศษระหว่างเทศกาลตรุษจีนของปีนี้ ขณะนี้โควิด-19 แพร่กระจายอย่างรวดเร็วในต่างประเทศกเช่นในเกาหลีใต้ ไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์ผู้ติดเชื้อพุ่งทะยานเป็นหลายร้อยคน โดยผู้ป่วยรายที่ 31 ของเกาหลีใต้เข้าข่ายยอดมนุษย์แพร่เชื้อ หมายถึงผู้ป่วยสามารถแพร่เชื้อออกไปได้มากกว่า 10 คน นายแพทย์จงหนานซานผู้เชี่ยวชาญจีนเองก็เอ่ยถึงยอดมนุษย์แพร่เชื้ออยู่หลายครั้งว่าเป็นเรื่องที่ต้องระวังอย่างยิ่ง ทั้งนี้ทั้งนั้นโควิด-19 ไม่ใช่แค่วิกฤติจีนเท่านั้นแต่กลายเป็นวิกฤติของโลกไปแล้ว
กลับมาที่เรื่องของการรักษาถือเป็นหัวใจสำคัญที่สุด ณ ขณะนี้ ทุกฝ่ายพยายามเสาะหายามารักษาให้ทันท่วงที ลดจำนวนการเสียชีวิตให้น้อยที่สุด เนื่องจากโควิด-19 เป็นไวรัสที่ระบาดฉับพลัน ไม่มียาเฉพาะ ไม่มีวัคซีนและจนถึงทุกวันนี้เรายังต้องทำความรู้จักกับพฤติกรรมของไวรัสสายพันธุ์ใหม่ตัวนี้อยู่เพราะตัวมันเองก็มีการเปลี่ยนแปลงการแสดงอาการในรูปแบบต่างๆในร่างกายของมนุษย์ การวิจัยยาเพื่อใช้รักษาและวัคซีนสำหรับป้องกันโรคโดยเฉพาะนั้นต้องใช้เวลานาน ไม่ใช่อ้างอิงแค่ผลในห้องแล็บเท่านั้น การเอามาใช้รักษาจริงกับคนนั้นเป็นหัวใจและต้องระมัดระวังอย่างยิ่ง ทั้งนี้ผลที่ได้อาจจะไม่ได้ตามผลของห้องแล็บที่ค้นพบก็เป็นได้
ดังที่ทุกท่านทราบจีนเป็นแหล่งระบาดใหญ่ การรักษาผู้ป่วยเป็นเรื่องเร่งด่วนที่สุด จีนพยายามหายาที่มีอยู่มารักษาตามอาการแต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการตอบสนองของร่างกายผู้ป่วยแต่ละคนอีกด้วย ทำให้จนถึงปัจจุบันแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจีนที่ปฎิบัติภารกิจอยู่ในแนวหน้า มีความเห็นตรงกันและได้ออกมาบอกแล้วว่า การรักษาโควิด-19 มีความซับซ้อนเพราะบางเคสไวรัสไม่ใช่แค่เข้าทำลายปอดเท่านั้น แต่ยังทำลายอวัยวะอื่นๆของร่างกายด้วย
ตั้งแต่วันที่ 27 ม.ค.ที่ผ่านมาในการแถลงข่าวของรัฐสภาจีนเน้นย้ำให้พัฒนาการใช้ยาจีนผสมผสานกับยาแผนปัจจุบัน โดยเฉพาะกับกลุ่มผู้ป่วยอาการเบา เพื่อลดผลข้างเคียงของยาแผนปัจจุบันและลดระยะเวลาการรักษาผู้ป่วยให้สั้นลง โรงพยาบาลสามสี่แห่งเริ่มบุกเบิกใช้ยาจีนในกลุ่มผู้ป่วยไวรัสสายพันธุ์ใหม่กลุ่มแรก 200 กว่าคนและจากผลการรักษาที่ได้ผลดีทำให้ปัจจุบันยาจีนถูกนำมาใช้กับผู้ป่วย ในทุกโรงพยาบาลแล้ว ขณะที่มีการใช้ยาจีนกับผู้ป่วยปอดอักเสบไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่จำนวนมากขึ้นทำให้มีการปรับสูตรยาจีนให้เหมาะกับผู้ป่วยมาตลอด จนในปัจจุบันถือว่าค่อนข้างลงตัวแล้วและใช้เป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ
ยาแผนจีนเป็นเสมือนยาสามัญประจำบ้าน คนจีนส่วนใหญ่เป็นไข้หวัดเล็กน้อยหรืออาการไม่สบายอื่นๆก็ซื้อยาจีนมากิน หลายคนเลี่ยงที่จะกินยาฝรั่งเพราะกลัวพิษสะสม ดังนั้นในร้านขายยาในจีน ยาจีนส่วนใหญ่มีราคาขายสูงกว่ายาฝรั่ง จากประสบการณ์ของผู้เขียนเองที่เคยใช้ยาจีนในการรักษาตอนที่ไม่สบายมีไข้ ทอลซิลอักเสบ ไอ พบว่ายาจีนได้ผลจริงแต่ปริมาณยาที่กินและเวลาในการใช้ยานานกว่ายาฝรั่ง
ยาจีนที่นำมาใช้กับผู้ป่วยแต่ละสูตร (โรงพยาบาลในบางมณฑลมีการปรับสูตรบ้างตามความเหมาะสม)ผสมผสานกันหลายตัวยาและตุ๋นออกมาเป็นยาน้ำบรรจุใส่ถุงขนาด 200 ml.ให้กับผู้ป่วยกิน 2-3 ครั้ง นอกจากแบบน้ำแล้วยังมีแบบแห้งที่ต้องนำไปละลายน้ำร้อนดื่มด้วย จนถึงวันที่ 22 ก.พ.ผู้ป่วยที่กินยาจีนเพื่อรักษาอาการมีทั้งหมดเกือบ 70,000 คนแล้ว
กรมแพทย์แผนจีนกล่าวในงานประชุมข่าวกับสื่อมวลชนเกี่ยวกับการใช้ “ยาจีนสูตรล้างพิษปอด”ให้ผู้ป่วยอาการเบาควบคู่กับการรักษาแผนปัจจุบัน จากการติดตามกรณีรักษาฯที่โรงพยาบาลในอู่ฮั่น พบว่าผู้ป่วย 102 คน อาการไม่สบายตัวหายเร็วขึ้น 2 วัน อาการไข้ลดลงเป็นปกติเร็วขึ้น 1.7 วัน ร่นระยะเวลาอยู่ในโรงพยาบาลของผู้ป่วยลง 2.2 วัน ผลการตรวจปอด CT สแกนดีขึ้น 22 เปอร์เซ็นต์ ทำให้อัตราการหายขาดเพิ่มขึ้น 33 เปอร์เซ็นต์ ลดอัตราผู้ป่วยอาการเบาที่จะมีอาการทรุดหนักได้ 27.4 เปอร์เซ็นต์ ทำให้จำนวนเม็ดเลือดขาวเพิ่มขึ้นได้ 70 เปอร์เซ็นต์
ปัจจุบันโรงพยาบาลกว่า 70 แห่งใน 10 มณฑล ตัวอย่างผู้ป่วย 701 คนที่กินยาจีนสูตรล้างพิษปอด พบว่าผู้ป่วยจำนวน 130 รายหายดีและออกจากโรงพยาบาลแล้ว, 51 รายอาการไม่สบายตัวต่างๆหายไป, 268 รายอาการดีขึ้น, 212 รายมีอาการทรงตัวไม่แย่ลง, และพบว่าผู้ป่วย 80 เปอร์เซ็นต์ กินยาจีนติดต่อกันประมาณหนึ่งสัปดาห์ อาการไอ เจ็บคอ ความเมื่อยล้าหายไป
ทางการจีนปรับปรุงแผนการรักษาโควิด-19 อยู่เรื่อยๆ ในปัจจุบันใช้แผนการรักษาฯที่ 6 โดยแผนการรักษาฯนี้ระบุวิธีการแพร่กระจายเชื้อเชื้อไวรัส ตัวยาแผนปัจจุบันและปริมาณที่ใช้ การแบ่งประเภทผู้ป่วยตามอาการที่แสดงตั้งแต่อาการเบาไปจนอาการหนัก สูตรยาแผนจีน และมาตรฐานการอนุญาตให้ผู้ป่วยออกจากโรงพยาบาล
ที่นี้เรามาโฟกัสกันที่ตัวยาจีนที่กรมการแพทย์แผนจีนได้ประกาศสูตรออกมาอย่างเป็นทางการและมาตรฐานสูตรใช้กันกว้างขวางที่สุด ที่จีนเรียกสูตรยาสั้นๆกว่า 肺炎1号 (Fei Yan Yi Hao อ่านว่า เฟ่ย-เหยียน-อี-เฮ่า) แปลตรงตัวหมายถึง “ปอดอักเสบหมายเลขหนึ่ง” แพทย์แผนจีนวิเคราะห์และให้คำนิยามของโรคปอดอักเสบโควิด-19ไว้ว่า “ชื้น พิษ ไม่ไหลเวียน” ใช้ภาษาชาวบ้านที่เข้าใจง่ายหมายถึง “ร่างกายมีความชื้นสูง มีพิษ เมือก และเลือดไหลเวียนไม่ดี” ดังนั้นการรักษาจึงฟุ่งเป้าไปที่ปรับสมดุลร่างกายโดยลดความเป็นหยาง(ร้อน/อักเสบ)ลง ลดความชื้นและถอนพิษ ที่ภาษาแพทย์แผนจีนใช้ 和解少阳,化湿解毒(อ่านว่า He Jie Shao Yang,Hua Shi Jie Du เหอ-เจี่ย-เส้า-หยาง,ฮว่า-ซือ-เจี่ย-ตู๋)หมายถึง สูตรยาจีน “ปอดอักเสบหมายเลขหนึ่ง” ประกอบด้วย ตัวยา 16 ชนิด โดยรวมช่วยในเรื่องของการยับยั้งพิษ ลดการอักเสบ ละลายเสมหะ บำรุงและล้างปอด
มาถึงเจ้าของสูตรต้นตำรับยาต้านปอดอักเสบหมายเลขหนึ่ง คือโรงพยาบาลประชาชน ณ มณฑลกว่างโจวที่ 8 (Guangzhou No.8 People Hospital) ที่ผลของการใช้รักษาผู้ป่วยที่กว่างโจวและโรงพยาบาลในมณฑลหูเป่ยเป็นที่น่าพอใจ จนหน่วยงานรัฐประกาศเป็นสูตรยามาตราฐาน โดยโรงพยาบาลประชาชน ณ มณฑลกว่างโจวที่ 8 มีผู้ป่วยโควิด-19 เข้ารับการรักษาเช่นกัน และ 94 เปอร์เซ็นของผู้ป่วยได้กินยาแผนจีน “ปอดอักเสบสูตรหนึ่ง”นี้อาการดีขึ้นอย่างชัดเจนในเวลา 6-7 วัน ปัจจุบันยาสูตรนี้ผลิตออกมาแล้ว 80,000 ซอง และเตรียมผลิตเพิ่มเป็น 800,000 ซอง เพื่อรองรับความต้องการของเขตมณฑลหูเป่ยและเมืองอู่ฮั่นด้วย
เรื่องราวของยาจีนที่รัฐบาลประกาศให้นำมาผสมผสานการรักษากับแพทย์แผนปัจจุบัน ผู้เขียนคิดว่าเป็นสิ่งที่น่าสนใจและน่าติดตาม จีนเป็นประเทศที่มีประวัติศาสตร์ทางการแพทย์แผนจีนที่ยาวนานกว่า 5,000 ปี ในอดีตจีนก็เคยมีโรคระบาดเกิดขึ้นและนำยาจีนเข้ามารักษา ช่วงที่เกิดโรคระบาด SARS รัฐบาลจีนก็เคยประกาศใช้ยาจีนเข้ามาผนวกรักษาเช่นกัน ศาสตร์การแพทย์จีนเป็นอะไรที่หลายคนอาจจะมองว่า ไม่น่าเชื่อถือ ไม่มีหลักการทางวิทยาศาสตร์แต่ในขณะเดียวกันแพทย์จีนก็ทำให้คนหายจากโรคต่างๆมานักต่อนักแล้ว เรื่องหลายเรื่องก็ยากที่จะหาเหตุผลทางวิทยาศาสตร์เข้ามาอธิบายอย่างชัดเจนได้ แนวทางรักษาของแพทย์แผนจีนคือการปรับสมดุล คนที่ไม่สบายคือคนที่ร่างกายขาดสมดุล ทั้งนี้ในประเทศจีนที่แพทย์แผนจีนยังคงได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางและไม่หยุดพัฒนามาจนถึงปัจจุบัน