คงจะไม่เป็นการวิตกจริตเกินไป หากจะยกประเด็นตรุษจีนนี้ ทริปการเดินทางครั้งใหญ่ที่สุดในโลกสามพันล้านทริป กำลังจะแพร่กระจายไวรัสมรณะโคโรนา อย่างไม่สามารถหยุดยั้งได้
จากรายงานล่าสุด มีผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา ป่วยเสียชีวิตอย่างน้อย 41 คน ในขณะที่พบตัวเลขยืนยันผู้ติดเชื้อเกิน 1,100 ราย โดยส่วนใหญ่คือคนในเมืองอู่ฮั่น ศูนย์กลางของการระบาด อันเป็นที่อยู่อาศัยของประชากรมากกว่า 11 ล้านคน
หลักการควบคุมและป้องกันโรคที่ทราบกันเป็นสากลนั้น มีส่วนที่ต้องพิจารณาทั้งกฎหมายระหว่างประเทศ และในประเทศ ที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันและควบคุมโรค
กลวิธีในการป้องกัน ควบคุมโรค การคัดกรองหรือตรวจจับผู้ต้องสงสัยว่าป่วย การหยุดยั้ง/ สกัดกั้น การติดตามผู้สัมผัส การแยกกัก การกักกัน การทำลายเชื้อ รวมกระทั่งการทำลายแมลง/ สัตว์นำโรค
และด้วยกรณีที่ได้รับการยืนยันผู้ติดเชื้อในประเทศไทย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ล่าสุดยังมีสหรัฐอเมริกา กับออสเตรเลีย ยิ่งทำให้มีความกังวลว่าการเดินทางครั้งมโหฬารตรุษจีนสุดสัปดาห์นี้ มีองค์ประกอบที่จะเป็นเหตุให้เกิดการระบาดใหญ่ทั่วโลก
จะเป็นการรุนแรงไปหรือไม่ที่จะกล่าวหรือคาดการณ์ว่า อู่ฮั่น อยู่ในสถานะที่อาจจะเหมือนต้องปิดเมือง เพราะทุกเที่ยวบินจากที่นี่กำลังแพร่กระจายไวรัสไปทั่วโลก
วันเสาร์นี้นับเป็นวันแรกของการเฉลิมฉลองปีใหม่จีน คนจีนหลายร้อยล้านคนจะเดินทางกลับบ้านในประเทศจีน รวมถึงเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศ ผ่านทางเครื่องบิน รถไฟ เรือข้ามฟาก และทางรถยนต์ ไม่ต่ำกว่า 3,000 ล้านทริป
ในชั้นแรกเริ่ม เจ้าหน้าที่ของจีนได้เชื่อมโยงการระบาดของไวรัสเมื่อเดือนที่แล้วกับตลาดอาหารทะเลในเมืองอู่ฮั่น ขณะที่ล่าสุดทีมผู้เชี่ยวชาญระดับสูงของคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีน ออกมายืนยันว่า เชื้อไวรัสโคโรนา (coronavirus)สายพันธุ์ใหม่สามารถติดต่อจากคนสู่คนได้ พร้อมเปิดเผยถึงการติดเชื้อในหมู่บุคลากรทางการแพทย์
จงหนานซาน ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบทางเดินหายใจชื่อดัง ระบุว่าการติดเชื้อ 2 กรณีในมณฑลกว่างตงถูกยืนยันแล้วว่าเป็นการส่งผ่านจากคนสู่คน
เจิงกวง หัวหน้านักระบาดวิทยาประจำศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติจีนและสมาชิกทีมผู้เชี่ยวชาญ เผยว่าการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่สามารถถูกยับยั้งได้ หากเร่งดำเนินการ
เขาชี้ว่า จำนวนผู้ป่วยรายใหม่ที่เพิ่มขึ้นในปัจจุบันชี้ให้เห็นว่าการแพร่ระบาดยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น
อย่างไรก็ตาม ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ และมณฑลกวางตุ้งตอนใต้ ล้วนพบผู้ติดเชื้อแล้ว การที่พบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นทุกวัน คือสัญญาณว่าท้องถิ่นไม่สามารถป้องกันควบคุมการแพร่กระจายได้
การอยู่ใน "ช่วงเริ่มต้น" การระบาด ย่อมหมายถึงเชื้อยังมีสิทธิ์กลายพันธุ์ได้อย่างรุนแรงและรวดเร็ว
ผู้ติดเชื้อทุกคนก็อาจกลายสถานะเป็นผู้ติดเชื้อที่ “แพร่กระจายเชื้ออย่างรวดเร็ว” (super-spreaders) หรือแพร่เชื้อไวรัสสู่ผู้คนจำนวนมาก ซึ่งในอดีตความรุนแรงของโรคซาร์สนั้น ก็เกิดจากการแพร่กระจายระดับนี้ ระดับที่ประมาณว่า 1 คน แพร่เชื้อไปได้อีกอย่างน้อย 8 คน ไม่ว่าเขาจะไปจับสัมผัสอะไร ลูกบิด กดปุ่มลิฟท์ ฯลฯ
ไวรัสโรคซาร์สในปี 2545-2546 ซึ่งเริ่มต้นในประเทศจีนและมีผู้เสียชีวิต 770 ราย แพร่กระจายไปยังประเทศต่าง ๆ เนื่องจากการรวมกันของผู้แพร่กระจายระดับสูง เพียงไม่กี่รายที่เดินทางระหว่างประเทศ
ไวรัสมรณะใหม่นี้ จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วหลายเท่าตัว จากปลายเดือนธ.ค. ที่ 25 คน...หลังปีใหม่ 50 คน...จนเกิน 200 คนในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ล่าสุด ทางการจีนยืนยันมากกว่า 300 รายแล้ว ยังมีผู้ต้องสงสัยอีก 54 คนป่วยด้วยโรคสายพันธุ์ใหม่และอีกประมาณ 1,000 คนกำลังอยู่ในระหว่างการเฝ้าสังเกตอาการ
ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญต่างชาติคาดว่า น่าจะมีผู้ติดเชื้อเฉพาะที่เมืองอู่ฮั่นมากกว่า 1,400 คน มากกว่าตัวเลขของทางการ
ที่แน่ชัดคือ มีผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพอย่างน้อย 15 คน เป็นผู้ติดเชื้อแล้ว
จงคาดการณ์ว่า จำนวนผู้ป่วยโรคปอดอักเสบในช่วงวันหยุดเทศกาลตรุษจีนจะเพิ่มสูงขึ้น อย่างไรก็ดี เขาแสดงความมั่นใจว่าจะสามารถควบคุมการแพร่กระจายของไวรัสได้ พร้อมเสริมว่าการระบาดของโรคซาร์ส ในปี 2546 จะไม่เกิดขึ้นซ้ำรอยอีกครั้ง
จงระบุเพิ่มเติมว่า "เราใช้เวลาเพียง 2 สัปดาห์ในการระบุเชื้อไวรัสโคโรนา" และกล่าวว่าจีนจะไม่ได้รับผลกระทบทางสังคมและเศรษฐกิจรุนแรงเหมือนเมื่อ 17 ปีก่อน เนื่องจากระบบการตรวจสอบและกักกันที่มีคุณภาพของประเทศ
"การพบการติดเชื้ออย่างรวดเร็ว การวินิจฉัย การรักษา และการกักกัน ยังคงเป็นวิธีควบคุมการระบาดของโรคที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด" จงหนานซาน ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบทางเดินหายใจ กล่าว
ดังนี้ มาตรการตอบสนองการแพร่ระบาดระหว่างประเทศคือสิ่งเร่งด่วนสำคัญที่สุด นั่นคือ ตั้งจุดคัดกรองที่สนามบินทั่วโลก แต่นั่นก็ยังเป็นเพียงการป้องกันการแพร่ระหว่างประเทศเท่านั้น
เวลานี้ไต้หวัน จัดตั้งศูนย์บัญชาการการตอบสนองการแพร่ระบาด พร้อมเตรียมเตียงมากกว่า 1,000 เตียง ไว้สำหรับแยกผู้ติดเชื้อ
หัวหน้าขององค์การอนามัยโลกได้พิจารณาแล้วว่า การระบาดครั้งนี้ควรได้รับการประกาศให้เป็นกรณีฉุกเฉินระดับโลก เช่นการระบาดของโรคอีโบล่าในแอฟริกาตะวันตก เมื่อปี 2557 การระบาดในคองโก และการระบาดของซิก้าในอเมริกากลางปี 2559
แต่ที่น่ากลัวกว่าคือทุกวันนี้ ทั่วโลกล้วนไปมาหาสู่กับจีน จึงต่างกับสถานการณ์ของแอฟริกา หรือ อเมริกากลาง
ด้านองค์การอนามัยโลก ยังไม่ได้ประกาศคำแนะนำการ จำกัดการเดินทางท่องเที่ยวหรือการค้าไปมาหาสู่กับจีน (ซึ่งก็คือเกือบทั่วโลก)
ดร. เจเรมี ฟาร์รา ผู้เชี่ยวชาญชั้นนำผู้อำนวยการของ Wellcome Trust องค์กรการกุศลด้านการวิจัยชีวการแพทย์ ที่ตั้งอยู่ในกรุงลอนดอน กล่าวว่า "เรื่องนี้น่ากังวลอย่างยิ่ง" เขาเตือน "การแพร่เชื้อจากบุคคลสู่คนได้รับการยืนยัน และตามที่คาดไว้นั้น จะพบจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อเพิ่มมากขึ้นแบบทวีคูณอย่างรวดเร็วทั่วประเทศจีนและในประเทศอื่น ๆ"
หลายๆ คนวิตกว่า สถานการณ์จริงอาจเลวร้ายกว่าข่าวที่รู้กัน สำนักข่าวของทางการจีนเองก็เริ่มรายงานข่าวไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน หลังจากก่อนหน้านี้มีเพียงข่าวจาก หน่วยสาธารณสุขเมืองอู่ฮั่นเท่านั้น
ในรายงานข่าว ยังระบุตำแหน่งของสีจิ้นผิง คือ ประธานาธิบดีจีน, เลขาธิการใหญ่คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน และประธานคณะกรรมาธิการทหารส่วนกลาง สะท้อนถึงการใช้อำนาจทั้งหมดที่มี (ผู้นำรัฐ ผู้นำพรรค และผู้นำกองทัพ) เพื่อควบคุมสถานการณ์
แม้ว่าครั้งนี้ จีนจะออกมาเปิดเผยสถานการณ์อย่างรวดเร็วไม่ปกปิดเหมือนสมัยโรคซาร์สระบาด เมื่อ 17 ปีก่อน แต่อย่างไรก็ตาม การควบคุมโรคระบาดในวันนี้ยากกว่าครั้งโรคซาร์สมาก เพราะการคมนาคมที่รวดเร็วทั้งรถไฟความเร็วสูงและเครื่องบิน ทำให้การแพร่โรคระบาดมี "ความเร็วสูง" ตามไปด้วย
และโดยเฉพาะในช่วงตรุษจีน ซึ่งเป็นเวลาที่คนจีนต่างคนต่างเดินทางกันทั่วแผ่นดินใหญ่ (และทั่วโลก)
ดร. เจเรมี ฟาร์รา ผู้เชี่ยวชาญฯ กล่าวว่า “ด้วยการเดินทางเป็นส่วนสำคัญของปีใหม่จีน ความกังวลยิ่งจะต้องอยู่ในระดับสูงสุด” เขากล่าวเสริมว่า "ข้อกังวลที่สำคัญคือ เราไม่รู้เลยว่าใครป่วยถ้าไม่ได้ตรวจด้วยกล้องคัดกรองผู้ป่วย ซึ่งเป็นกล้องถ่ายภาพรังสีความร้อน(อินฟราเรด) หรือเครื่องวัดอุณหภูมิรายคน เพราะผู้ติดเชื้อที่อยู่ในช่วงแพร่เชื้อได้ อาจมีอาการเพียงเล็กน้อยเท่านั้นหรืออาจไม่มีอาการจาม ไอ น้ำมูกเลย แม้แต่ตัวผู้ติดเชื้อเองก็ไม่รู้ตัวด้วย"
"นี่คือการพรางแฝงตัวของไวรัสโคโรนา ที่อาจส่งผลกับขอบเขตการกระจายที่ไม่อาจคาดเดาได้"
ที่ผ่านมา โลกยังไม่มีใครเคยเจอปรากฏการณ์การแพร่กระจายไวรัสตัวใหม่ มากับคนจำนวนมากที่เดินทางไปมา และนั่นคือสิ่งที่จะเกิดขึ้นในประเทศจีนในช่วงตรุษจีนนี้
การติดเชื้ออาจเกิดจากการเบียดเสียดใกล้กัน การนั่งในรถแท็กซี่ การหยื่นส่งเงิน ธนบัตร การพักอาศัยในโรงแรม การใช้ลิฟท์ ลูกบิดประตูห้องน้ำสาธารณะ ทุกอย่างเป็นไปได้หมด
"วิธีเดียวที่จะหยุดมันได้ คือการหมั่นทำความสะอาดร่างกายที่เป็นจุดสัมผัส และระยะทางสังคม - อยู่ห่างจากผู้คน และสังเกตคอยอาการของตน" ดร. เจเรมี ฟาร์รา ผู้เชี่ยวชาญฯ กล่าว
ในขณะที่เขียนบทความนี้ WHO ประกาศว่าจะมีการประชุมคณะกรรมการฉุกเฉินในเจนีวา เพื่อตรวจสอบว่าการระบาดควรถูกจัดประเภทว่าเป็นวิกฤตระดับโลกหรือไม่!!