ปักกิ่ง, 14 ม.ค. (ซินหัว) - บทความการศึกษาของคระนักวิทยาศาสตร์นานาชาติ ซึ่งประจำอยู่ในสถาบันต่างๆ 11 แห่งทั่วโลก จำนวน 14 คน เปิดเผยว่า "มหาสมุทร" ทั่วโลกในปี 2019 มีอุณหภูมิสูงสุดเท่าที่เคยบันทึกมาในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ และอุณหภูมิยังคงทวีสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องและรวดเร็วด้วย
บทความที่ตีพิมพ์ในวารสารแอดวานเซส อิน แอตโมสเฟียริก ไซแอนซ์ (Advances in Atmospheric Sciences) เมื่อวันอังคาร (14 ม.ค.) ระบุว่าอุณหภูมิของมหาสมุทรทั่วโลกในปี 2019 เพิ่มขึ้นจากค่าเฉลี่ยระหว่างปี 1981-2010 ประมาณ 0.075 องศาเซลเซียส
เฉิงลี่จิ้ง นักวิจัยจากสถาบันฟิสิกส์บรรยากาศ (IAP) แห่งสถาบันบัณฑิตวิทยาศาสตร์จีน (CAS) และผู้เขียนนำของบทความฉบับดังกล่าว ระบุว่า การเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิเพียงน้อยนิดนั้น เกิดขึ้นจากการที่มหาสมุทรทั่วโลกดูดซับความร้อนจำนวนมหาศาล เทียบเท่ากับระเบิดปรมาณูฮิโรชิมาจำนวน 3,600 ล้านลูก
"ปรากฏการณ์มหาสมุทรร้อนที่วัดเป็นตัวเลขได้นี้ คือ 'ความจริง' ที่มิอาจโต้แย้งได้ และบทพิสูจน์ 'ภาวะโลกร้อน' อีกครั้งหนึ่งด้วย" เฉิงกล่าว
ข้อมูลที่ใช้ในการศึกษาถูกบันทึกโดยสถาบันฯ ของจีน และองค์การบริหารสมุทรศาสตร์และบรรยากาศแห่งชาติสหรัฐฯ (NOAA) โดยวิธีการใหม่ช่วยให้นักวิจัยสามารถตรวจสอบแนวโน้มการปรับเพิ่มของอุณหภูมิ ที่ย้อนหลังไปถึงทศวรรษ 1950
ผลการศึกษาพบว่า อุณหภูมิมหาสมุทรทั่วโลกทุบสถิติใหม่เกือบทุกปี นับตั้งแต่ปี 2017 และช่วง 6 ทศวรรษที่ผ่านมา มหาสมุทรทั่วโลก มีอุณหภูมิสูงขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 450 ส่วนอุณหภูมิช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ถือว่าร้อนที่สุดเท่าที่เคยบันทึกมา
"หากคุณอยากทำความเข้าใจภาวะโลกร้อน คุณต้องวัดจากความร้อนของน้ำในมหาสมุทร" จอห์น อับราฮัม ผู้เขียนร่วมและศาสตราจารย์มหาวิทยาลัยเซนต์โทมัส ในสหรัฐฯ กล่าว พร้อมย้ำว่า การที่น้ำในมหาสมุทรร้อนขึ้น เป็นตัวบ่งชี้การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศโลก เนื่องจากมหาสมุทรเป็นแหล่งสะสมความร้อนส่วนใหญ่ในโลก
ผลกระทบของภาวะโลกร้อนปรากฏให้เห็นชัดเจนแล้ว และจะสำแดงออกมาอย่างต่อเนื่องในปี 2020 ด้วยรูปแบบสภาพอากาศแปรปรวนสุดขุ้น ระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น และการสูญเสียสัตว์ทะเลจำนวนมาก


