xs
xsm
sm
md
lg

เรื่องเล่าจากผู้รอดชีวิต ‘สังหารหมู่นานกิง’ เหตุการณ์นองเลือดที่ยากจะลืมเลือน

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ภาพจากวันวานของครอบครัวโจวเหวินปิน ผู้รอดชีวิตจากสงครามนานกิงอันหฤโหด (ภาพ ซินหัว)
ซินหัว, หนานจิง-- ปี 2019 เป็นปีครบรอบ 82 ปีของเหตุการณ์สังหารหมู่ที่นานกิง ทหารญี่ปุ่นเข้ายึดครองนครหนานจิงเมื่อวันที่ 13 ธ.ค. ปีค.ศ. 1937 ตลอด 6 สัปดาห์ของการบุกยึดเมืองนี้กองทัพญี่ปุ่นได้สังหารชาวจีนมากกว่า 300,000 คน จุดชนวนการทำลายล้าง ปล้นสะดม ข่มขืน และสังหารเข่นฆ่ามากมาย

จวบจนวันที่ 12 ธ.ค. 2019 จำนวนผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์สังหารหมู่ลดเหลือเพียง 78 คนแล้ว ผู้สื่อข่าวจากสำนักข่าวซินหัวใช้เวลาหลายปีเพื่อค้นหาผู้รอดชีวิตจากเหตุนองเลือดในครั้งนั้น และเฝ้าติดตามชีวิตปัจจุบันของพวกเขา

จิงจื้อเจิน และครอบครัว (ภาพ ซินหัว)
จิงจื้อเจิน เกิดเมื่อวันที่ 29 ก.ย. 1928 ในตอนแรกจื้อเจินและครอบครัวของเธอหลบซ่อนตัวอยู่ในชนบท ก่อนจะย้ายไปพำนักในค่ายผู้ลี้ภัยในนครเซี่ยงไฮ้ ลุงของเธอถูกทหารญี่ปุ่นสังหาร ส่วนคุณยายของเธอก็เสียสติโดยสมบูรณ์ จิงจื้อเจินแต่งงานในปี 1947 เธอให้กำเนิดลูกสาวและลูกชายจำนวนรวม 4 คน

เฉินหงหลาน และครอบครัว (ภาพ ซินหัว)
เฉินหงหลาน เกิดเมื่อวันที่ 5 ก.ค. 1934 เดิมครอบครัวของเธออาศัยอยู่ในมณฑลเจียงซู แต่ด้วยภาวะข้าวยากหมากแพง พวกเขาจึงย้ายไปหนานจิงในปี 1930 ต่อมาในปี 1937 เฉินหงหลานได้รับบาดเจ็บจากกระสุนของทหารชาวญี่ปุ่นที่พุ่งทะลุคางของเธอ ขณะที่เฉินเสี่ยวซาน น้องชายคนเล็กถูกเผาทั้งเป็นภายในบ้าน ปัจจุบันเฉินหงหลานอาศัยอยู่ในเมืองซู่เชียน มณฑลเจียงซู และมีลูกทั้งหมด 5 คน

โจวเหวินปิน และครอบครัว (ภาพ ซินหัว)
โจวเหวินปิน เกิดเมื่อเดือนมกราคมปี 1938 ขณะที่กองทัพญี่ปุ่นเข้ารุกรานสังหารใหญ่ โจวเหวินปิน ซึ่งยังคงเป็นเพียงทารกในขณะนั้น ถูกยิงเข้าที่เท้าซ้ายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ส่วนโจวเหวินซินพี่ชายวัย 11 ปีซึ่งนั่งเล่นใกล้ๆ ไม่สามารถหลบหนีทันจนถูกกระสุนยิงเข้าที่ขาอย่างจัง โจวเหวินปินแต่งงานในปี 1972 และมีลูกสาว 2 คน

อวี๋ชางเสียง และครอบครัว (ภาพ ซินหัว)
อวี๋ชางเสียง เกิดเมื่อวันที่ 19 ต.ค. 1927 หลังจากผู้บุกรุกชาวญี่ปุ่นเข้ายึดครองหนานจิง อวี๋ชางเสียงและสมาชิกในครอบครัวบางคนสามารถหลบหนีจากการสังหารหมู่โดยซ่อนตัวภายในอุโมงค์ ซึ่งตั้งอยู่ที่ตรอกเส้าโจ่ว แต่พ่อแท้ๆ ของเขากลับถูกสังหาร ขณะที่พ่อบุญธรรมถูกทหารญี่ปุ่นแทงเข้าที่ลำตัว 7 ครั้งจนเสียชีวิต

สวีเจียฉิง และครอบครัว (ภาพ ซินหัว)
สวีเจียฉิง เกิดเมื่อวันที่ 8 ก.พ. 1925 เขาและครอบครัวซ่อนตัวอยู่ในหลุมหลบภัยบนถนนสือกู่ ก่อนที่ทหารญี่ปุ่นจะพบตัวพวกเขาเมื่อย้ายไปพำนักอีกแห่ง

สวีเจียฉิงและสมาชิกในครอบครัวที่เป็นผู้ใหญ่ 3 คนออกไปยังถนนหนิงไห่ แต่ 2 ใน 3 ของพวกเขาไม่ได้กลับมาอีก สวีเจียฉิงยังต้องเห็นภาพขณะสมาชิกในครอบครัวถูกทหารญี่ปุ่นถอดเสื้อผ้า จับมัด และขู่บังคับให้คุกเข่าลงกับพื้น ต่อมาสวีเจียฉิงมีลูกชาย 5 คน และลูกสาว 3 คน ปัจจุบันเขาอาศัยอยู่กับลูกสาวคนสุดท้อง

อูจี๋อิง และครอบครัว (ภาพ ซินหัว)
อูจี๋อิง เกิดเมื่อวันที่ 15 มิ.ย. 1924 เนื่องด้วยหนี้สินของครอบครัว อูจี๋อิงในวัย 10 ปีจึงถูกขายให้กับตระกูลจางเพื่อไปทำงานในฐานะแม่บ้าน ขณะกองทัพญี่ปุ่นเข้ายึดครองหนานจิง อูถูกแทงเข้าที่ขาของเธอ แต่เธอสามารถหลบหนีจากทหารญี่ปุ่นได้สำเร็จโดยซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางซากศพ หลังเหตุโศกนาฏกรรม อูได้หวนกลับคืนจวี้หรง บ้านเกิดของเธออีกครั้ง ปัจจุบันอูจี๋อิงมีลูกชาย 2 คน และลูกสาว 4 คน

กวนซุ่นหัว และครอบครัว (ภาพ ซินหัว)
กวนซุ่นหัว เกิดเมื่อวันที่ 10 ส.ค. 1925 กวนและครอบครัวย้ายไปเมืองหวยอัน ก่อนจะกลับไปยังค่ายผู้ลี้ภัยในหนานจิง อย่างไรก็ดี ลุงของเขาถูกทหารญี่ปุ่นสังหารในเวลาต่อมา

กวนซุ่นหัว แต่งงานเมื่ออายุ 19 ปี ปัจจุบันเขามีลูกสาว 1 คน

ฟางซู่เสีย และครอบครัว (ภาพ ซินหัว)
ฟางซู่เสีย เกิดเมื่อวันที่ 11 พ.ย. 1934 แม้จะอยู่ท่ามกลางการกราดยิง แต่ครอบครัวของเธอก็หนีรอดจากเหตุการณ์สังหารหมู่ได้สำเร็จด้วยการโดยสารเรือ ต่อมาฟางป่วยไข้และมีภาวะบกพร่องทางการได้ยิน ส่วนย่าของเธอก็เสียชีวิตเนื่องจากอาการหัวใจวายซึ่งเกิดจากความหวาดกลัว

ฟางชิ่งอี๋ ลุงของฟางซู่เสียได้แยกจากครอบครัวและขาดการติดต่อกันตลอดกาล หลังจากนั้นพวกเขาได้เดินทางกลับบ้าน และพบว่าถูกทหารญี่ปุ่นปล้นชิงทุกสิ่งทุกอย่าง ฟางซู่เสียแต่งงานในปี 1953 ปัจจุบันเธอมีลูกชายและลูกสาว 2 คน


กำลังโหลดความคิดเห็น