เซาท์ไชน่า มอร์นิงโพสต์ (10 ธ.ค.) DJI ซึ่งตั้งอยู่ในเซินเจิ้นผู้นำระดับโลกด้านเทคโนโลยี กำลังเผชิญกับความพยายามของสหรัฐฯ หลายประการในการห้ามการขายและการใช้งานผลิตภัณฑ์ในหน่วยงานของตน
รายงานข่าวกล่าวว่า ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาผู้ร่างกฎหมายของสหรัฐได้เสนอร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการแบนโดรนจีน หลังจากที่กำลังได้รับความนิยมในหน่วยงานต่างๆ ตัวอย่างเช่น เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ตำรวจในฟรีมอนต์แคลิฟอร์เนียใช้เทคโนโลยีโดรนของ DJI พร้อมกับกล้องอินฟราเรด ค้นหาเด็กชายที่มีปัญหาด้านอารมณ์ซึ่งหายตัวไปในเวลากลางคืน หลังจากที่หนีออกจากโรงเรียน ตำรวจใช้โดรนและเทคโนโลยีจีนตามหาจนพบเขาและพากลับมาอย่างปลอดภัย
ยังมีหน่วยดับเพลิงของสหรัฐฯ ใช้โดรนติดกล้องอินฟราเรดของ DJI สำรวจพื้นที่เพลิงไหม้ ซึ่งสามารถสำรวจได้ทั้งความรุนแรง พื้นที่เกิดเหตุ และคนหรือสิ่งมีชีวิตในพื้นที่หรืออาคารปิดทึบ กว้างแคบ หรืออยู่สูงเพียงใดก็ได้ นับว่ามีประสิทธิภาพสูงในการสำรวจก่อนส่งเจ้าหน้าที่ฯ เข้าปฏิบัติภารกิจทั้งกู้ชีพ และผจญเพลิง
แต่ข้อดีเหล่านี้กำลังจะดีเกินจนส่งผลบรรดาฝ่ายความมั่นคงสหรัฐฯ ระแวง และตั้งกฎระเบียบที่เข้มงวดมากขึ้นในการใช้โดรนจีน
ในฝั่งของหน่วยงานความมั่นคงอ้างว่า นอกจากข้อดีของการช่วยงานเจ้าหน้าที่ โดรนของ DJI ยังถูกคนนำไปใช้ในเรื่องผิดกฎหมาย เหตุการณ์การก่อการร้าย และการส่งมอบยาเสพติดในเรือนจำ
คริสโตเฟอร์ วิลเลียมส์ หัวหน้าผู้บริหารของ Citadel Defense บริษัทจำหน่ายเทคโนโลยีเชิงป้องกัน ที่ตั้งอยู่ในซานดิเอโก กล่าวว่า “ตลาดโลกกำลังหลับใหล ชาวจีนเริ่มสร้างสิ่งเหล่านี้เป็นของเล่น”
“สหรัฐฯ เป็นเพียงแค่ผู้ใช้”
ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ผู้ร่างกฎหมายของสหรัฐฯ จึงได้เร่งออกกฎหมายฯ มากกว่า 20 ฉบับ โดยส่วนมากมุ่งเป้าไปที่การควบคุมหรือจำกัด เครื่องจักรไฮเทคที่ผลิตในประเทศจีน
กฎหมายที่โดดเด่นที่สุดคือ "พระราชบัญญัติการอนุญาตให้ใช้ป้องกันแห่งชาติ (National Defense Authorization Act: NDAA) ที่ตั้งงบประมาณการทหารปีละ 780 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งผ่านทั้งสองสภาแล้ว และคาดว่าจะเป็นกฎหมายในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า เนื้อหาที่มีอยู่ในกฎหมาย 1,976 หน้านี้ รวมถึงการห้ามไม่ให้กองทัพสหรัฐฯ ซื้อโดรนที่ผลิตในจีน
วุฒิสมาชิก ริค สก็อตต์ จากพรรครีพับลิกันในรัฐฟลอริดา กล่าวว่า “เราต้องจริงจังกับภัยคุกคามความมั่นคงของประเทศที่เราเผชิญอยู่จากพรรคคอมมิวนิสต์จีนซึ่งกำลังขโมยเทคโนโลยีและทรัพย์สินทางปัญญาของเรา”
“รัฐบาลสหรัฐฯ ยังคงซื้อเทคโนโลยีที่สำคัญทางยุทธศาสตร์ เช่น โดรนจากบริษัทจีนที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลคอมมิวนิสต์ เราไม่พึงอนุญาตเรื่องแบบนี้”
นอกจากนี้ หลังจากทำเนียบขาวกำหนดให้โดรนเป็นอุตสาหกรรมเชิงกลยุทธ์ในเดือนมิถุนายนโดยอ้างถึงความเสี่ยงของ “การล่มสลายของผู้ประกอบการในประเทศ” วอชิงตันยังได้ปัดฝุ่นพระราชบัญญัติป้องกันการผลิตปี 1950 ที่เคยใช้เพื่อกระตุ้นการผลิตอลูมิเนียมและไทเทเนียมในช่วงสงครามเกาหลี และสนับสนุนผู้ผลิตโดรนพาณิชย์ของสหรัฐ
กฎหมายนี้ รวมถึงสัญญาของรัฐบาลกลางที่ค้ำประกันการให้สินเชื่อพิเศษ การยกเว้น การต่อต้านการผูกขาด แม้กระทั่งการร่วมทุนฯ
กระทรวงกลาโหมยังจะเข้ามาเป็นหัวหอกในการเป็นหุ้นส่วนระหว่างภาครัฐและเอกชน และได้เชิญบริษัทสหรัฐฯ 5 แห่ง เพื่อแข่งขันในการสร้างโดรนลาดตระเวนขนาดเล็กต้นแบบสำหรับกองทัพสหรัฐฯ
DroneLife บริษัทโดรนสหรัฐฯ กล่าวว่า “ไม่น่าแปลกใจเลยที่ DJI ผู้นำอุตสาหกรรมโดรนจะไม่มีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์นวัตกรรม”
ข้อมูลจาก Skylogic Research คาดการณ์ว่า บริษัท DJI มีส่วนแบ่งประมาณ 74% ของตลาดโดรนเชิงพาณิชย์ทั่วโลก ในปี 2018 ซึ่งมีมูลค่าของตลาดโดรนทั่วโลกในปัจจุบัน มีประมาณ 4.9 พันล้านเหรียญ และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็นสามเท่าในทศวรรษหน้า
DJI ยังต้องเผชิญกับอุปสรรคที่เพิ่มขึ้น ในเดือนตุลาคมกระทรวงมหาดไทยของสหรัฐอเมริกาได้สั่งระงับเที่ยวบินโดรนของ DJI ในพื้นที่ของสหรัฐฯ
กระทรวงกลาโหมสหรัฐ ออกข้อมูลเตือนเมื่อ 5 เดือนก่อนว่า เจ้าหน้าที่พาณิชย์ของจีนอาจรวบรวมและส่งข้อมูลฯ กลับไปยังปักกิ่ง และเมื่อปีที่แล้วเพนตากอนยังได้เพิ่มการห้ามใช้โดรน DJI ทั้งหมดในกองทัพบกสหรัฐฯ
อย่างไรก็ตาม DJI ปฏิเสธข้อกล่าวหาเหล่านี้ นายไมเคิล โอลเดนเบิร์ก โฆษกของ DJI North America กล่าวว่า ปักกิ่งไม่เคยขอข้อมูลลูกค้า "ที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายความปลอดภัยเฉพาะเหล่านั้น และเป็นไปไม่ได้ที่จะส่งมอบข้อมูลที่เราไม่มี”
“มีความพยายามร่วมกัน [ทั่วทั้งวอชิงตัน] เพื่อหมายหัวเฉพาะบริษัทเทคโนโลยีของจีน เห็นได้ชัดว่าเรากำลังโดนจับตามองอยู่ และการบริหารในปัจจุบันก็คาดเดาไม่ได้ บางคนในสหรัฐอเมริกาดูเหมือนจะมีความคิดฝันว่าการผลิตโดรนจะกลับมาที่สหรัฐฯ ทั้งที่การผลิตเทคโนโลยีเคลื่อนย้ายไปต่างประเทศกันนานแล้ว”
ทั้งนี้ข้อเสนอส่วนใหญ่ของกฎหมาย เป็นเรื่องการตั้งงบประมาณการซื้อของรัฐบาลจากกิจการเล็กๆ ในสหรัฐฯ กันเอง แต่ในทางปฏิบัตินั้นก็คงไม่ต่างจากเรื่องต่อต้าน 5จี ที่แม้ว่าความมุ่งมั่นในการต่อต้านจีนจะเพิ่มขึ้น แต่มาตรการรองรับอื่นๆ เช่น ข้อเสนอด้านภาษีและภาษีอาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจการค้าและผู้บริโภคสหรัฐฯ เสียเอง
“เราไม่มีฐานอุตสาหกรรมขนาดเล็กจำนวนมากเนื่องจาก DJI ผลิต quadcopters ราคาต่ำจำนวนมากในตลาด” เอลเลน ลอร์ด เจ้าหน้าที่ฝ่ายพัฒนากิจการ ประจำกองทัพสหรัฐฯ กล่าว
การสร้างโดรนเป็นอุตสาหกรรมเชิงพาณิชย์ของสหรัฐ คงจะไม่ยากนักถ้า DJI ไม่ได้บดขยี้ผู้ผลิตในสหรัฐฯ อย่าง GoPro และ 3D Robotics ไปหมดแล้ว เมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมา