เซาท์ ไชน่า มอร์นิ่ง โพสต์-ภาคค้าปลีกในฮ่องกงกำลังผจญวิกฤตสาหัสที่สุด โดยอาจต้องตัดลดตำแหน่งงานอย่างน้อย 5,600 ตำแหน่ง ขณะที่บริษัท 7,000 ราย เตรียมปิดกิจการภายใน 6 เดือนนี้ ฮ่องกงเริ่มรู้สึกถึงพิษสงของความวุ่นวายทางการเมืองและสังคมที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ
สมาคมจัดการด้านค้าปลีกแห่งฮ่องกง (Hong Kong Retail Management Association) เผยสถิติเมื่อวันจันทร์(9 ธ.ค.) จากการสำรวจธุรกิจ 176 รายที่มีร้านค้า 4,310 แห่ง และการจ้างงานของกลุ่มธุรกิจนี้ คิดเป็นสัดส่วน 33 เปอร์เซ็นต์ของภาคค้าปลีกทั้งหมดระหว่างวันที่ 29 ต.ค.-22 พ.ย.ที่ผ่านมา
ประธานหญิงของสมาคม นาง Annie Tse Yau On-yee เตือนว่าปฏิกิริยาลูกโซ่จะซ้ำเติมเศรษฐกิจที่ได้เข้าสู่ภาวะถดถอยแล้ว
“ตัวเลขต่างๆเป็นสถิติที่ตกต่ำที่สุด เรายังไม่รู้เลยว่ามันจะดิ่งเหวไปถึงก้นบึ้งเมื่อไหร่เนื่องจากความไม่แน่นอนว่าสังคมจะกลับสู่ความสงบเมื่อไหร่ แม้กระทั่งมีฮ่องกงมีเสถียรภาพแล้วก็ตามก็ยังต้องใช้เวลาอีกนานกว่าที่จะกอบกู้กิตติศัพท์ระหว่างประเทศกลับมาได้ ตลอดจนเรียกนักท่องเที่ยวกลับคืนมา”
ทั้งนี้ฮ่องกงตกอยู่ในสภาพวุ่นวายจากการปะทะรุนแรงนับจากมีการประท้วงใหญ่โดยขณะนี้ยังไม่เห็นจุดจบสิ้น การประท้วงขยายวงเป็นแคมเปญต่อต้านรัฐบาลที่โหมความรุนแรงและสร้างโกลาหลไปทั่วดินแดนจากการปิดถนน ปิดเส้นทางคมนาคม ทำลายทรัพย์สินกลุ่มธุรกิจ พังร้านค้า ภัตตาคาร และธนาคารที่มีสายสัมพันธ์กับจีน
การป่วนเมืองอุบัติขึ้นตามช้อปปิ้ง มอลล์ ศูนย์กลางพาณิชย์ แหล่งท่องเที่ยว และเขตที่อยู่อาศัย อย่างเช่น คอสเวย์เบย์, จิมซาจุ่ย, มงก๊ก, ชาทิน และ เจิ้งกวนโอ (Tseung Kwan O)
การเดินทางมาฮ่องกงของนักท่องเที่ยวซึ่งเป็นเสาหลักกระตุ้นการบริโภค ตกฮวบไป 43.7 เปอร์เซ็นต์ในเดือนต.ค. นับเป็นการตกอย่างแรงที่สุดนับจากช่วงวิกฤตโรคระบาดใหญ่ซาร์ส(Sars) เมื่อปี 2003
นาง Tse กล่าวว่าธุรกิจที่เจ็บหนักที่สุด ได้แก่ ธุรกิจรองเท้า สุขภาพ ความงาม และผู้ค้าปลีกเครื่องเพชรเครื่องทอง
ในเดือนต.ค. ยอดค้าปลีกร่วงผล็อย 24.3 เปอร์เซ็นต์/ปีต่อปี ถือเป็นผลประกอบการที่เลวร้ายที่สุดนับจากรัฐบาลเริ่มจัดทำสถิติในเดือนม.ค.1981
ตอนนี้ฮ่องกงยังถูกซ้ำเติมด้วยสงครามการค้าจีน-สหรัฐ
ประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ของบริษัท 176 รายที่ทำการสำรวจ บอกว่าพวกเขาจะปลดคนงานใน 6 เดือนข้างหน้า
นาง Tse กล่าวเสริมว่ากลุ่มบริษัทมีแผนปลดพนักงานถึง 21 เปอร์เซ็นต์ของแรงงานในอุตสาหกรรมซึ่งมีคนทำงานอยู่ทั้งสิ้น 270,000 คน ซึ่งหมายถึงว่าจะมีคนมากกว่า 5,600 คน ต้องตกงาน ในการทำโพลล์ยังครอบคลุมกลุ่มบริษัทที่ทำกิจการร้านค้าแบบลูกโซ่ (chain stores) และกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก (SMEs)
“มันหมายความว่ามากกว่า 5,600 ครอบครัวจะได้รับผลกระทบ ครอบครัวเหล่านี้จะมีรายได้น้อยลงหรือไม่มีรายได้ พลังการใช้จ่ายก็จะตกลง”
Tse เผยผลการสำรวจว่า 97 เปอร์เซ็นต์ของบริษัทขาดทุนกันยับ และประมาณ 11 เปอร์เซนต์ของบริษัทที่ทำการสำรวจบอกว่าพวกเขาจะปิดกิจการใน 6 เดือนข้างหน้า เมื่อประเมินจากกลุ่มบริษัทค้าปลีกที่อยู่ในทะเบียนธุรกิจ 64,000 รายในฮ่องกง หมายถึงว่ามีบริษัทอย่างน้อย 7,000 ราย ที่อยู่ในกลุ่มที่มีแผนปิดกิจการ
Tse แนะให้รัฐบาล “คิดนอกกรอบ” ในการเร่งรับรองมาตรการช่วยเหลือมูลค่า 4,000 ล้านเหรียญฮ่องกงที่ประกาศเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
นอกจากนี้องค์กรการกุศลของมหาเศรษฐีลีกาชิงยังแถลงเมื่อวันจันทร์(9 ธ.ค.) ว่าได้จัดสรรความช่วยเหลือ 1,000 ล้านเหรียญฮ่องกง ให้แก่กลุ่มเอสเอ็มอีกว่า 28,000 รายที่อยู่ในอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบ อาทิ ค้าปลีก การท่องเที่ยว อาหารและเครื่องดื่ม