หอการค้าไทยระบุยังมีหลายปัจจัย ทำให้ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ต.ค.ลดต่อเนื่อง ไม่กล้าใช้เงินกังวลต่อเศรษฐกิจ ฉุดเม็ดเงินลอยกระทงลดลง
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการ ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนตุลาคม 2562 โดยระบุว่า ดัชนีมีการปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 8 มาอยู่ที่ระดับ 70.2 ซึ่งเป็นดัชนีที่ต่ำสุดในรอบ 40 เดือน มาจากผู้บริโภคมีความกังวลต่อสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ยังมีผลมาจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ปัญหาการถูกตัดสิทธิจีเอสพี ปัญหาทางการเมืองของไทย ทำให้เศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยชะลอ
นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายปัจจัยส่งผลดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวมปรับตัวลดลงอยู่ที่ระดับ 57.9 โอกาสในการหางานทำลดลงมาอยู่ที่ระดับ 67.0 และรายได้ในอนาคตลดลงอยู่ที่ระดับ 87.3 ความเชื่อด้านต่าง ๆ ที่ลดลงดังกล่าวส่งให้ความเชื่อมั่นไม่ดีนัก ประกอบกับสถานการณ์ราคาพืชผลทางการเกษตรในประเทศยังทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ โดยเฉพาะยางพาราและปาล์มน้ำมัน แม้จะมีโครงการประกันรายได้ทั้งข้าวและปาล์มน้ำมัน แต่เป็นการพยุงราคาโดยรวมชั่วคราวเท่านั้น ทำให้ผู้บริโภคไม่มั่นใจจะใช้เงิน เพราะเห็นว่าเงินนั้นหายาก จึงไม่กล้าจะใช้จ่ายในการซื้อบ้าน ซื้อรถหรือไปท่องเที่ยวมากนัก ทำให้กำลังซื้อในต่างจังหวัดลดลง
อย่างไรก็ตาม ศูนย์พยากรณ์ฯ ได้ประเมินผลจากเม็ดเงินในการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่ออกมาขณะนี้ เห็นว่ายังคงเข้าระบบไม่เต็มที่ แม้ว่าจะมีเม็ดเงินจากการโอนผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ มาตรการชิมช้อปใช้และการประกันรายได้ที่เม็ดเงินยังไม่เข้าสู่เข้าระบบเท่าที่ควร ดังนั้น คงจะต้องติดตามในช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้ที่รัฐบาลจะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและกำลังซื้อผ่านโครงการต่าง ๆ ที่จะใช้เงินมากกว่า 25,000-30,000 ล้านบาทได้เต็มที่และเต็มวงเงินได้มากจริงก็น่าจะส่งผลให้กำลังซื้อกลับมา ดังนั้น ทางศูนย์พยากรณ์ฯ จะขอรอดูผลสำรวจดัชนีด้านต่าง ๆ ของเดือนพฤศจิกายนนี้ก่อนว่าจะปรับเพิ่มขึ้นหรือไม่
ทั้งนี้ ในช่วงไตรมาส 4 หากเศรษฐกิจโตร้อยละ 3.4-3.5 จะส่งผลให้ภาพรวมเศรษฐกิจไทยปีนี้น่าจะเติบโตได้ร้อยละ 2.8 แต่หากมาตรการต่าง ๆ ของภาครัฐยังไม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างเต็มที่ก็อาจจะส่งผลให้เศรษฐกิจไทยปีหน้าจะไม่เติบโตเกินร้อยละ 3 จึงต้องมาติดตาม นอกจากปัจจัยที่ผู้บริโภคมีความกังวลต่อภาพรวมเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยขณะนี้แล้ว ซึ่งมีความกังวลกันมากขึ้น โดยเฉพาะปัญหาการว่างงาน เนื่องจากข่าวการปลดคนงานเริ่มมีมากขึ้นทุกเดือน ส่วนการลดดอกเบี้ยนโยบายลงอีกร้อยละ 0.25 ถือว่ากระตุ้นเศรษฐกิจได้ไม่มาก แต่จะลดภาระให้กับผู้ที่ผ่อนที่อยู่อาศัยได้ดี
อย่างไรก็ตาม จากปัญหาความกังวลด้านต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นส่งผลให้การสำรวจพฤติกรรมและการใช้จ่ายของผู้บริโภคช่วงวันลอยกระทงปี 2562 ซึ่งตรงกับวันที่ 11 พฤศจิกายนนี้ คาดการณ์ว่ามูลค่าการใช้จ่ายวันลอยกระทงปีนี้จะอยู่ที่ 9,573 ล้านบาท ติดลบร้อยละ 2.3 แม้ว่าคนยังให้ความสำคัญต่อประเพณีวันลอยกระทงออกมาท่องเที่ยง แต่จากปัญหาค่าครองชีพด้านต่าง ๆ ยังสูง ทำให้คนไม่กล้าใช้เงินกันมากนัก แต่คำอธิษฐานของประชาชนในช่วงลอยกระทงขอให้ประเทศชาติมีแต่ความสงบสุข เศรษฐกิจดีขึ้น และคนที่อยากจะไปลอยกระทงด้วย คือ นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน