รอยเตอร์ - รัฐบาลฮ่องกงในวันพุธ(4ธ.ค.) แถลงทุ่มงบประมาณ 4,000 ล้านฮ่องกง(ราว 15,000ล้านบาท) ในมาตรการเยียวยารอบใหม่เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจที่สั่นคลอนจากการประท้วงที่ยืดเยื้อมานานหลายเดือน ซึ่งกัดเซาะความเชื่อมั่นของนักลงทุนในศูนย์กลางการเงินนานาชาติแห่งนี้
ความเคลื่อนไหวล่าสุด ส่งผลให้นับตั้งแต่ช่วงฤดูร้อนปีนี้ รัฐบาลใช้งบประมาณรวมแล้วกว่า 25,000 ล้านฮ่องกง(ราว 96,000 ล้านบาท) ในการกระตุ้นเศรษฐกิจของเมือง ซึ่งโซซัดโซเซจากตัวเลขนักท่องเที่ยวที่ลดลงอย่างมาก เช่นเดียวกับยอดค้าปลีก
เมืองที่อยู่ภายใต้การปกครองของจีนแห่งนี้ ถูกห้อมล้อมด้วยการประท้วงต่อต้านปักกิ่งที่ยืดเยื้อมานานเกือบ 6 เดือน ซึ่งบางครั้งได้เลี้ยวเข้าสู่ความรุนแรง และเวลานี้ ฮ่องกง ได้ดำดิ่งสู่ภาวะถดถอยเป็นครั้งแรกในรอบทศวรรษและมีความกังวลว่าดินแดนแห่งนี้กำลังโดนบรรดานักลงทุนระหว่างประเทศตีจากมากขึ้นเรื่อยๆ
"ระหว่างภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ การสนับสนุนการจ้างงานเป็นเป้าหมายลำดับหนึ่งของรัฐบาล" พอล ชาน รัฐมนตรีคลังกล่าวระหว่างแถลงเปิดตัวแพ็คเกจมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเขาบอกว่ามาตรการต่างๆนี้มีเป้าหมายหลักคือช่วยเหลือธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง เพื่อคุ้มครองการจ้างงาน หลังจากการประท้วงกัดเซาะความเชื่อมั่นของนักลงทุน
เหตุประท้วงมีต้นตอจากร่างกฎหมายฉบับหนึ่งซึ่งเปิดทางส่งผู้ร้ายข้ามแดนไปดำเนินคดีในจีน แม้ต่อมาจะมีการถอนร่างกฎหมายดังกล่าวออกไปแล้ว ทว่านับตั้งแต่นั้นการชุมนุมก็ยกระดับสู่การเรียกร้องขอมีประชาธิปไตยมากยิ่งขึ้น
พวกที่เข้าร่วมในการชุมนุมฝักใฝ่ประชาธิปไตย กล่าวหาจีนพยายามยกระดับเข้าแทรกแซงฮ่องกง ผิดคำสัญญาที่เคยให้ไว้เมื่อครั้งที่รับมอบเกาะแห่งคืนจากอังกฤษเมื่อปี 1997 อย่างไรก็ตามจีนปฏิเสธและยืนยันว่าไม่ได้แทรกแซงกิจการใดๆของฮ่องกง
ก่อนหน้านี้ในวันพุธ(4ธ.ค.) กองทุนการเงินระหว่างประเทศเรียกร้องรัฐบาลฮ่องกง ให้คลอดมาตรการกระตุ้นทางการเงินเพิ่มเติมอย่างมีนัยสำคัญ เพื่อจัดการกับภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ และจัดการกับประเด็นปัญหาเชิงโครงสร้างระยะสั้น อาทิเช่นที่อยู่อาศัยไม่เพียงพอและความไม่เท่าเทียมทางรายได้
กิจกรรมภาคธุรกิจของฮ่องกง หดตัวในอัตรารูนแรงที่สุดในรอบ 21 ปีในเดือนพฤศจิกายน ถูกฉุดจากการประท้วงและอุปสงค์โลกอ่อนแอ
ทั้งนี้แม้ฮ่องกงเป็นจุดหมายปลายทางด้านการช็อปปิ้งยอดนิยมของนักท่องเที่ยวจีน แต่สถานการณ์ความไม่สงบได้ผลักนักท่องเที่ยวเหือดหายและกระทบต่อการใช้จ่าย โดยในช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการเปิดเผยว่าภาคค้าปลีกของเมืองพังครืนหนักหน่วงที่สุดเท่าที่เคยประสบมา ด้วยยอดขายในเดือนตุลาคม ลดลงถึง 24.3% เหลือราวๆ 30,100 ล้านเหรียญฮ่องกง(1.1แสนล้านบาท)