“บิ๊กตู่” ย้ำทหารมีไว้ทำไม หลังดูสารคดีสงครามช่องเน็ตฟลิกซ์ ย้อนเรียนรู้ประวัติศาสตร์ ความขัดแย้งชนวนสงครามโลก ชูยิ้มสยามทรัพยากรล้ำค่า ขอคนไทยอย่าเปลี่ยนเป็นยิ้มสยอง แยกเขี้ยวใส่กัน
วันนี้ (2 ธ.ค.) ที่โรงแรม ดิ แอทธินี โฮเทล ถนนวิทยุ กรุงเทพฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม (กห.) เป็นประธานพิธีเปิดงานและกล่าวปาฐกถาพิเศษ ในงานเปิดตัว เครือข่ายเพื่อความยั่งยืนประเทศไทย (Thailand Responsible Business Network : TRBN) และงานสัมมนา “ถึงเวลา เติบโต ร่วมกัน” โดยมี นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ร่วมงาน
ในตอนหนึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนอยากให้ทุกคนเรียนรู้ประวัติศาสตร์ มันไม่ใช่ว่าจะไม่เกิดขึ้นอีกแล้ว อย่างเช่นสงคราม ถ้ามันเกิดขึ้นก็จะแรงกว่าเดิม คนดูในช่องสารคดีผ่านทางเน็ตฟลิกซ์ ถ้าย้อนกลับไปดูจะเห็นความน่ากลัว ความเสียหายที่เกิดขึ้นในโลกนี้ ทั้งจากสงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2 เกิดจากความไม่เท่าเทียม ความเหลื่อมล้ำ ความขัดแย้ง และเมื่อไหร่ที่เกิดขึ้นในต่างประเทศก็จะเกิดการรวมกลุ่มขึ้นมา ทั้งฝ่ายตะวันตก อักษะ พันธมิตร และจะรบกันด้วยนิวเคลียร์ทั้งสิ้น ซึ่งไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น และของเราก็ยังไม่มีปัญหาถึงขั้นขนาดนั้น แต่มันจะเกิดขึ้นที่อื่น เราก็ต้องเตรียมตัวของเราไว้ตรงนี้ เพราะเมื่อมันเกิดตรงอื่น ตรงนี้ก็จะเกิด และความขัดแย้งจะเกิด จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องมีทหารไว้ทำไม
“สื่อก็อย่าไปขยายความขัดแย้งให้ผมอีก เปิดหนังสือแล้วอ่านก็ปวดหัว กำลังคิดอะไรดีๆ ออกมา พออ่านหนังสือพิมพ์แล้วก็ท้อ แต่วันนี้ก็ต้องฮึดสู้ เพราะถ้าเราท้อ มันก็ไปต่อไม่ได้ เขาเชื่อมั่นให้ผมเป็นผู้นำ ก็ต้องทำให้ได้” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนก็หวังให้ทุกคนร่วมกันพัฒนาประเทศให้ยั่งยืน ร่วมกันใช้ทรัพยากรอันล้ำค่าของเราที่เหลืออยู่อย่างจำกัด แต่ที่เหลืออยู่มากคือรอยยิ้ม เพราะฉะนั้น อย่าแยกเคี้ยวใส่กันให้มากนัก รอยยิ้มสยามจะหายไปกลายเป็นรอยยิ้มสยอง เพราะทะเลาะกันเรื่องไม่เป็นเรื่อง เราต้องช่วยกัน กฎหมายคือกฎหมาย ให้กลไกทำงานไปก็จบแล้ว เรียกว่าเป็นการตรวจสอบและถ่วงดุล ไม่เช่นนั้นปัญหาใหม่มันก็เข้ามาอีก และสะสมกันไปเรื่อยๆ ถ้าไม่เดินหน้าไปแต่ละอัน มันก็ติดอยู่ปัญหาเดิม ตนพูดถึงทุกปัญหา และอยากขอให้ช่วยกันสร้างจิตสำนึก ความรู้สึกเป็นเจ้าของประเทศร่วมกันไม่นิ่งดูดาย ไม่มัวโทษกันไปมา ร่วมกันจับมือกระจายความรู้ ความก้าวหน้า ไปสู่บุคคลและองค์กรต่างๆ ทั่วประเทศ พร้อมหาเป้าหมายที่จะทำควบคู่กันให้เจอระหว่างรัฐและเอกชน ซึ่งตนรู้ว่าปัญหาของประเทศไทยอยู่ตรงไหน และจะแก้อย่างไร แต่วิธีการที่จะเดินหน้า คือเราต้องช่วยกัน
“ผมไม่ใช่นักธุรกิจ และไม่ใช่นักธุรกิจการเมือง ผมเป็นนักปฏิบัติ ต้องช่วยผมทำตรงนี้ การเมืองก็เรื่องของการเมือง ก็ต้องให้เกียรติซึ่งกันและกันเท่านั้น เคารพซึ่งกันและกัน มันก็จบ ช่วยกันดึง ช่วยพา ช่วยกันนำไป เดี๋ยวมันก็ทำได้หมด เพราะทั้งหมดคือคนไทยทั้งสิ้น ถ้าคนไทยไม่ทำแล้วใครจะทำ แล้วคนไทยที่ว่าคือ ทั้งผม นักการเมือง ข้าราชการ เอกชน ถ้าเราไม่ร่วมมือในประเทศจะเกิดอะไรขึ้น แล้วต่างประเทศเขาจะไว้ใจหรือไม่ เราไม่มีความขัดแย้ง มีแต่ขัดแย้งกันเอง ต่างชาติเขาเห็นก็บอกว่าน่าเสียดายตรงนี้ เพราะฉะนั้นต้องช่วยกันดึงเขากลับมา เอาประเทศชาติมาก่อน แล้วจะสู้กันอย่างไรก็ค่อยว่ากันต่อไป” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวตอนท้าย