นักวิทย์จีนพบไวรัสซิกาทำลายเซลล์ต้นกำเนิดประสาท หวังพบวิธีควบคุมฯ

ไชน่าเดลี่ เผย (13 พ.ค.) นักวิทยาศาสตร์จีนเผยงานวิจัยในวารสารวิชาการชั้นนำ ระบุการเชื่อมโยงโดยตรงของไวรัสซิกากับการมีศีรษะขนาดเล็กผิดปกติเนื่องจากข้อบกพร่องของการพัฒนาสมอง

งานวิจัยดังกล่าวเป็นการค้นคว้าร่วมกันของซู่ จี่เหิง ผู้อำนวยการวิจัยสถาบันชีววิทยาพันธุศาสตร์ หน่วยงานในสถาบันวิทยาศาสตร์จีน กับศาสตราจารย์ฉิน เฉิงเฟิง จากสถาบันไวรัสวิทยาและระบาดวิทยา หน่วยงานในสถาบันการศึกษาแพทย์ทหาร

ผู้ค้นคว้าวิจัยได้เผยแพร่ผลงานวิจัยฯ เมื่อวันพุธที่ 11 พฤษภาคม ในวารสาร Cell Stem Cell ซึ่งมุ่งเน้นการค้นพบที่สำคัญในการวิจัยเซลล์ต้นกำเนิด โดยพวกเขาพบว่า ตัวอ่อนของหนูทดลองที่ได้รับไวรัสอาเซียนซิกา (Asian Zika) จะมีลักษณะผิดปกติของศีรษะ

นักวิจัยคาดว่าไวรัสดังกล่าวจะเข้าไปมีผลต่อเซลล์ประสาท และสัญญาณทางพันธุกรรมของสมองยังบ่งชี้การทำลายของไวรัส เปลี่ยนแปลงการตอบสนองของภูมิคุ้มกัน และทำลายเซลล์ ซึ่งเป็นหลักฐานโดยตรงว่าการติดเชื้อไวรัสซิกาทำให้เกิดความผิดปกติศีรษะเล็กในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม

รายงานข่าวกล่าวว่า ไวรัสซิกา ได้แพร่กระจายจากทวีปอเมริกาใต้ ไปทั่วโลกรวมทั้งจีนตั้งแต่ปี ค.ศ.2015

"ซิกา ไม่ได้เป็นไวรัสที่เพิ่งค้นพบใหม่ แต่ได้รับความสนใจเพราะเกิดการระบาดครั้งใหญ่กับทารกในบราซิลมากกว่า 6,000 คน ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2015 ซึ่งได้รับการวินัจฉัยว่าเกิดจากมารดาทารกเหล่านี้ที่ติดเชื้อไวรัส" ฉิน กล่าว

กระนั้นก็ตาม ที่ผ่านมายังไม่เคยมีงานวิจัยฯ ใดที่เชื่อมโยงโดยตรงว่าไวรัสซิกา มีผลกับความผิดปกติของศีรษะ ขณะที่มีสาเหตุต้องสงสัยอื่นๆ อาทิ ความผิดปกติของยีนมนุษย์มากกว่า 30 ชนิด

ซู่ จี่เหิง ผู้อำนวยการวิจัยสถาบันชีววิทยาพันธุศาสตร์ กล่าวว่า การค้นพบของนักวิทยาศาสตร์จีนนี้ เป็นการยืนยันโดยตรงว่า ไวรัสซิกาเข้าไปทำลายเซลล์ต้นกำเนิดประสาทหรือเซลล์ตั้งตันของระบบประสาท และขยายตัวเพิ่มขึ้นหลายร้อยเท่าในเวลา 5 วัน

"ไวรัสยังไม่เพียงทำลายเซลล์ตั้งต้นกำเนิดประสาท แต่ยังทำลายเซลล์อื่นๆ" ซู่ กล่าวและว่า ยังมีความหวังจากการค้นพบครั้งนี้ ซึ่งจะวางรากฐานที่ดีในการวิจัยต่อไปเพื่อค้นพบวิธีควบคุมไวรัสที่ส่งผลโดยตรงกับสมอง