เอเอฟพี/MGR Online - พญามังกรสยายปีกอีกครา เมื่อนายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียง เผยข้อเสนอจัดตั้งสถาบันการเงินร่วมกับชาติยุโรปกลางและตะวันออก ป้อนสินเชื่อดอกเบี้ยถูกสู่โครงการพัฒนาด้านต่างๆ ในภูมิภาคดังกล่าว
หลังจากปักกิ่งทำคะแนนการทูตครั้งสำคัญ ด้วยความสำเร็จในการจัดตั้งธนาคารเพื่อการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานแห่งเอเชีย (เอไอไอบี) เมื่อช่วงต้นปี โดยมีกลุ่มประเทศสำคัญจากทวีปยุโรปตบเท้าร่วมเข้าทำงาน สวนกระแสคัดค้านจากรัฐบาลวอชิงตันของสหรัฐอเมริกา
ต่อจากนั้นในช่วงกลางปี นครเซี่ยงไฮ้ยังถูกตั้งเป็นฐานของธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งใหม่ (เอ็นดีบี) สถาบันการเงินระดับพหุภาคี ที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อสนับสนุนการเงินแก่โครงการด้านโครงสร้างพื้นฐานและการพัฒนาของชาติสมาชิกกลุ่มบริกส์ (BRICS) หรือกลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ ได้แก่ บราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน และแอฟริกาใต้
วานนี้ (24 พ.ย.) ผู้นำจีนก็ออกโรงแสดงความเป็นพี่ใหญ่อีกครั้ง นายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีนบอกกับเจ้าหน้าที่จากกลุ่มประเทศยุโรปกลางและตะวันออก 16 แห่ง ที่เข้าร่วมการประชุมสุดยอดระดับภูมิภาค ณ เมืองซูโจว ว่าปักกิ่งพร้อมทำงานร่วมกับทุกฝ่าย เพื่อริเริ่มความเป็นไปได้ของการจัดตั้ง “สถาบันการเงิน 16+1”
นายกฯ หลี่ ยื่นข้อเสนอเงินทุนดอกเบี้ยราคาถูก ที่จะจัดสรรมาจากรัฐบาลกลางและธนาคารพาณิชย์ของจีน ป้อนสู่ทั้งสองภูมิภาคดังกล่าว ซึ่งยังคงล้าหลังและต้องวิ่งไล่ตามเพื่อนบ้านผู้มั่งคั่งร่ำรวยทางฝั่งตะวันตกของทวีปยุโรป
“เราสามารถจัดหาเงินให้แก่ประเทศในยุโรปกลางและตะวันออกได้ตามความต้องการ” หลี่กล่าว “ตราบเท่าที่โครงการพัฒนาด้านต่างๆ เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ อุปกรณ์ และเครื่องไม้เครื่องมือของจีน”
หลี่ระบุว่า ธนาคารเพื่อการค้าและอุตสาหกรรมแห่งประเทศจีน ซึ่งเป็นผู้ปล่อยเงินกู้รายใหญ่ที่สุดของจีน และธนาคารเพื่อการนำเข้าและส่งออกแห่งประเทศจีน ซึ่งมีฐานะเป็นสถาบันสินเชื่อเพื่อการส่งออกที่รับนโยบายโดยตรงจากรัฐบาล จะเป็นหัวหอกหลักผู้กระตุ้นการให้กู้ยืมเงิน
อย่างไรก็ดี นายใหญ่รัฐบาลแดนมังกรกลับอ่อนเสียงลงต่อความเป็นไปได้ของการแข่งขันกับองค์กรการเงินระดับพหุภาคีรายอื่น อาทิ ธนาคารเพื่อการบูรณะและพัฒนายุโรป (European Bank for Reconstruction and Development) กล่าวเพียงว่าสถาบันการเงินของจีนนั้นมุ่งส่งเสริมการแลกเปลี่ยนและความร่วมมือที่เข้มแข็ง
ในวันเดียวกันนั้น จีนได้บรรลุข้อตกลงอีกฉบับกับฮังการีและเซอร์เบีย เกี่ยวกับการก่อสร้างและการปรับปรุงเครือข่ายทางรถไฟระหว่างเมืองหลวงของทั้งสองประเทศ ซึ่งสำนักข่าวซินหวารายงานว่าจะเริ่มดำเนินงานภายในสิ้นปีนี้ และมีกำหนดแล้วเสร็จภายในสองปี