รัฐฉี มีเศรษฐีอยู่ครอบครัวหนึ่ง ในบ้านสะสมทรัพย์สมบัติอยู่ไม่น้อย แต่เศรษฐีก็ยังรู้สึกไม่พึงพอใจ วันๆ มัวแต่วิ่งวุ่นแสวงหาทรัพย์สินเพิ่มเติม ขณะเดียวกันกลับละเลยที่จะอบรมสั่งสอนบุตรชายทั้งสองคน
วันหนึ่ง อ้ายจื่อจึงเอ่ยถามเศรษฐีขึ้นว่า “ท่านเศรษฐี บุตรชายทั้งสองของท่านต่างหน้าตาหล่อเหลาทั้งคู่ ทว่ากลับไร้ความสามารถ ทำอะไรก็ไม่เป็น ในอนาคตจะสืบทอดกิจการของท่านต่อได้อย่างไร?” เศรษฐีพอได้ยินคำท้วงติงก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟขึ้นมาทันที โดยกล่าวว่า “ลูกชายของข้าทั้งสองคนต่างฉลาดเฉลียว ทั้งเปี่ยมด้วยความรู้ความสามารถ ท่านกล้ากล่าวเช่นนี้ได้อย่างไร?”
อ้ายจื่อจึงกล่าวต่อว่า “อย่างนั้น ข้าขอท้าท่าน ให้ท่านไปถามบุตรชายทั้งสองของท่านด้วยคำถามเพียงคำถามเดียวว่า ข้าวที่พวกเขารับประทานอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันนั้นมาจากไหน ถ้าพวกเขาตอบได้ ก็ถือว่าคำพูดของข้าเมื่อกี้เป็นแค่การผายลม ส่วนตัวข้าก็จะคุกเข่าขอขมาต่อท่าน”
ดังนั้นเศรษฐีจึงเรียกลูกชายทั้งสองคนมาแล้วเอ่ยถามขึ้นว่า “พวกเจ้าทั้งสองคนรู้ไหมว่าข้าวที่พวกเจ้ารับประทานกันทุกวันมาจากที่ใด?”
พอได้ยินบิดาเอ่ยถามคำถามที่แสนจะธรรมดาสามัญ บุตรชายทั้งสองคนจึงหัวร่อพลางกล่าวตอบว่า “ท่านพ่อคิดว่าแค่คำถามง่ายๆ เช่นนี้พวกข้าจะไม่รู้เชียวหรือ? ... ข้าวที่พวกเรากินกันก็มาจากถุงข้าวในครัวน่ะซี”
ด้านเศรษฐีแห่งรัฐฉีพอได้ฟังก็ทำหน้าสลด พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงแบบหมดอาลัยตายอยากว่า “ลูกทั้งสองเอ่ย พวกเจ้าช่างไร้เดียงสาเสียจริงๆ ข้าวที่เรากินกันน่ะพ่อให้คนซื้อมาจากตลาดต่างหาก”
ฝั่งอ้ายจื่อเมื่อได้ยินคำตอบของเศรษฐีกับบุตรชายทั้งสองจึงเอ่ยขึ้นว่า “มีแต่บิดาที่ทึมทึบเช่นนี้ จึงให้กำเนิดบุตรชายที่เบาปัญญาเช่นนี้ได้ ลูกไม้ช่างหล่นไม่ไกลต้นจริงๆ!”
เรียบเรียงจาก 《艾子杂说》โดย ซูซื่อ (苏轼), ราชวงศ์ซ่ง