ASTVผู้จัดการออนไลน์—ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา นายใหญ่รัฐบาลแดนมังกร คือ นายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียง ได้ออกโรงขับเคี่ยวศึกขจัดความล่าช้าในระบบราชการ และขั้นตอนการรับรองหรืออนุมัติกิจต่างๆที่มากมายเกินเหตุของหน่วยงานรัฐ
ในที่ประชุมผู้นำระดับสูงแห่งคณะมุขมนตรีจีน หรือคณะรัฐบาลเมื่อวันที่ 6 พ.ค.ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียง ได้กล่าวเปรียบเทียบเสียดสีความล่าช้าในระบบราชการและกฎระเบียบขั้นตอนที่ยุ่บยั่บในหน่วยงานรัฐ ว่าต้องการแม้กระทั่ง “รับรองว่ามารดาของคุณคือมารดาของคุณ”
“เป็นเรื่องพิลึกพิลั่น ตลกสิ้นดี! แค่เรื่องประชาชนจะเดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศ หรือพักผ่อนในวันหยุด ก็ต้องดำเนินขั้นตอนมากมาย ผมแคลงใจว่า หน่วยงานรัฐดูแลประชาชนหรือว่าสร้างอุปสรรคแก่ประชาชนกันแน่” เว็บไซต์คณะมุขมนตรีจีน ระบุคำกล่าวของนายกฯหลี่ในที่ประชุมฯเมื่อวันพุธ(6 พ.ค.)
ไม่กี่วันต่อมา นายกฯหลี่ ก็ได้ประชุมทางไกล (teleconference) กับกลุ่มเจ้าหน้าที่ระดับสูงและเจ้าหน้าระดับกลางทั่วประเทศ ประกาศคำมั่น รัฐบาลกลางจะปรับปรุงประสิทธิภาพในระบบราชการ และตัดลดขั้นตอนการรับรอง โดยชี้ว่าการปรับปรุงฯดังกล่าวเป็นเงื่อนไขจำเป็นในการส่งเสริมงานอาชีพ
พร้อมกันนี้ นายกฯหลี่ยังได้ยกตัวอย่างเด็ดๆของความล่าช้าในระบบราชการที่ไร้สาระน่าตลกขบขำกรณีหนึ่ง ได้แก่ หน่วยงานในสังกัดรัฐบาลท้องถิ่นแห่งหนึ่ง ต้องการให้พิสูจน์ว่า “เด็ก 1 ขวบ ไม่มีประวัติอาชญากรรม”
“นี่ไม่ใช่เรื่องตลก นี่เป็นเรื่องจริง” รายงานข่าวผ่านแอปโทรศัพท์มือถือของหนังสือพิมพ์ประชาชน (People’s Daily) ซึ่งเป็นสื่อกระบอกเสียงพรรคคอมมิวนิสต์จีน อ้างคำกล่าวของนายกฯหลี่
นายกฯหลี่เผยว่า เขาได้ผลักดันการลดทอนขั้นตอนต่างๆในระบบราชการมาสองปี แต่ก็ยังไม่บรรลุผลถึงระดับที่ประชาชนคาดหวัง ความซับซ้อนในระบบจัดการบริหารส่อแสดงว่าประเทศนี้ยังล้าหลังกว่ากลุ่มประเทศกำลังพัฒนาบางกลุ่มด้วยซ้ำ
ประชาชนควรสามารถดำเนินขั้นตอนทางออนไลน์ และรัฐบาลควรลดทอนขั้นตอนในการรับรองกิจต่างๆ เพื่อให้การลงทะเบียนของภาคธุรกิจเป็นไปอย่างง่ายขึ้น และยกเลิกการเก็บค่าธรรมเนียมที่ไม่สมเหตุสมผล
และแล้ว “การใช้เส้น” ทางออกของประชาชน
หลังจากที่นายกฯหลี่กล่าวโจมตีระบบราชการจีน ผู้อ่านในปักกิ่ง แซ่หวัง ก็ได้เล่ากรณีพิลึกพิลั่นของขั้นตอนทางการ
คุณตาคุณยายของเขาแต่งงานกันมาตั้งแต่ ปี พ.ศ.2489 (ค.ศ. 1946) ก่อนยุคสาธารณรัฐประชาชนจีน อยู่กินกันมา 69 ปีแล้ว เมื่อเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา สองตายายได้ไปดำเนินการขั้นตอนทำกิจธุระเรื่องหนึ่ง เจ้าหน้าที่ต้องการใบรับรองหรือทะเบียนสมรสยืนยันว่าทั้งสองเป็นสามี-ภรรยากัน จึงจะดำเนินขั้นตอนให้ได้ สมาชิกในครอบครัวช่วยกันหาใบทะเบียนสมรสแต่ก็ไม่พบ และหลักฐานอย่างเดียวที่เหลืออยู่ก็คือ ลูกชายลูกสาว และเรื่องราวในอดีตที่สมาชิกในครอบครัวยืนยัน
นายหวังล่า ตอนนั้นเจ้าหน้าที่บอกให้ผู้เฒ่าทั้งสองที่อายุร่วม 100 ปีกันแล้ว ไปขอใบรับรองการเป็นคู่สามี-ภรรยา ที่หน่วยงานกิจการพลเรือน
“แต่เจ้าหน้าที่ก็บอกว่า ไม่สามารถออกใบรับรองการสมรสระหว่างยุคสาธารณรัฐ” พร้อมกับแนะนำคุณตาคุณยายไปยังหน่วยงานรับรองเอกสาร (notary public office) แต่เจ้าหน้าที่ที่นั่นก็ว่า “ต้องการใบรับรองการสมรสตามกฎหมายจึงดำเนินการให้ได้”
“อย่าว่าแต่ไม่สามารถหาใบทะเบียนสมรสที่ออกในสมัยสาธารณรัฐได้ แม้หาพบก็ไม่มีผลทางกฎหมายแล้ว”
ในที่สุดครอบครัวผู้เฒ่าก็ต้องใช้วิธีการเข้าทางประตูหลัง หาคนรู้จักที่มีอำนาจอิทธิพลเพียงพอมาช่วยผลักดันเรื่องฯ และภายในครึ่งชั่วโมงเท่านั้น ใบทะเบียนสมรสพร้อมตราประทับทางการ ก็ถูกส่งถือมือของคุณจาคุณยาย
เหตุผล 569 ประเภท ที่ทำให้การขจัดความล่าช้าฯในจีน เป็น “งานหิน”
ขณะเดียวกันก็มีการเผยแพร่รายงานการปฏิรูประบบบริหารปกครอง เขียนโดยนาย หวัง เทียนฉี นายกเทศมนตรีเมืองซู่เชียน มณฑลเจียงซู ในรายงานฯฉบับนี้เปิดเผยว่ารัฐบาลท้องถิ่นระดับอำเภอและเมืองต่างๆในเขตปกครองของเขานั้น รับผิดชอบการรับรองอนุมัติ 569 ประเภท ทั้งใบอนุญาตและคุณสมบัติในการประกอบอาชีพ แม้กระทั่งการรับรองคุณสมบัติของพนักงานที่จะเข้าทำงานในร้านเสริมสวย แต่งเล็บ ตัดผม โดยหน่วยงานที่รับผิดชอบออกใบอนุญาตเหล่านี้ จัดตั้งขึ้นในสมัยทศวรรษที่ 1990 และไม่มีการทบทวนใดๆอีกเลย
หน่วยงานรัฐมีรายได้มหาศาลจากการออกเอกสารรับรองต่างๆ อย่างกรณีหนึ่ง กรมอุตุนิยมวิทยาประจำซู่เชียน ทำเงินได้กว่า 10 ล้านหยวนหรือราว 50 ล้านบาท เมื่อสองปีที่แล้ว จากการช่วยเหลือป้องกันความเสียหายจากพายุ
บรรดารัฐบาลท้องถิ่นต่างไม่อยากสูญเสียรายได้ “คุณไม่สามารถสกัดฝูงหมาป่าด้วยด้วยรั้วที่ทำจากไส้กรอก” หวัง ระบุในรายงานของเขา
นอกจากนี้กระบวนการรับรองและออกใบอนุญาต ยังเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ “มันเหมือนกับการสวมโซ่ตรวนที่ขาของนักวิ่งมาราธอน เขาไม่อาจวิ่งได้เร็วไม่ว่าจะอัดฉีดยาบำรุงกำลังเท่าใดก็ตาม การแก้ไขปัญหาทางเดียวก็คือ ปลดโซตรวนนั้นทิ้งไป”
หวังเผยความยากลำบากในลดทอนขั้นตอนการรับรองและออกใบอนุญาตในซู่เชียน คือ การรับรองอย่างน้อย 458 ประเภทต้องยื่นขอไฟเขียวจากเจ้าหน้าที่ที่มีอำนาจสูงกว่าในรัฐบาลท้องถิ่นระดับมณฑล ซึ่งก็หมายความว่าการยกเลิกกฎที่ยุ่บยั่บเหล่านี้ ต้องผ่านด่านเจ้าหน้าที่ระดับมณฑลก่อน
หวังเสนอแนะอีกว่ารัฐบาลควรให้สิทธิและอำนาจมากขึ้นแก่กลุ่มอุตสาหกรรมและสายอาชีพต่างๆ สามารถกำหนดกฎระเบียบต่างๆในกิจการของพวกเขา พร้อมกับลดการกำกับดูแลจากรัฐบาล และอีกวิธีหนึ่งที่จะขจัดความล่าช้าฯได้คือ ให้รัฐบาลเป็นผู้รับผิดชอบค่าธรรมเนียมต่างๆในขั้นตอนการรับรอง ถ้าขั้นตอนเหล่านี้กลายเป็นภาระทางการเงินมากกว่าสร้างรายได้แล้ว การลดความล่าช้าที่ไม่จำเป็นก็จะเป็นไปได้มากขึ้น