เชียงใหม่ - รองผู้ว่าฯ พร้อมเจ้าหน้าที่ศิลปากรเร่งเข้าตรวจสอบเหตุพายุถล่มยอดฉัตรพระธาตุน้อยหักกระแทกพื้น พร้อมเร่งซ่อมให้เสร็จใน 1 เดือน เผย “พระธาตุศรีจอมทอง” ทรุด-เอียงด้วย หลังเจอพายุ-แผ่นดินไหวหลายครั้ง ขณะที่เทศบาลจัดงบช่วยชาวบ้านเต็มที่ พบบ้านเรือนเสียหายนับพันหลัง อาคารสถานที่ราชการ-สวนลำไยได้รับผลกระทบอีกเพียบ
วันนี้ (11 พ.ค.) นายชนะ แพ่งพิบูลย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ นายบุญเชิด สถาพร หัวหน้ากลุ่มงานอนุรักษ์โบราณสถาน สำนักศิลปากรที่ 8 จังหวัดเชียงใหม่ และคณะ เข้าตรวจสอบพระธาตุขาว หรือพระธาตุน้อย ซึ่งเป็นพระธาตุบริวารขององค์พระธาตุศรีจอมทององค์ใหญ่ ที่ได้รับผลกระทบจากพายุฤดูร้อนพัดถล่มเมื่อค่ำวานนี้จนยอดฉัตรหักโค่นลงกระแทกพื้น
โดยพบว่ายอดปลีและฉัตรหักลงมากระแทกกับกำแพงแก้วองค์พระธาตุได้รับความเสียหาย ทั้งนี้ ทางกรมศิลปากรจะส่งวิศวกรมาร่วมทำการบูรณะกับช่างของทางวัดเพื่อให้แล้วเสร็จภายในเดือนนี้ ซึ่งพบว่าแกนเหล็กของยอดฉัตรสั้นประมาณ 50 เซนติเมตร ทำให้รับแรงต้านกระแสลมไม่ไหว ซึ่งจะได้มีการเพิ่มแกนเหล็กให้ยาวขึ้นกว่าเดิม เพราะเคยถูกพายุพัดจนพังถล่มลงมาได้รับความเสียหายเหมือนกับครั้งนี้
นายชนะกล่าวว่า ได้รับการยืนยันจากหลวงปู่ทอง หรือพระธรรม มังคลาจารย์ เจ้าอาวาสวัดพระธาตุศรีจอมทองอีกว่า องค์พระธาตุศรีจอมทองเกิดความโน้มเอียง ทั้งจากเหตุแผ่นดินไหว และลมพายุพัดถล่มหลายครั้ง ดังนั้นจะให้ทางวิศวกรของกรมศิลปากรมาตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง เนื่องจากองค์พระธาตุศรีจอมทองขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน อยู่ในความดูแลของกรมศิลปากร
ด้านนายบุญเชิด สถาพร หัวหน้ากลุ่มงานอนุรักษ์โบราณสถาน สำนักศิลปากรที่ 8 จังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า เบื้องต้นได้ทำรายงานการตรวจสอบทั้งหมดเพื่อรวบรวมส่งกรมศิลปากร ซึ่งทางวัดแจ้งว่าจะใช้งบประมาณวัดในการบูรณะเอง ซึ่งจะมีการสรุปการบูรณะอีกครั้ง โดยที่เกิดเหตุยอดฉัตรหักหลายครั้งเพราะแกนกลางที่ยึดฉัตรสั้นไปก็อาจจะมีการเพิ่มแกนกลางให้มีขนาดยาวขึ้นเสริมขึ้นมาอีก
ขณะที่นายอุดม คำวัน นายกเทศมนตรีตำบลจอมทอง อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ พร้อมเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบบ้านเรือนของประชาชนที่ได้รับความเสียหายจากพายุพัดถล่ม โดยได้ให้ประชาชนที่บ้านเรือนได้รับความเสียหายจากพายุมาขึ้นทะเบียนที่สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยอำเภอจอมทอง พร้อมรับมอบกระเบื้องลอนโค้งและลอนเรียบเพื่อดำเนินการช่วยเหลือบางส่วนก่อน
นายอุดมกล่าวว่า มีบ้านเรือนประชาชนที่ได้รับความเสียหายกว่าพันหลังคาเรือน โดยแบ่งเป็น 3 ตำบล คือ หมู่ 1, 2, 3 และหมู่ 4 ตำบลบ้านหลวง, หมู่ 1 และหมู่ 2 ตำบลดอยแก้ว และหมู่ 4, 5, 6, 9 และหมู่ 11 ตำบลข่วงเปา เบื้องต้นได้ใช้งบของเทศบาลฯ ในการช่วยเหลือบรรทุกข์ให้แก่ประชาชนในพื้นที่ ซึ่งประชาชนบางส่วนเริ่มเก็บกวาด และซ่อมแซมบ้านเรือนอาคารที่เสียหายแล้ว