เอเจนซี - จีนเผยพฤติกรรมสังคมก้มหน้า เอาแต่แชทบนหน้าจอ อาจสร้างความร้าวฉานจนหั่นสะบั้นสายสัมพันธ์ของคนในครอบครัวลงไม่เหลือชิ้นดี
สำนักข่าวไชน่า เดลี อ้าง (6 พ.ค.) ผลการสำรวจที่ตีพิมพ์ผ่านนิตยสารการแต่งงานและครอบครัว (Marriage and Family) ในเครือสหพันธ์สตรีทั่วประเทศจีน (All-China Women's Federation) ระบุประชาชนควรปิดสมาร์ทโฟนคู่กายสัก 1 ชั่วโมงต่อวัน เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์และการสื่อสารทางตรงระหว่างบุคคลในครอบครัว
การเรียกร้องนี้เกิดขึ้นหลังจากคณะนักวิจัยพบว่า ยิ่งคนเราใช้เวลากับอุปกรณ์สื่อสารเหล่านี้มากเท่าไร ก็ยิ่งทำให้สถานะความสัมพันธ์ของสมาชิกครอบครัวตกอยู่ในความเสี่ยงมากเท่านั้น แต่ละคนจึงควรช่วยกันเพิ่มเวลาพูดคุยและทำกิจกรรมอื่นๆ ร่วมกัน แทนการจดจ่ออยู่กับหน้าจอสี่เหลี่ยมในมือ
นิตยสารฯ ซึ่งอ้างว่าเป็นสื่อสิ่งพิมพ์ ‘ที่ปรึกษาทางอารมณ์’ ขนาดใหญ่ที่สุดในจีน ได้เผยการศึกษาชิ้นนี้ออกมาเมื่อวันที่ 29 เม.ย. กล่าวว่าร้อยละ 73.3 ของจำนวนผู้ใช้สมาร์ทโฟนมากกว่า 500 ล้านรายในประเทศ เลือกเปิดโทรศัพท์ทิ้งไว้ตลอดทั้งวันทั้งคืน
ส่วนสามีภรรยาที่ชอบเล่นมือถือยามอยู่ด้วยกัน ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 47.2 ของคู่สามีภรรยาทั้งหมดทั่วประเทศ มีแนวโน้ม ‘สุขใจ’ น้อยกว่าคู่ที่ไม่ได้ใช้สมาร์ทโฟนในกรณีเดียวกัน โดยจากผู้ตอบคำถามมากกว่า 13,000 คน พบร้อยละ 60.1 ซึ่งแต่งงานแล้ว กล่าวโทษ ‘ศัตรูอิเล็กทรอนิกส์’ รุกรานความสัมพันธ์ของพวกเขา
การใช้สมาร์ทโฟนเกินขอบเขตยังมีแนวโน้มก่อปัญหาในความสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่กับลูก ด้วยร้อยละ 36.6 ของผู้ทำแบบสอบถามระบุการใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เป็นเครื่องมือควบคุมจัดการลูกของตัวเองให้สงบเงียบ
ขณะที่ปัญหาด้านสุขภาพก็เป็นอีกหนึ่งผลกระทบ โดยทีมวิจัยพบว่าร้อยละ 62.8 ของผู้ตอบแบบสอบถาม นำโทรศัพท์ขึ้นไปไว้บนเตียงนอนด้วย และร้อยละ 50.3 ก็ยังเล่นมือถือต่ออีกแม้ปิดไฟเข้านอนแล้ว ซึ่งเป็นเหตุผลนำไปสู่ความยากลำบากของการนอนหลับมากกว่าคนกลุ่มอื่น 5 เท่าตัว
ทั้งนี้ค่าเฉลี่ยอายุของผู้ตอบแบบสอบถามอยู่ที่ 28 ปี โดยครึ่งหนึ่งแต่งงานแล้ว และส่วนใหญ่ก็จบการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยแทบทั้งนั้น
เจิน เยี่ยน ผู้อำนวยการสมาคมการแต่งงานและครอบครัวจีนศึกษา เตือนว่าอุปกรณ์สื่อสารกำลังกัดกินเวลาและบทสนทนาของครอบครัวมากยิ่งขึ้น รวมถึงคุกคามตัวเลขดัชนีภาพรวมความสุขของครอบครัวชาวจีนในประเทศอีกด้วย
กรณีตัวอย่างจากนายจัง เมิ่ง นักวิเคราะห์เกมส์ออนไลน์ วัย 33 ปี ยอมรับว่าแฟนสาวมักหงุดหงิดและเริ่มชวนทะเลาะบ่อยครั้งหากเขาไม่หยุดเล่นเกมบนไอโฟน ซึ่งจังสารภาพว่า “ผมวางโทรศัพท์ไม่ได้จริงๆ” ส่วน เย่ จื้อฉิง วัย 67 ปี เล่าว่าลูกชายและลูกสะใภ้ติดมือถือมากจนเรียกว่าหลานชายใช้เวลากับปู่ย่ามากกว่าพ่อแม่ซะอีก
“ครอบครัวของผมตกเป็นเหยื่อเทคโนโลยีสมัยใหม่ไปซะแล้ว” ปู่เย่ปิดท้ายสั้นๆ
ด้านผู้เชี่ยวชาญของศูนย์ปรึกษาการแต่งงานเว่ยชิงในกรุงปักกิ่ง นายหวัง จวิน กล่าวว่า “เป็นเรื่องผิดพลาดมากถ้าคนคิดว่าการนั่งอยู่ในห้องเดียวกันโดยมีโทรศัพท์ของใครของมันคามืออยู่ คือการใช้เวลาร่วมกัน”
หลี่ อิง อาจารย์ด้านกฎหมายผู้มีประสบการณ์เรื่องสิทธิสตรีจากมหาวิทยาลัยสตรีจีน บอกว่า “การขาดแคลนกระบวนการสื่อสารแบบเผชิญหน้า ซึ่งถือว่ามีความสำคัญมากนั้น จะบดขยี้สายสัมพันธ์ทั้งหมดทุกประเภทลงอย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้”
อย่างไรก็ดี สี่ว์ เหยียน คณบดีสำนักวิชาจิตวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยครูปักกิ่ง เสริมว่า ปัจจุบันประชาชนจีนจำนวนมากก็เริ่มตระหนักว่าการจมจ่ออยู่กับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ได้ทำลายคุณภาพของความสัมพันธ์ในครอบครัวและสังคมมากขึ้นแล้ว